xs
xsm
sm
md
lg

"Exotic Fish” ช่องโหว่ลักลอบนำเข้า-ส่งออกปลาต่างถิ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"Exotic Fish” ช่องโหว่ลักลอบนำเข้า-ส่งออกปลาต่างถิ่น 

ปลาสวยงาม ปลาแปลก ปลาหายาก หรือ Exotic Fish ไม่ได้เป็นเพียงงานอดิเรก หากแต่เป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลในความแปลกใหม่และสีสันอันน่าตื่นตาของสิ่งมีชีวิตจากโพ้นทะเล จากลุ่มน้ำแอมะซอนถึงเทือกเขาแอนดีส ปลาต่างถิ่นหลากชนิดถูกลักลอบนำเข้าสู่ตู้กระจกในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าทางการตลาดที่สูงลิ่ว แต่เบื้องหลังความหรูหราของตู้ปลาเหล่านั้น กำลังซ่อนระเบิดเวลาทางนิเวศวิทยาที่พร้อมจะทำลายความสมดุลอันเปราะบางของแหล่งน้ำพื้นเมืองไทยนั่นคือวิกฤตการณ์ที่เกิดจาก "ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน" 

ต้นตอของหายนะนี้คือการลักลอบนำเข้า โดยผู้ประกอบการที่แสวงหากำไรอย่างขาดความรับผิดชอบ และความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย แม้กรมประมงจะมีประกาศห้ามนำเข้าหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่นหลายชนิดตาม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 (มาตรา 65) ซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีในการประกาศกำหนดห้ามการนำเข้า ส่งออก เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์น้ำบางชนิด เพื่อป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ 

แต่ช่องโหว่ทางกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดในการสำแดงเท็จเอกสารการนำเข้า ยังเปิดทางให้ปลานักล่าเหล่านี้เล็ดลอดเข้ามาในประเทศอย่างง่ายดาย เมื่อใดที่ปลาเหล่านี้เข้ามาเพาะเลี้ยงในฟาร์มแล้ว การหลุดรอดสู่แหล่งน้ำสาธารณะก็เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากยิ่ง เมื่อปลาต่างถิ่นสามารถปรับตัวและขยายพันธุ์ได้เร็วกว่าปลาพื้นเมือง พวกมันก็จะกลายเป็น "ผู้รุกราน" ที่มีประสิทธิภาพสูง เข้าแย่งชิงอาหารและที่อยู่ รวมถึงกินไข่และลูกปลาของชนิดพันธุ์ดั้งเดิม ทำให้ประชากรปลาพื้นเมืองลดลงอย่างฮวบฮาบ
 
ภัยคุกคามที่รุนแรงในปัจจุบันมาจากปลาต่างถิ่นหลายชนิดที่ปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศไทยได้ดีเกินไป เช่น
• ปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาเพื่อการเพาะเลี้ยงและส่งออก แต่แพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำกร่อยและน้ำจืดอย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการปรับตัวที่สูง และการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อการประมงในลุ่มน้ำแม่กลอง

• ปลาซัคเกอร์ (Suckermouth Catfish) : เดิมเป็นปลา "เทศบาล" ทำความสะอาดตู้ปลา แต่เมื่อถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลอง พวกมันได้กลายสภาพเป็นเครื่องจักรทำลายล้างขนาดเล็ก ขุดโพรงตามตลิ่งเพื่อวางไข่ ทำให้ตลิ่งพังทลาย และกินไข่ปลาชนิดอื่น ๆ

• ปลาหมอมายัน (Mayaheros urophthalmus) และปลาหมอบัตเตอร์ (Heterotilapia buttikoferi): ปลานักล่าจากอเมริกาและแอฟริกาที่มีความดุร้ายสูง เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อลูกปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็ก นอกจากนี้ปลาหมอมายันยังถูกระบุว่าเป็น พาหะนำโรคและปรสิต

• ปลาปิรันย่า (Piranha - Pygocentrus nattereri และกลุ่มอื่นๆ): ปลานักล่าชื่อก้องโลกจากลุ่มน้ำแอมะซอน เป็นปลาที่กรมประมงห้ามนำเข้าและเพาะเลี้ยงอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีฟันที่แหลมคมและมีพฤติกรรมดุร้ายเป็นฝูง แม้จะยังไม่มีรายงานการตั้งรกรากในแหล่งน้ำธรรมชาติของไทยอย่างถาวร แต่การลักลอบนำเข้าและมีการตรวจยึดได้หลายครั้งแสดงให้เห็นถึง ความเสี่ยงอันตรายต่อความปลอดภัยของมนุษย์และสัตว์น้ำพื้นเมืองอย่างสูงยิ่ง หากปลาชนิดนี้สามารถหลุดรอดและขยายพันธุ์ได้สำเร็จในแหล่งน้ำอุ่นของไทย มันจะกลายเป็นสุดยอดนักล่า ที่สร้างความหวาดกลัวและทำลายห่วงโซ่อาหารทั้งหมด

• ปลาเรนโบว์เทราท์ (Oncorhynchus mykiss) : แม้จะเป็นปลาในเขตหนาวที่นิยมเลี้ยงในพื้นที่สูงเพื่อเป็นอาหาร แต่ก็มีรายงานว่ามีการหลุดรอดสู่แหล่งน้ำธรรมชาติบางส่วนในพื้นที่ภูเขาสูงของไทย หากพวกตั้งถิ่นฐานได้พวกมันก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นปลานักล่าที่คุกคามปลาพื้นเมืองในที่สูงได้ ซึ่งขณะนี้กรมประมงได้ประกาศให้ปลาชนิดนี้เป็น สัตว์น้ำที่ห้ามนำเข้า เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครอง แล้ว

• ปลาดุกแอฟริกัน (African Sharptooth Catfish - Clarias gariepinus): เป็นปลาเศรษฐกิจที่นำเข้า และเมื่อหลุดรอด มันสามารถผสมข้ามพันธุ์กับปลาดุกพื้นเมืองของไทย (Clarias macrocephalus) ก่อให้เกิด "การปนเปื้อนทางพันธุกรรม"(Genetic Pollution) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ทำให้สายพันธุ์ดั้งเดิมอ่อนแอลงหรือหายไปในที่สุด
 
จิตสำนึกที่ "ทำบุญ" แต่ "สร้างบาป" ต่อธรรมชาติ  หากการลักลอบนำเข้าคือ "ต้นตอ" แนวคิดที่ผิดพลาดในการจัดการสัตว์เลี้ยงก็คือ "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ผลักไสปลาต่างถิ่นให้เข้าไปทำลายแหล่งน้ำธรรมชาติ จากความเชื่อที่ว่า "การปล่อยสัตว์เพื่อสะเดาะเคราะห์" เป็นปัจจัยทางวัฒนธรรมที่ซับซ้อนและแก้ไขได้ยากที่สุด ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะซื้อปลาสวยงาม (ซึ่งมักเป็นปลาต่างถิ่น) แล้วนำไปปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง โดยไม่ตระหนักว่าการกระทำที่ดูเหมือนเป็นการไถ่บาปนี้ แท้จริงแล้วคือ "การสร้างบาปต่อระบบนิเวศ" อย่างร้ายแรง เพราะเป็นการนำนักล่าและผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งเข้าไปทำลายสายพันธุ์พื้นเมือง
 
นอกจากนี้ เมื่อผู้เลี้ยงปลาสวยงามเบื่อหน่ายหรือดูแลปลาขนาดใหญ่ที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ได้ พวกเขามักเลือก "การปล่อยทิ้ง" อย่างง่ายดาย เนื่องจากขาดความตระหนักว่าการกระทำนี้จะนำไปสู่วิกฤตทางนิเวศอย่างถาวร ข้อแนะนำที่ถูกต้องคือหากไม่ต้องการเลี้ยงปลา Exotic อีกต่อไป ห้ามนำไปปล่อยโดยเด็ดขาด ควรติดต่อหน่วยงานประมงในพื้นที่เพื่อนำไปมอบให้ หรือหากเป็นชนิดที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นชนิดพันธุ์รุกรานที่ต้องควบคุม ก็ควรใช้วิธีการทำลายซากอย่างเหมาะสม
 
อย่าปล่อยให้วิกฤตเอเลี่ยนสปีชีส์ในประเทศไทยดำเนินต่อไป การแก้ไขที่ปลายเหตุเป็นเพียงการประคองสถานการณ์ แต่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและตรงจุดที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าและการปล่อยปลาต่างถิ่นเหล่านี้ตั้งแต่ต้น  
 
หากรัฐยังเฉื่อยชาหรือผ่อนปรนกับปัญหาการลักลอบนำเข้าและปล่อยสัตว์ต่างถิ่นนี้เท่ากับการยอมให้ "ภัยเงียบจากตู้กระจก" คุกคามทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงทางอาหารของประเทศอย่างต่อเนื่อง มีเพียงการ บังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งและจริงจังเท่านั้น ที่จะสามารถหยุดยั้งวิกฤตทางนิเวศที่เกิดจาก Exotic Fish นี้ได้ก่อนที่ความเสียหายจะเกินเยียวยา






กำลังโหลดความคิดเห็น