ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พบแล้ว! บ้าน "พระอลงกต" ในจังหวัดขอนแก่นอยู่ในสำนักงานทางหลวง ซึ่งเป็นที่ทำงานของพ่อแต่ตอนนี้เกษียณและย้ายออกหมดแล้ว หลังพ่อเสียชีวิตบ้านตกเป็นของพี่สาว ปัจจุบันเป็นบ้านร้าง เผยคนในชุมชนเรียกว่า “พระจอร์จ” ซึ่งพระอลงกตจะมาทำบุญวันเกิดเดือนพฤษภาคมทุกปี มอบเงินให้ผู้สูงอายุรายละ 1,000 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี หลังมีข้อมูลว่าเป็นคน จ.ขอนแก่นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ฉบับปี พ.ศ. 2526 ระบุว่าเป็นบ้านเลขที่ 37/60 ม.4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่อยู่ดังกล่าวเป็นบ้านพักข้าราชการของสำนักงานทางหลวงที่ 7 ขอนแก่น กรมทางหลวง
ชาวบ้านที่มีบ้านพักใกล้กับบ้านเลขที่นี้ เล่าว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเดิมเป็นบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระจอร์จนั้นมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้แก่สังคม พระจอร์จ จะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดโรงเรียนที่พระจอร์จเคยศึกษา คือโรงเรียนแก่นนคร ช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระจอร์จยังมีชีวิตนั้น พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ในละแวกนี้เล่นสนุกสนาน เป็นที่รักของคนในชุมชน
พี่สาวของพระจอร์จขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ และบ้านครอบครัวพระจอร์จนั้นจะอยู่ติดกับรั้วสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระจอร์จเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน โดยพระจอร์จนั้นออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระจอร์จจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปีหลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนครที่พระจอร์จเป็นศิษย์เก่า มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ เสมอ จะมีญาติโยมมาร่วมจนเต็มพื้นที่
นอกจากนี้ ช่วงที่พระจอร์จเรียนที่โรงเรียนแก่นนครยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลด้วย เป็นคนใจดี ยิ้มเก่ง และคาดว่าเรียนจบ ม.ต้นของโรงเรียนแก่นนครก็ไปต่อสายอาชีพที่โรงเรียนเทคนิคขอนแก่นใกล้ๆ บ้าน แต่ทุกคนจะไม่รู้ชื่อ-สกุลจริงของพระจอร์จชื่ออะไร มาทราบจากข่าวเช่นกัน แต่พ่อของพระจอร์จนั้น ชื่อเฉย แต่ไม่มีใครทราบนามสกุลว่านามสกุลอะไร พอเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจ และสงสารพระจอร์จ ไม่อยากเชื่อ เท่าที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี
ขณะที่นางจารุณี สุตะชา อายุ 64 ปี ประธานชุมชนบะขาม ม.4 อ.เมือง จ.ขอนแก่น เล่าว่า ตนเป็นประธานชุมชนตั้งแต่ปี 2543 สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดพระอลงกตเป็นพระแล้ว ข้อมูลที่ตนทราบในฐานะประธานชุมชนได้สำรวจสำมะโนประชากร เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชื่อนี้ แต่ตนก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร นามสกุลพ่อเฉยก็จำไม่ได้เช่นกัน โดยที่บ้านหลังนี้จะมีพ่อเฉย ซึ่งภรรยาพ่อเฉยเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นหลายปี และมีพี่เขยกับพี่สาวอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
พ่อเฉยและพี่เขยขอวพระอลงกตทำงานที่สำนักงานทางหลวง มีการทำประตูสามารถเข้าออกไปยังสำนักงานซึ่งใกล้กับบ้านพักข้าราชการได้สะดวก และปกติครอบครัวนี้จะใช้ประตูที่ติดกับรั้วสำนักงานทางหลวง จะไม่ค่อยออกประตูเข้าชุมชนบะขาม ก่อนที่พ่อเฉยจะเสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บ้านก็เป็นของลูกสาวซึ่งเป็นพี่พระอลงกต ส่วนพระอลงกตสมัยเป็นวัยรุ่นก็จะไม่ค่อยอยู่ที่บ้าน มาเป็นครั้งคราว หลังจากพ่อเฉยเสียชีวิตก็หายไป ทราบคร่าวๆ ว่าไปบวช
กระทั่งมาเห็นอีกทีเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุแล้ว ซึ่งตนยังเคยไปดูงานที่วัดพร้อมกับชาวชุมชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น 30-40 คน โดยเดินทางด้วยรถของเทศบาลนครขอนแก่น สมัยนั้นวัดพระบาทน้ำพุมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องรักษาโรคเอดส์ และช่วงโควิดทางอาจารย์ที่มข.ได้ทำผ้าป่าได้เงินประมาณ 500,000 กว่าบาทไปทอดถวายที่วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งตนและชาวชุมชน รวมทั้งประธานชุมชนอื่นๆ ในเขตเดียวกันเดินทางไปร่วมบุญด้วย และยังเห็นพี่สาวของพระอลงกตทำหน้าที่ในครัวดูแลเรื่องอาหารของวัดด้วย
ทั้งนี้ พระอลงกตจะมาบ้านช่วงหลังสงกรานต์ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดพระอลงกต โดยก่อนจะมานั้นพี่สาวพระอลงกตจะให้แม่ครัวมาทำอาหารที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมถวาย และเลี้ยงชาวบ้าน โดยเชิญผู้สูงอายุมาร่วมรดน้ำผู้สูงอายุและมอบเงินให้รายละ 1,000 บาทเป็นการทำบุญวันเกิด แต่คนในชุมชนจะไม่ค่อยได้ไปร่วม มีเพียงฝั่งญาติๆ และคนในย่านบ้านพักสำนักงานทางหลวง
ตนในฐานะประธานชุมชนได้ไปดูเพื่ออยากเห็นว่าลูกบ้านชุมชนนี้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุด้วยความชื่นชม พอเห็นข่าวส่วนตัวไม่ได้ตกใจ คิดอยู่ว่าสักวันจะต้องออกมาในลักษณะนี้ เพราะเงินมันเยอะ ไม่อยากจะพูดว่าเห็นเงินเยอะแล้วเกิดกิเลส พระก็คนคนหนึ่ง ซึ่งกิเลสไม่ได้อยู่ที่พระ แต่โยมเป็นคนนำกิเลสไปให้ จากแรกๆ ตั้งใจจริงพอเงินเยอะก็ทำให้เผลอได้ เรื่องความศรัทธาส่วนตัวตอนนี้ยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาทำบุญตักบาตรตามปกติ แต่จะเลือกว่าจะทำที่ไหนจึงจะสบายใจ