เครือข่ายแพร่เมืองไม้ยั่งยืนเร่งสำรวจเพิ่มพื้นที่ปลูกป่า 8 อำเภอ บินดูงานสวีเดนนำมาปรับบริหารจัดการตัดไม้ใช้ประโยชน์ได้ยั่งยืน เพิ่มมาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ ได้ราคาที่ลูกค้าพอใจ
ปัจจุบันคณะทำงาน "แพร่เมืองไม้ยั่งยืน" จ.แพร่ ได้ผลักดันให้มีการพัฒนา จ.แพร่ เป็นพื้นที่พัฒนาทรัพยากรไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนโดยอนุรักษ์ธรรมชาติด้วย ล่าสุดได้มีการส่งตัวแทนเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสวีเดนในทวีปยุโรป เพื่อใช้แนวทางของสวีเดนมาเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นได้มีการประชุมคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยสถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน ผู้แทนฝ่ายการเมือง องค์กรทางสุขภาวะ (สสส.) และผู้ประกอบการสิ่งประดิษฐ์ไม้สักเมืองแพร่ ณ จินเจอร์เบรด เฮ้าส์ แพร่ อ.เมืองแพร่
นายอดิสร ฉลวย ประชาสัมพันธ์กลุ่มแพร่เมืองไม้ยั่งยืน ได้สรุปผลจากศึกษาดูงานที่ประเทศสวีเดนและการประชุมดังกล่าวว่าเมืองแพร่จะต้องพัฒนาให้เกิดแบรนด์ "แพร่เมืองไม้ยั่งยืน" เพื่อให้เป็นภาพจำของสาธารณชน ภายใต้เอกภาพของกลุ่มผู้ถือครองที่ดิน นโยบายภาครัฐที่จะเข้ามาสนับสนุน และเกิดความร่วมมือทำงานร่วมกันในทุกฝ่าย
ปัจจุบันแผนการสร้าง “แพร่เมืองไม้ยั่งยืน” โดยภาคประชาชนได้มีการสำรวจพื้นที่ปลูกป่า โดยจะเร่งให้ครบทั้ง 8 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่ต้นแบบที่ อ.ลอง เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่และต่อมาได้เพิ่มเป็น 100 ไร่ สอดรับกับเป้าหมายของกรมป่าไม้ที่ต้องการเพิ่มผืนป่าอีกจำนวน 1,700 ไร่ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งพื้นที่ต้นแบบดังกล่าวจำเป็นจะต้องให้ความรู้ เทคโนโลยี การจัดการ และรักษาระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปีนับจากนี้
นายอดิศรกล่าวว่า เมืองแพร่ต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ว่า “การตัดไม้ไม่ใช่ขบวนการทำลายป่า” แต่คือการบริหารจัดการป่าไม้ให้มีความยั่งยืน สามารถตัดไม้แบบไม่ทำลายระบบนิเวศ โดยจะผลักดันให้เป็นแผนยุทธศาสตร์จังหวัดใน พ.ศ. 2571-2575 ทั้งนี้ จ.แพร่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องใช้ในบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สัก จึงจะมีการพัฒนาคุณภาพของไม้และงานฝีมือ สร้างระบบรับรองมาตรฐาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับราคาที่ลูกค้าพึงพอใจ
"การปรับเปลี่ยนไปสู่เป้าหมายต้องทำงานเชิงระบบ System change สร้าง Ecosystem ที่ครบวงจร ความหลากหลายทางชีวภาพเอื้อต่อการผลิตต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เกิดพื้นที่เรียนรู้ธรรมชาติกับการพัฒนาที่ไปด้วยกันเพื่อเปลี่ยนทัศนคติสังคม มีระบบการยกย่องและสร้างต้นแบบ Building Award เป็นการสร้างแรงจูงใจ ซึ่งภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามาให้ความสนใจ" นายอดิศรกล่าว


