xs
xsm
sm
md
lg

อ่างทองตลาดปลาเดือด! ความต้องการปลาน้ำจืดไทยพุ่ง 30–40% หลังสู้รบ–ปิดด่านไทย–กัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อ่างทอง – ตลาดค้าส่งปลาน้ำจืดใหญ่สุดภาคกลางเผยอานิสงส์ด่านชายแดนปิด ผู้ค้าหันใช้ปลาฝั่งไทยทดแทนนำเข้า ดันความต้องการปลาช่อนพุ่ง 30–40% แต่ติดปัญหาขนาดปลาไม่หลากหลาย–ต้นทุนยังสูง

วันนี้( 13 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตลาดทรัพย์ทวี อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคกลาง พบว่าการซื้อขายยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีทั้งปลาน้ำจืดจากแหล่งผลิตในประเทศ และปลานำเข้าจากกัมพูชาและเมียนมา  สำหรับปลานำเข้าจากเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นปลาหลดและปลาเนื้ออ่อน ขณะที่ปลานำเข้าจากกัมพูชา ได้แก่ ปลาช่อนทั้งตัว ปลาช่อนแล่สำหรับตากแห้ง ปลาซิวแก้ว และปลาหมู

นางวิพา สาวะ หรือ “เจ๊นก” เจ้าของร้านนกลองปลาสด เปิดเผยว่า ทำธุรกิจค้าปลามากว่า 30 ปี นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์สู้รบและการปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ค้าต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อไม่ให้กระทบลูกค้าประจำเดิมนำเข้าปลาจากกัมพูชาผ่านด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว แต่เมื่อด่านปิดต้องเปลี่ยนเส้นทางไปนำเข้าที่อำเภอช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ลูกค้าบางส่วนไม่เข้าใจการปรับขึ้นราคาในช่วงแรก แต่หลังอธิบายถึงสถานการณ์ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะหันมาใช้ปลาน้ำจืดจากฝั่งไทยเสริม แต่ยังติดปัญหาเรื่องขนาดหรือไซด์ของปลาที่มีให้เลือกน้อยกว่าปลานำเข้าจากกัมพูชา ทำให้ร้านอาหารบางแห่งมีข้อท้วงติง โดยปัจจุบันเมื่อเทียบต้นทุนแล้ว ราคาปลาไทยไม่ต่างจากปลานำเข้า จึงเลือกใช้ปลาฝั่งไทยมากขึ้น

ด้านนางปรียาพร จรัสศรี หรือ “เจ๊แวว” ผู้ค้าส่งปลาน้ำจืด กล่าวว่า ผู้ค้าจำเป็นต้องปรับตัวนำปลาน้ำจืดของไทยมาเสริม เนื่องจากต้นทุนนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และใช้เวลาเดินทางนานขึ้นจากสถานการณ์ชายแดน ขณะที่ลูกค้าประจำยังมีความต้องการต่อเนื่อง จึงต้องหาแหล่งสินค้าในประเทศมาทดแทน

อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อในประเทศเริ่มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยต้องรอประเมินสถานการณ์ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2568 ต่อเนื่องถึงช่วงปีใหม่ 2569 ก่อนจะวางแผนปรับตัวรับมือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อไป

ขณะที่นางทองสุก กล่ำ หรือ “เจ๊สุก” ผู้ค้าส่งปลาน้ำจืดนำเข้า ระบุว่า ความต้องการของลูกค้ายังมีใกล้เคียงเดิม แต่ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนนำเข้าสัตว์น้ำจากกัมพูชาที่สูงขึ้น จากการเปลี่ยนเส้นทางนำเข้า ลูกค้าบางรายเข้าใจสถานการณ์และยังคงซื้อสินค้า แต่บางรายลดปริมาณการซื้อ ทำให้ผู้ค้าจำเป็นต้องปรับตัวหลายด้านเพื่อประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไป

ด้านนางสุมามาลย์ สุวพันธุ์ ผู้จัดการตลาดทรัพย์ทวี เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ค้าสัตว์น้ำในตลาด พบว่าความต้องการปลาน้ำจืดของไทย โดยเฉพาะปลาช่อน เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 30–40 เพื่อนำมาทดแทนปลานำเข้าจากกัมพูชาที่มีต้นทุนสูง ถือเป็นโอกาสของเกษตรกรไทยในการสร้างรายได้เพิ่ม

ผู้ค้าบางรายระบุว่า ต้องตระเวนหาซื้อปลาช่อนในพื้นที่ภาคกลาง และต้องวางเงินมัดจำล่วงหน้าเพื่อการันตีการซื้อ จากเดิมที่จับปลาแล้วจ่ายเงินทันที ขณะที่ขณะนี้ปลาน้ำจืดในประเทศเริ่มหายาก เนื่องจากปลาโตไม่ทันกับความต้องการของตลาด










กำลังโหลดความคิดเห็น