เชียงราย - เสียงคนลุ่มน้ำกกเป็นเอกฉันท์..รุมค้านรัฐสร้างฝายดักตะกอน หวังดักมลพิษข้ามแดนจากเหมืองแร่เขตว้า เชื่อไม่ได้ผล แถมรังแต่จะเพิ่มปัญหากระจายสารพิษข้ามแดนซ้ำ พร้อมจี้ “อนุทิน” เร่งยกระดับเจรจาเมียนมา/ว้า-ล้ม MOU แรร์เอิร์ทกับอเมริกา
วันนี้ (11 พ.ย.) นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธาน และนายโอภาส ถาวร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ขึ้นที่ห้องประชุมคชสาร ศูนย์การเรียนรู้และนันทนาการ สนามกีฬากลาง จ.เชียงราย
หลังจากปรากฏข้อมูลชัดเจนว่ามีเหมืองแร่ทองคำ แมงกานีส แรร์เอิร์ท ฯลฯ หลายแห่งติดแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในเขตอิทธิพลของเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) และรัฐบาลทหารเมียนมาในรัฐฉาน มีการปล่อยสารพิษโดยเฉพาะสารหนูลงในแม่น้ำและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้าน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มาตั้งแต่ต้นปี 2568
ซึ่งมีตัวแทนภาคประชาชนเดินทางไปร่วมเป็นจำนวนมาก เช่น นางเตือนใจ ดีเทศน์ นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม นายประณอม เชิมชัยภูมิ กรรมการสมัชชาเชียงรายล้านนาแห่งความสุข นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ฯลฯ
ก่อนรับฟังความคิดเห็น นายหล้า พุ่มไพรระไหวชื่น ตัวแทนเครือข่ายสิทธิมนุษยชนเชียงราย พร้อมผู้ที่เข้าร่วมเวทีฯ ได้ยื่นหนังสือผ่านนายโอภาส ส่งผ่านไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี แจ้งถึงสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกกจนมีการแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำ
พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสุขภาพชาวบ้านริมฝั่งโดยด่วน ตรวจสอบคุณภาพน้ำ บ่อน้ำหรือน้ำบาดาล ตะกอนดิน พื้นที่เกษตรอย่างต่อเนื่อง และให้เร่งจัดหาแหล่งน้ำใหม่ ยุติการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก ยกเลิกข้อตกลงหรือ MOU แร่แรร์เอิร์ทกับสหรัฐอเมริกาเพราะจะเพิ่มปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำอีก ให้มีการเจรจากับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดหรือยุติเหมืองแร่กำเนิดมลพิษ ฯลฯ
ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนได้นำป้ายคัดค้านบ่อดักตะกอนและยกเลิก MOU กับสหรัฐอเมริกาแปะหน้าภาพโครงสร้างบ่อดักตะกอนในแม่น้ำ การดักท่อนซุงและกอไม้ ฯลฯ ซึ่งจัดแสดงเอาไว้ด้านหน้าหอประชุม และเมื่อมีการเปิดให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นปรากฏว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจะสร้างบ่อดักตะกอนในแม่น้ำกก
รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงรายกล่าวว่า เชียงรายเคยมีการเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกกตรวจ 15-17 จุด เดือนละ 2 ครั้ง พบว่าทางตอนเหนือของฝายเชียงรายมีปริมาณสารหนูเกินมาตรฐานแต่ท้ายฝายลงไปมีน้อยกว่าหรือไม่เกินค่ามาตรฐาน จึงเป็นเพียงแนวคิดว่าฝายจะสามารถดักตะกอนและลดสารพิษที่มากับน้ำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายหล้ากล่าวว่าปัจจุบันชาวบ้านได้รับผลกระทบมากเพราะไม่กล้าสัมผัสน้ำต้องหาแหล่งน้ำใหม่ที่ยากลำบากขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวก็มีคนไปท่องเที่ยวน้อยลงจาก 90% เหลือแค่ 10% โดยเฉพาะปางช้างบ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำกกและเดิมมีช้างอยู่กว่า 20-30 เชือกปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 10 เชือก การจะนำน้ำมาให้ช้างก็ต้องกักน้ำลำห้วยแทนแม่น้ำกก ตนจึงเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านโดยด่วน ส่วนการทำฝายดักตะกอนนั้นไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ
นายประณอมกล่าวว่าภาครัฐทำงานไม่บูรณาการ จึงเสนอให้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นทางการ มีกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้ หากศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงก็จะใช้เป็นแนวทางให้รัฐบาลนำไปเจรจากับประเทศเมียนมาที่เป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ต่างๆ ถ้าไม่ทำก็สงสัยว่าจะรอให้ประชาชนเจ็บป่วยเหมือนโรคมินามามิตะในประเทศญี่ปุ่นหรือ
ส่วนกรณีจะมีการสร้างฝายดักตะกอนนั้นตนไม่เห็นด้วยเพราะยังไม่เคยมีทำที่ประเทศไหน และไม่มีการพิสูจน์ว่าจะได้ผลดี ในฐานะประชาชนเห็นว่าดักตะกอนได้เฉพาะฤดูแล้งส่วนฤดูฝนก็ดักไม่ได้ อีกปัญหาหนึ่งคือจะเกิดตะกอนที่ปนเปื้อนสารพิษอยู่ตรงหน้าฝาย และสิ่งที่เคยได้ยินคือจะมีการนำทิ้งให้ห่างออกไป 100 กิโลเมตร ก็สงสัยว่าจะเป็นการกระจายสารพิษออกไปอีกหรือไม่
ด้านนายโอภาสกล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นการนำข้อคิดเห็นของประชาชนไปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาตามนโยบายของกรมทรัพยากรน้ำที่จะทำก่อนจะดำเนินการโครงการใดๆ โดยก่อนหน้านี้ได้ไปรับฟังความเห็นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พบว่าประชาชนก็ไม่ต้องการให้สร้างฝายดักตะกอนซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว จึงยืนยันว่ายังไม่มีแนวทางจะสร้างฝายดักตะกอนหากว่าประชาชนไม่เห็นด้วย
ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ว่าถ้าประชาชนไม่เอาเรื่องใดเราก็ไม่เอาเช่นกัน ดังนั้นจึงยืนยันด้วยว่ากรมทรัพยากรน้ำไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับประชาชนแต่เรามาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อจะนำไปแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ส่วนกรณีสร้างฝายดักตะกอนก็คงจะไม่มีเพราะหากจะมีต้องมีขั้นตอนมากมาย เช่น ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ ฯลฯ


