พระนครศรีอยุธยา - เกิดเหตุผนังข้างประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวพังจากแรงดันน้ำมหาศาลในแม่น้ำน้อย มวลน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทุ่งผักไห่ เจ้าหน้าที่ระดมเครื่องจักร-เสาเข็มยูคาลิปตัสกว่า 100 ต้นเร่งอุดรอยรั่ว คาดควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเช้า
เวลา 00.15 น. วันนี้( 8 พ.ย. ) เกิดเหตุ ผนังข้างประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตำบลทางช้าง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้การดูแลของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ เกิดการทรุดตัว พังทลาย ส่งผลให้กระแสน้ำ จากแม่น้ำน้อยไหลทะลัก ข้ามฝั่งเข้าสู่พื้นที่ ทุ่งผักไผ่ ทุ่งป่าโมก และชุมชนกุฎี อำเภอผักไห่ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีประชาชนจำนวนมากออกมาสังเกตการณ์สถานการณ์น้ำบริเวณจุดเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานกำลังเร่งดำเนินการซ่อมแซมและควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตัวประตูระบายน้ำยังคงปิดอยู่ แต่บริเวณผนังด้านขวาซึ่งเป็น แนวดินและแผ่นปูน เกิดการทรุดตัว ทำให้มวลน้ำจำนวนมากจากแม่น้ำน้อยที่มีระดับสูงไหลทะลักผ่านจุดดังกล่าวเป็นจำนวนมากเป็นช่องยาวกว่า 10 เมตร
ต่อมาเวลา 01.00 น. รถแม็คโครพร้อมต้นยูคาลิปตัสกว่า 100 ต้นถูกลำเลียงมาถึงพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการนำมาปักเป็นเสาเข็ม วางแนวกดชะลอน้ำไว้ก่อนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็วที่สุด
นายทรงพล สุขสมบูรณ์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตบางบาล เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ว่าพบช่องโหว่ดินทรุดตัวบริเวณประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบและพบว่ามวลน้ำได้กัดเซาะเรื่อยๆแบะขยายช่องรอยรั่วจนมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมทุ่งเป็นวงกว้าง
ซึ่งตนเองได้จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเครื่องจักรหนักเข้ามากดเสาเข็มเพื่อชะลอการไหลของน้ำ พร้อมวางแผนนำหินกับแกลเบียนใหญ่ มาปิดกั้นในพรุ่งขึ้น เพื่อหยุดการไหลของน้ำและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามกระทบต่อพื้นที่ชุมชน โดยเฉพาะบริเวณ ถนนสายหลักบางบาล–ผักไห่ และหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอผักไห่และป่าโมก
ทางด้านนาย เกรียงศักดิ์ ปึกขาว นายอำเภอบางบาล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเบื้องต้น ได้มอบหมายให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่สำรวจผลกระทบ พบว่าในอำเภอบางบาลมีบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่ง จำนวน 6 หลัง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ โดยบ้านทั้ง 6 หลังดังกล่าวได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือแล้ว
บริเวณที่ได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่ทุ่งกว่า 1,000 ไร่ ระดับน้ำจึงขึ้นช้า แม้ว่าน้ำที่ไหลผ่านจะมีความเร็ว แต่จะกระจายตัวออกไปในพื้นที่กว้าง
ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 4–5 เซนติเมตร ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงและชาวบ้านยังสามารถอาศัยอยู่ได้ โดยประสานกับทางด้าน สจ.ทรงพล พร้อมทีมงานได้เร่งดำเนินการกู้ซ่อมและแก้ไขสถานการณ์ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้มวลน้ำจะไหลต่อไปยังพื้นที่ทุ่งผักไห่ ซึ่งยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้
เบื้องต้นคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในช่วงเช้านี้ สถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในความควบคุม แต่อย่างไรก็ตามได้มีการแจ้งเตือนให้ 6 ครัวเรือนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยกของขึ้นที่สูง และได้ประสานงานกับพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ อำเภอป่าโมก และอำเภอผักไห่ ให้ติดตามและเฝ้าระวังมวลน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบเพิ่มเติม
ขณะที่ นายกิตติภูมิ เตชัย วิศวกรชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้เข้าพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินความเสียหายและดำเนินการปักเสาเข็มชั่วคราวเพื่อชะลอการไหลของน้ำ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ เพื่อไม่ให้กระทบเป็นวงกว้างต่อพื้นที่การเกษตรและชุมชนโดยรอบ


