ศูนย์ข่าวขอนแก่น-กสทช.เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะฯ ด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน กสทช. ประจำปี 2568เผยผู้ประกอบการโทรทัศน์เจอปัญหาใหญ่เม็ดเงินโฆษณาลดลงต่อเนื่อง คาดปี 72 ทีวีดิจิทัลไม่ต่อใบอนุญาตกว่า50% จากที่มีอยู่กว่า 30 ช่อง จะเหลือแค่ช่องใหญ่ช่องหลักเท่านั้น
วันนี้(5พ.ย.)ที่ โรงแรม อวานี ขอนแก่น โฮเทลแอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดประชุมสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการและการบริหารงานของ กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. รวมถึงนโยบายที่สำคัญ ประจำปี 25668 ด้านกิจการโทรทัศน์ และการคุ้มครองผู้บริโภค และการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อสะท้อนมุมมองและข้อเสนอแนะในการพัฒนากิจการโทรทัศน์ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมยิ่งขึ้น
ดร.พันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา กรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. (กตป.) ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะและแนวคิดเกี่ยวกับกิจการโทรทัศน์ นำไปใช้ประกอบการจัดทำแนวทางการประมูลช่องโทรทัศน์ครั้งใหม่
การรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสะท้อนสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงของผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยเฉพาะในยุคที่เม็ดเงินโฆษณาในโทรทัศน์แบบดั้งเดิมลดลงอย่างต่อเนื่อง และไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ (OTT) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้สถานีโทรทัศน์ต้องปรับตัวและแข่งขันกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ระดับโลก แนวทางและความคิดเห็นของผู้ประกอบการในภูมิภาคถือเป็นข้อมูลสำคัญที่คณะกรรมการจะนำไปเปรียบเทียบกับแผนแม่บทของ กสทช. เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อไป
ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจและพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจทีวีดิจิทัลขาดทุนสะสมจากงบโฆษณาสินค้าไม่เข้าเป้า คาดว่ากว่า 50% ของผู้ประกอบการอาจไม่ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งจะหมดสัญญาในปี พ.ศ.2572 จากเดิมที่มีสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลราว 30 ช่อง จะเหลือเพียงบางส่วนที่เป็นช่องใหญ่ช่องหลักที่ยังสามารถดำเนินกิจการได้
ในส่วนของคณะกรรมการฯ มองว่า การกำหนดแผนการประมูลครั้งใหม่ของ กสทช. จะต้องคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และความเป็นจริงของตลาด ต้องมีมาตรการบางอย่างออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้


