สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าสานต่อภารกิจ “ไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในพื้นที่ที่เคยเกิดไฟป่าและรักษาสภาพแวดล้อมป่าต้นน้ำให้อุดมสมบูรณ์ พร้อมชูความสำเร็จต้นไม้ที่เคยปลูกมีอัตรารอด 80-90% โดยคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ปลูกในฤดูกาลที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งปลูกในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ 6 หมู่บ้าน ใน อ.เมือง และ อ.หางดง ตามแนวคิด “คนอยู่ได้ ป่าอยู่รอด สัตว์ได้พึ่งพิง” ทั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด บริษัทในเครือบุญรอดฯ, สภาลมหายใจเชียงใหม่, เทศบาลตำบลบ้านปง, หน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, อุทยานแห่งชาติออบขาน, สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือ 13 สถาบัน
คุณรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของโครงการนี้ คือการเติมพื้นที่ป่าในบริเวณที่เกิดไฟป่า เพื่อรักษาแนวป่าไม่ให้ถอยร่นไปมากกว่าเดิม และให้ความสำคัญต่อการรักษาป่าปลูกใหม่ให้มีโอกาสอยู่รอดให้มากที่สุด คิดเป็น 80% ของต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปต้นไม้ที่ปลูกเพิ่มมีอัตรารอดเพียง 20-25% ทำให้การรักษาแนวป่าไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งการเลือกพันธุ์ไม้ที่ปลูกให้สอดคล้องกับลักษณะทางธรรมชาติและให้ประโยชน์แก่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนช่วยกันดูแลรักษา หลายปีที่ผ่านมาพบว่าต้นไม้ที่ปลูกใหม่มีอัตราการอยู่รอดสูงถึง 80-90% ซึ่งเป็นผลดีต่อการรักษาสภาพแวดล้อมโดยรวม อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อชุมชน”
ดร.โชคอนันต์ วาณิชย์เลิศธนาสาร คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “ทางคณะฯ ได้ร่วมมือกับสิงห์อาสาต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลสิ่งแวดล้อม การสร้างเครือข่ายเพื่อป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างไฟป่าและหมอกควัน และการพัฒนานวัตกรรมในการฟื้นฟูพื้นที่ป่า ผลลัพธ์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าภาคภูมิใจ โดยเฉพาะอัตราการรอดของต้นไม้ที่ปลูกซึ่งสูงถึง 80-90% ความสำเร็จนี้เกิดจากการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม การใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่น และที่สำคัญที่สุดคือพลังของชุมชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและอนุรักษ์ผืนป่าอย่างแท้จริง”
ด้าน ผศ.ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว อาจารย์ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านเห็ดไมคอร์ไรซามากว่า 20 ปี อธิบายว่า “การปลูกป่าที่ล้มเหลวมักเกิดจากการไม่เข้าใจระบบนิเวศและมองข้ามบทบาทของสิ่งมีชีวิตใต้ดิน โดยเฉพาะ "เชื้อเห็ดไมคอร์ไรซา" ซึ่งเป็นหัวใจของการฟื้นฟูป่าอย่างแท้จริง ราพวกนี้เชื่อมโยงรากพืชให้แลกเปลี่ยนแร่ธาตุ น้ำ ฯลฯ การปลูกต้นไม้โดยไม่มีเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซา ก็เหมือนปลูกโดยตัดขาดเครือข่ายช่วยเหลือ ทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรงและยากจะเติบโตในระยะยาว และอีกปัจจัยสำคัญคือการเลือกชนิดไม้ไม่เหมาะสม ขาดการดูแลต้นกล้าในช่วง 3 ปีแรก รวมถึงผลกระทบจากไฟป่าที่ไม่เพียงทำลายพืชพรรณบนดิน แต่ยังทำลายรากและเชื้อเห็ดใต้ดิน เพราะฉะนั้น การใช้เชื้อเห็ดไมคอร์ไรซาในโครงการนี้ จึงมีความสำคัญเทียบเท่าการให้วัคซีนกับต้นไม้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยถูกไฟป่าทำลายซ้ำซาก”
โครงการ “ไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน” เกิดจากความร่วมมือระหว่างสิงห์อาสา-เครือข่ายหน่วยงานต่างๆ โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2565 ด้วยเป้าหมายในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า และรักษาสภาพแวดล้อมของป่าต้นน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โครงการฯ มุ่งเน้นการส่งเสริมองค์ความรู้แก่ชุมชน เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในการเป็นผู้ดูแลป่าอย่างแท้จริง