xs
xsm
sm
md
lg

ชาวน้ำเต้า หลั่งน้ำตาสุดอาลัย “พระราชินีผู้ให้ชีวิตใหม่” กว่า 49 ปีแห่งพระเมตตา สร้างอาชีพทอผ้าให้คนมหาราช

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระนครศรีอยุธยา – บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ที่ศูนย์ศิลปาชีพวัดน้ำเต้า อยุธยา กลุ่มแม่บ้านทอผ้าศิลปาชีพ ต่างพร้อมใจประดับผ้าขาวดำหน้าพระฉายาลักษณ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อถวายความอาลัยแด่พระองค์ผู้ทรงเป็นดั่ง “แม่ของแผ่นดิน” และผู้ให้กำเนิดอาชีพที่หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขามานานเกือบครึ่งศตวรรษ

นางพยัพ บุญเหลือ อายุ 66 ปี ประธานกลุ่มศิลปาชีพวัดน้ำเต้า พร้อมสมาชิกกลุ่มรุ่นบุกเบิก ได้แก่ นางกุหลาบ วินิจฉัย อายุ 68 ปี, นางทองย้อย ฤทธา อายุ 63 ปี และนางบำเพ็ญ สว่างอรุณ อายุ 66 ปี กล่าวทั้งน้ำตาในวันที่ต้องสูญเสีย “พระผู้ให้” ที่ทรงพระเมตตาสร้างอาชีพทอผ้าให้ชาวบ้านน้ำเต้ามีรายได้และความมั่นคงในชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2519 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่เกษตรเสียหายหนัก โดยเฉพาะอำเภอมหาราชซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ประสบภัย และทรงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของชาวบ้านน้ำเต้าที่สูญเสียผลผลิต ไม่มีรายได้

ด้วยพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยเมตตา พระองค์จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการทอผ้า” เพื่อสร้างอาชีพเสริมแก่ชาวบ้าน โดยโปรดให้หม่อมปภาดา เป็นหัวหน้าคณะดำเนินงาน นำพื้นที่ใต้ถุนอาคารเรียนโรงเรียนวัดน้ำเต้ามาใช้เป็นศูนย์ทอผ้าชั่วคราว ก่อนจะพัฒนาเป็น “ศูนย์ศิลปาชีพวัดน้ำเต้า” อย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

นางพยัพ เล่าว่า ศูนย์แห่งนี้เริ่มก่อตั้งในปี 2519 เป็นพระราชดำริของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงต้องการให้ชาวบ้านมีอาชีพเสริมจากการทำนา จึงส่งครูจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมาฝึกสอนการทอผ้า จนเกิดเป็นผลงานผ้าพื้น ผ้าขาวม้า และผ้าตัดเสื้อคุณภาพดี มีสมาชิกหลายสิบคนในยุคนั้น

“พระองค์ท่านคือผู้ให้ชีวิตใหม่ ถ้าไม่มีพระราชินี เราก็คงไม่มีอาชีพ ไม่มีวันนี้ ทุกครั้งที่เห็นพระรูป น้ำตาจะไหลออกมาเอง เพราะทุกอย่างในชีวิตเกิดจากพระองค์” นางพยัพกล่าวทั้งน้ำตา

ต่อมาในปี 2520 ได้รับการสนับสนุนจากนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข จัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ ณ วัดน้ำเต้า โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ และพระราชทานแนวทางให้ใช้กี่กระตุกทอผ้าฝ้ายด้วยมือ

ศูนย์แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งเรียนรู้และผลิตผ้าฝ้ายทอมือที่มีชื่อเสียง หนึ่งในผ้าขึ้นชื่อคือ “ผ้าลายดอกจอก” ซึ่งเป็นลายประจำศูนย์ที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงตั้งชื่อให้ หลังทอดพระเนตรผ้าตัวอย่างจากฝีมือของกลุ่มแม่บ้าน

ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพวัดน้ำเต้า มีสมาชิกเหลือเพียง 5 คน ยังคงทอผ้าด้วยมือทุกผืน ส่งผลงานเข้าสู่มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ผลิตภัณฑ์ที่ได้ ได้แก่ ผ้าซิ่น ผ้าคลุมไหล่ ผ้าริ้ว ผ้าพื้น และผ้าขาวม้า ซึ่งยังคงรักษามาตรฐานและลวดลายดั้งเดิมไว้

นางกุหลาบ วินิจฉัย หนึ่งในสมาชิก เล่าว่า “ทอผ้าเป็นเพราะพระองค์ ตอนแรกคิดว่าข่าวไม่จริง พอรู้ว่าจริงก็ใจหาย น้ำตาไหล พระองค์คือแม่ของแผ่นดิน ไม่มีใครจะเหมือน พระราชินีของเรา”

ขณะที่นางทองย้อย ฤทธา เสริมด้วยเสียงสั่นว่า “พระองค์ทรงเห็นค่าชาวบ้าน เห็นฝีมือคนเล็ก ๆ อย่างเรา ทุกครั้งที่นั่งทอผ้า จะนึกถึงพระองค์เสมอ จะทำต่อไปจนกว่าจะหมดแรง เพราะนี่คือสิ่งที่พระองค์ท่านประทานไว้”

กว่า 49 ปีที่ผ่านมา “ศูนย์ศิลปาชีพวัดน้ำเต้า” ยังคงดำเนินงานตามพระราชปณิธาน เป็นศูนย์รวมใจของคนในชุมชน และเป็นสัญลักษณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงสร้างอาชีพ สร้างชีวิต และสร้างศักดิ์ศรีให้ประชาชนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง










กำลังโหลดความคิดเห็น