ศูนย์ข่าวศรีราชา- "อภิสิทธิ์" ควงแขน "สาธิต ปิตุเตชะ" และคณะผู้บริหารพรรคฯ ลุยพบปะพูดคุยนักธุรกิจ-ชาวบ้านในพื้นที่ จ.จันทบุรีและระยอง รับฟังข้อเสนอแนะการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก เตรียมพร้อมเลือกตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง
.
วันที่ (4พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะและคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรีและระยอง พื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก โดยในช่วงเช้าได้เข้าสักการะองค์ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองจันทบุรีเพื่อความสิริมงคล
นายอภิสิทธิ์ ยังได้ทำพิธีการยกดาบองค์พ่อตากสิน พร้อมยกช้างเสี่ยงทายตามความเชื่อที่ว่าหากยกช้าง 2 ครั้ง ครั้งที่ 1ยกได้ง่ายดายแต่ครั้งที่ 2 หนักไม่สามารถยกขึ้นได้จะถือว่าคำที่อธิษฐานขอพรไว้จะสำเร็จสมหวัง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ยกได้ตามนั้นจึงเชื่อว่าพรที่ขอไว้จะสำเร็จสมหวังดังคำเสี่ยงทาย
ก่อนจะเดินทางมาไปยังวัดเขตร์นาบุญญาราม วัดเก่าแก่อนัมนิกายจีน-ไทย เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์และพบปะประชาชนพร้อมล้อมวงพูดคุยบริเวณตลาดเฉลิมจันท์ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของ จ.จันทบุรีและภูมิภาคตะวันออก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างพื้นฐาน
โดยยังให้ความสำคัญต่อระบบการเมืองที่สุจริตและการบริหารงานที่โปร่งโส ปราศจากอิทธิพลจากเงินที่ไม่ถูกต้อง และยังชี้ว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมต้องอาศัยการตัดสินใจที่เป็นกลาง ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งต้องเข้าใจพื้นที่และสามารถผลักดันการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัดได้อย่างแท้จริง
ชี้ ภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ซึ่ง จ.จันหบุรี มีความโดดเด่นด้านผลไม้และอัญมณี ที่สามารถต่อยอดสู่การเป็น"เมืองการค้า" เมือง MICE และเมืองที่มีศักยภาพในการเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเป็นเจ้าภาพงานพืชสวนโลก เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มในพื้นที่
โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอนาคต: Wellness of the Eastพัฒนาจันทบุรีสู่เมืองด้านสุขภาพ "
เดินสายพบปะผู้ประกอบการ- ภาคธุรกิจระยอง
และในเวลา 15.00 น. ยังได้พบผู้ประกอบการและภาคธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจ โดยมี นายทินกร ลาวัณย์เสถียร ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง พร้อมด้วยผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคขนส่งโลจิสติกส์และภาคท่องเที่ยว ร่วมสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนที่ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน
นายอภิสิทธิ์ เผยว่าการลงพื้นที่พบภาคเอกชน ชุมชนชาวจันทบุรี และชาวระยอง ก็เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดที่ทางพรรคฯ กำลังดำเนินการ
ส่วนการวางตัวผู้สมัคร สส.ในพื้นที่ภาคตะวันออกนั้นยอมรับว่าพรรคดำเนินการช้ากว่าพรรคอื่นๆ และได้ปิดรับสมัครในโครงการ สส.ที่ดีของพรรคไปเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
และในช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการทำตามขั้นตอนของกฎหมายทั้ง การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร และส่งรายชื่อให้สาขาพรรค หรือตัวแทนพรรคประจำแต่ละจังหวัดเพื่อให้ความเห็น และคณะกรรมการสรรหาของพรรคตัดสินคนที่เหมาะสมแล้วจึงจะเสนอต่อกรรมการบริหารพรรค
" ส่วนความคาดหวังที่จะได้จำนวน ส.ส.ในพื้นที่ภาคตะวันออก ขณะนี้คิดว่าเร็วไปที่จะตอบ ซึ่งทางพรรครู้ว่าเริ่มต้นช้ากว่าพรรคอื่น เพราะพรรคเพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ทางพรรคพยายามจะเฟ้นหาผู้สมัครเพื่อมาตอบโจทย์ให้พี่น้องแต่ละพื้นที่รวมทั้งภาคตะวันออก และจังหวัดระยองด้วย ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะซื้อใจคนภาคตะวันออกได้อีกหรือไม่ คิดว่าหากย้อนกลับไปดูทั้งนโยบายระดับชาติของพรรค เรื่องการศึกษา เบี้ยยังชีพ อสม. ไล่เรียงมาถึงประเด็นเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดระยอง ที่ได้ทำทั้งการแก้ไขปัญหามาบตาพุด น้ำประปา นำสารบัญการศึกษาเข้ามา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งเป็นหลักประกันว่าพรรคพร้อมจะมาทำงานที่นี่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


