กาญจนบุรี - รองผู้ว่าฯ กาญจนบุรีเผยค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่มีจุดความร้อน ขณะ มท.3 นั่งหัวโต๊ะประชุมส่วนราชการ 52 จังหวัด สั่งยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นทุกมิติ เน้นแจ้งเตือนประชาชนแบบเรียลไทม์ พร้อมเข้มคุมการเผา–ตรวจควันดำ–ก่อสร้าง และอุตสาหกรรม
วันนี้ (9 ธ.ค. ) นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง พบค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 59 คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ที่ 27.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และไม่พบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 52 จังหวัด เข้าร่วมประชุม
นายศักดิ์ดา กล่าวในที่ประชุมว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในหลายพื้นที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นวงกว้าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความห่วงใยต่อสุขภาพประชาชน และสั่งการให้ทุกจังหวัดและหน่วยงานส่วนกลางเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเน้นย้ำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในทุกด้านให้เข้มข้นและต่อเนื่อง
รมช.มหาดไทย ยังสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา และ GISTDA เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์แบบใกล้ชิด หากพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ให้แจ้งเตือนประชาชนทันทีผ่านระบบ Cell Broadcast เพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพได้อย่างทันท่วงที
พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ใช้ระบบ Single Command ควบคุมสถานการณ์ร่วมกับท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน เดินหน้า “เคาะประตูบ้าน” สร้างความเข้าใจเรื่องการห้ามเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร รวมถึงเข้มงวดตรวจควันดำ การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม หากพบการกระทำผิดต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
สำหรับสถานการณ์ไฟป่า นายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนควบคุมไฟป่า เข้ารายงานความคืบหน้ามาตรการเตรียมความพร้อมรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 2569 ในพื้นที่ภาคกลาง โดยระบุว่า สภาพป่าในหลายพื้นที่อยู่ในระดับความเสี่ยงไฟป่าตั้งแต่ต่ำถึงปานกลาง และในช่วง 22 พ.ย.–7 ธ.ค. พบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 2 จุด ซึ่งเกิดในเขตทำกินของราษฎร ขณะนี้กรมอุทยานฯ ได้ดำเนินมาตรการตามแผนเตรียมพร้อมก่อนฤดูไฟป่า ทั้งจัดตั้งศูนย์สั่งการทุกระดับ รณรงค์ “เคาะประตูบ้าน” จ้างราษฎรเฝ้าระวังจุดเสี่ยง และพัฒนาศักยภาพชุดเสือไฟ
รมช.มหาดไทยได้กำชับเพิ่มเติมให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งปฏิบัติ 4 มาตรการหลัก ได้แก่
1.ควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
2.จัดกำลังลาดตระเวนต่อเนื่อง
3.จัดทำแนวกันไฟป้องกันไฟลุกลาม
4.ปิดป่าในช่วงสถานการณ์เข้าสู่ภาวะเสี่ยงวิกฤต
ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นมลพิษที่เชื่อมโยงหลายพื้นที่ การเผาในพื้นที่หนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อจังหวัดใกล้เคียง จึงจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด


