หนองคาย-ญาติพี่น้องที่หนองคาย ทราบข่าว พลทหารธนรัตน์ จันทร์ประทัด พลีชีพรายที่ 7 แม่อยู่เกาหลีใต้รู้ข่าวเข่าทรุด เพิ่งโทรคุยกับลูกชายได้นาทีเดียว ถูกเรียกขึ้นรถไปสนามรบ บอกครั้งสุดท้าย “แม่ไม่ต้องห่วงไม่ถึงคราวตายไม่ตายหรอก” แม้สูญเสียแต่ภูมิใจที่ลูกชายสละชีพเพื่อชาติ
จากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ส่งผลให้ พลทหารธนรัตน์ จันทร์ประทัด กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 กำลังพลสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 ตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.113 พัน.3) ถูกฝ่ายกัมพูชา ยิงปืน ค.ลงข้างยานเกราะสไตรเกอร์ของทหารไทย บริเวณด่านบึงตะกวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว นับเป็นกำลังพลพลีชีพรายที่ 7 ของกองทัพไทย ในการสู้รบเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68
วันนี้ (11 ธ.ค.68) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดหนองคาย ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 41 หมู่ 8 บ้านวังชมภู ต.เฝ้าไร่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นบ้านของพลทหารธนรัตน์ จันทร์ประทัด ได้พบกับนายวิรัตน์ จันทร์ประทัด อายุ 74 ปี ปู่ , นางนกแก้ว จันทร์ประทัด อายุ 67 ปี ย่า ญาติพี่น้องของพลทหารธนรัตน์ ซึ่งขณะไปที่บ้านเป็นจังหวะที่นางสุพัตรา จันทร์ประทัด อายุ 47 ปี แม่ของพลทหารประทัด โทรศัพท์มาหาญาติที่บ้านพอดี
ผู้สื่อข่าวจึงได้พูดคุยสอบถามกับนางสุพัตรา ผู้เป็นแม่ ซึ่งทำงานภาคการเกษตรอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ทราบว่า พลทหารธนรัตน์ หรือ ปลื้ม อายุ 22 ปี เข้าคัดเลือกทหารที่จังหวัดหนองคายเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา เพิ่งฝึกทหารได้ 1 ปี ได้เข้าร่วมรบชายแดนไทย – กัมพูชา ในรอบแรกพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ส่วนรอบล่าสุดนี้ยังพื้นที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์หาลูกชายพูดคุยกันตามปกติ บอกให้ลูกมีสติ ระมัดระวัง ลูกชายก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงถ้าไม่ถึงคราวตายก็ไม่เป็นไร จากนั้นลูกบอกว่าต้องวางสายแล้วรีบขึ้นรถออกปฏิบัติงานแล้ว จึงได้ขาดการติดต่อ
กระทั่งเวลาตี 1 ของประเทศเกาหลี ได้รับโทรศัพท์จากญาติที่ไทยแจ้งว่า น้องปลื้ม เสียชีวิตจากการปะทะ พอทราบข่าวก็แทบทรุด เสียใจมาก ทำใจไม่ได้ แต่ก็ภูมิใจที่ลูกชายได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติอย่างเข้มแข็ง เดิมทีลูกชายจะประจำการในกรม 2 ปี และจะปลดประจำการปลายปี 69 วางแผนไว้ว่าเมื่อปลดประจำการแล้ว หากไม่ได้ช่วยขับรถรับส่งนักเรียนแทนปู่ก็จะไปทำงานเกษตรกับแม่ที่เกาหลีใต้ แต่ก็มาสละชีพเพื่อชาติก่อน
ด้านนายวิรัตน์ และนางนกแก้ว จันทร์ประทัด ปู่ย่าของพลทหารธนรัตน์ บอกว่า เลี้ยงน้องปลื้มมาตั้งแต่เกิด พ่อไปทำงานโรงงานที่ชลบุรี ส่วนแม่ไปทำงานเกาหลีใต้ น้องปลื้มก็เป็นเหมือนวัยรุ่นผู้ชายทั่วไป พอจับได้ใบแดง ก็ไปฝึกทหาร ปู่ย่าก็หวังจะยกบ้านหลังที่อยู่นี้ รวมถึงซื้อบ้านไว้ให้อีกหลังหนึ่ง ก็จะยกให้หลานชาย และเมื่อปลดประจำการแล้วก็อยากให้มาช่วยขับรถรับส่งนักเรียนจากละแวกบ้านไปยังโรงเรียนชุมพลโพนพิสัย พื้นที่ติดกัน แทนปู่ที่แก่ตัวลง
การจากไปของหลานชายในครั้งนี้เป็นเรื่องหนักที่ทำใจไม่ได้ เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เพราะเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เล็ก แต่ก็ภูมิใจในตัวหลานที่เป็นชายชาติทหาร
ขณะเดียวกัน ที่วัดแก้วสวัสดิ์ หรือ วัดบ้านวังชมภู ได้มีชาวบ้านระดมกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ วางเต้นท์ จัดเก้าอี้ เพื่อเตรียมเป็นสถานที่ประกอบพิธีรับร่าง พิธีสวดพระอภิธรรมและพิธีพระราชทานเพลิงศพพลทหารธนรัตน์ จันทร์ประทัด ซึ่งจะนำมาไว้ที่วัดแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.


