เชียงใหม่ - ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกจับอีก..แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนเช่าบ้านหรูสารภี เชียงใหม่ พร้อมของกลางสมุดบัญชีม้ากว่า 200 เล่ม แต่ละเล่มมีเงินเข้าออกวันละกว่า 400,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 174 เครื่องที่ใช้รับโอนเงิน เผยขณะจับกุมยังมีเงินโอนเข้าบัญชีตลอด
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าตรวจค้นบ้านหรู 2 ชั้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ตำบลหนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ หลังสืบทราบมีคนจีนเข้ามาเช่าพักอาศัย กระทั่งสามารถจับกุมชายชาวจีน คนดูแล พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ จำนวน 174 เครื่อง ที่กำลังรับโอนเงิน และบัญชีม้า อีก 277 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 73 ใบ (บนชั้น 2 ของบ้าน) คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง
และระหว่างการจับกุมยังมีเงินโอนเข้าบัญชีตลอด แยกเป็นบัญชี ธนาคารกรุงเทพ 187 เล่ม กรุงไทย 50 เล่ม ธนาคาร ทีทีบี 12 เล่ม กสิกรไทย 15 เล่ม ธนาคารออมสิน 6 เล่ม ธนาคารธนชาติ จำนวน 6 เล่ม และไทยพาณิชย์ 1 เล่ม ส่วนบัตรเอทีเอ็ม เป็นของธนาคารกรุงไทย จำนวน 3 ใบ ธนาคารกสิกรไทย 1 ใบ ธนาคารกรุงเทพ 63 ใบ ทีทีบี 4 ใบ และไทยพาณิชย์ 2 ใบ
พล.ต.ต.ศราวุฒิ คนใหญ่ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทย โดยจุดนี้เป็นเพียงจุดรับโอนเงินเข้า และโอนเงินของผู้เสียหายออกทันที แต่ละวันคาดว่ามีเงินเข้าบัญชีวันละไม่ต่ำกว่า 400,000 บาทต่อบัญชี
และระหว่างตรวจค้นบ้านพบชายชาวจีนอีก 1 คนที่มาหาผู้ต้องหาที่บ้าน จึงควบคุมตัวไว้พร้อมอุปกรณ์การสื่อสาร และบัญชีธนาคารในท้ายรถยนต์เก๋ง ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล จับกุมกลุ่มเครือข่าย ที่ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานในการโทร.ไปหลอกลวงคนไทย ว่าใช้วิธีการแบบไหน
แต่เบื้องต้นดำเนินคดีข้อหามีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบไว้ในครอบครองเพื่อนำออกใช้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” และ “เป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566” พร้อมควบคุมตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.คมสันต์ มีภักดี ผู้กำกับการ สอท.4 ขอความร่วมมือประชาชน หากพบคนจีนมาเช่าบ้านพักอาศัย และมีการเข้าออกบ้านผิดปกติ ให้ช่วยแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ด้วยเพื่อเข้าไปตรวจสอบ


