พระนครศรีอยุธยา – วันแรกของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ตลาดสดแกรนด์ อยุธยาเมืองใหม่ บรรยากาศการจับจ่ายยังไม่คึกคักเท่าที่คาด แม่ค้าหมูสดเผย ลูกค้าหลายรายยังไม่รู้ว่าเริ่มใช้สิทธิได้แล้ว บางคนยังไม่ได้เติมเงิน ขณะพ่อค้าแม่ค้าหวังพรุ่งนี้จะคึกคักขึ้น หลังพ้นเทศกาลกินเจ
วันนี้ (29 ตุลาคม 2568) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศที่ตลาดสดแกรนด์ อยุธยาเมืองใหม่ ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่ามีประชาชนเดินทางมาซื้อของกันอย่างต่อเนื่อง แต่โดยรวมยังไม่คึกคักเท่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์สดที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นกลุ่มร้านค้าที่ประชาชนนิยมใช้สิทธิมากที่สุด
นางสาวพิรุฬห์ลักษณ์ สุดาทิพย์ อายุ 43 ปี แม่ค้าหมูสดภายในตลาด เปิดเผยว่า ช่วงเช้าบรรยากาศยังค่อนข้างเงียบ ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่พูดถึงโครงการคนละครึ่ง บางรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้เริ่มใช้สิทธิได้แล้ว บางคนก็บอกว่ายังไม่ได้เติมเงินในแอปฯ “เป๋าตัง” ต่างจากรอบก่อนที่เปิดให้ใช้สิทธิตั้งแต่เช้า มีลูกค้ามารอใช้กันตั้งแต่ตีห้า
“รอบก่อนเปิดใช้สิทธิ ลูกค้ามารอตั้งแต่ก่อนหกโมง แต่ครั้งนี้เงียบมาก ต้องเป็นเราที่ถามลูกค้าว่าใช้คนละครึ่งไหม แล้วค่อยแนะนำว่าใช้ได้แล้ว วันนี้ร้านในตลาดเข้าร่วมเยอะขึ้น แต่ลูกค้ากลับไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่” นางสาวพิรุฬห์ลักษณ์ กล่าว พร้อมระบุว่า ร้านหมูและร้านไก่ในตลาดสดแกรนด์เกือบทุกแห่งเข้าร่วมโครงการแล้ว พร้อมให้บริการประชาชนเต็มที่
ขณะที่ นางณิชา ตั้งธรรมโรจน์ อายุ 51 ปี แม่ค้าหมูสดอีกราย กล่าวว่า วันแรกของโครงการยังไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้สิทธิมากนัก ช่วงเช้าขายได้เพียง 7 รายเท่านั้น คาดว่าเพราะวันนี้เป็นวันทำงาน ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สะดวกออกมาจับจ่าย อีกทั้งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลกินเจ ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่ซื้อของสดมากนัก
“อาจจะต้องรอดูพรุ่งนี้หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ บรรยากาศน่าจะคึกคักกว่านี้ ตอนนี้ก็ยังพอมีลูกค้าที่รู้ข่าวรีบมาใช้สิทธิตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่มากเท่าที่หวังไว้” แม่ค้ารายนี้กล่าว
จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด หลายรายมีความเห็นตรงกันว่า บรรยากาศการค้าขายวันแรกยังเงียบกว่าที่คาด เพราะเป็นวันธรรมดาและตรงกับวันสุดท้ายของเทศกาลกินเจ ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงจับจ่ายแบบประหยัด แต่คาดว่าหลังจากพ้นเทศกาลและเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์ จะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิโครงการมากขึ้น
ทั้งนี้ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ของรัฐบาล มีเป้าหมายช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน โดยรัฐร่วมจ่าย 50% ของค่าสินค้าและบริการ สูงสุดตามวงเงินที่กำหนด สามารถใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างบรรยากาศการค้าขายในชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง


