อุดรธานี - อดีตครูบ้านเชียงย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 53 ปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จฯ ทอดพระเนตรหลุมขุดค้นโบราณคดีบ้านเชียง ชาวบ้านยังซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณไม่เสื่อมคลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศแห่งความอาลัยของชาวอุดรธานี หลังทราบข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยที่แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง อ.หนองหาน ซึ่งเคยได้รับเสด็จทั้งสองพระองค์เมื่อ 53 ปีก่อน เต็มไปด้วยความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2515 ขณะทั้งสองพระองค์เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลงพื้นที่โดยไม่มีหมายกำหนดการล่วงหน้า เพื่อทอดพระเนตรการขุดค้นโบราณวัตถุที่วัดโพธิ์ศรีใน หลังทรงทราบข่าวการค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก ในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีพระราชดำรัสถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจอายุโบราณวัตถุ พร้อมแนะนำให้หาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
จากพระราชดำรัสนั้น นำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯ ในการสำรวจอย่างละเอียดช่วงปี พ.ศ. 2517-2518 จนพบว่าใต้พื้นดินบ้านเชียงคือแหล่งอารยธรรมโบราณกว่า 5,000 ปี และต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ลำดับที่ 359 ของโลก และลำดับที่ 4 ของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2535
นางอังคณา บุญพงษ์ อายุ 78 ปี อดีตครูโรงเรียนบ้านเชียงประชาเชียงเชิด ผู้เคยเฝ้าฯ รับเสด็จ เล่าย้อนว่า “วันนั้น (20 มี.ค. 2515) ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ ลงที่ทุ่งนาคำ ชาวบ้านมาเฝ้าฯ รับเสด็จกันแน่น จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรหลุมขุดค้น และเสด็จไปบ้านของนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ พระองค์ตรัสชมบ้านไทพวนว่า ‘บ้านแบบนี้หาดูได้ยาก ให้รักษาไว้ให้ดี’ นายพจน์จึงน้อมเกล้าฯ ถวายบ้านหลังนั้นแด่ทั้งสองพระองค์ทันที”
ต่อมาบ้านไทพวนหลังดังกล่าวได้รับการดูแลโดยกรมศิลปากร และปรับเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเก่าไทพวน เพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
นางอังคณาเล่าต่อว่า “ตอนนั้นมีความรู้สึกปลื้มปีติมาก เสียง ‘ทรงพระเจริญ’ ดังกึกก้องทั่วโรงเรียน พระองค์ยังพระราชทานวัว 3 ขาที่ชาวบ้านนำมาถวายคืนให้เป็นวัวพระราชทานด้วย” ซึ่งเมื่อทราบข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง เธอกล่าวด้วยความอาลัยว่า “พระองค์ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน ห่วงใยประชาชนเสมอ จะสถิตอยู่ในใจของลูกชาวบ้านเชียงตราบนิรันดร์”
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในวันนี้ยังคงสะท้อนพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ ที่ทรงวางรากฐานการอนุรักษ์และศึกษาทางโบราณคดีของชาติให้คงอยู่สืบไป


