เพชรบูรณ์ - ปมขัดแย้งชิงพื้นที่วัดโรงบ่ม หนองไผ่ เมืองเพชรบูรณ์ กับโรงเจ เดือดซ้ำ..จากไม่กี่วันก่อนแบ็กโฮโดนปาระเบิดขวดหวิดโดนเผาวอดมาแล้ว วัดประสานขอกำลัง จนท.นับร้อย ถือคำสั่งศาลเดินหน้าเข้ารื้อถอนโรงเจ ขอคืนที่หลังวัดอีกครั้ง ท่ามกลางกองยางรถยนต์เก่า-ขวดพลาสติกบรรจุของเหลวคล้ายน้ำมันติดสายชนวน
วันนี้ (23 ก.ค. 68) ความตึงเครียดระหว่างวัดโรงบ่ม หมู่ 3 ต.ยางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ กับสำนักปฏิบัติธรรมโรงเจ ร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง หลังจากทางวัด-กรรมการยืนยันแนวทางการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำพิพากษาศาลเมื่อปี 2563 ที่ให้ดำเนินการภายใน 5 ปี
ท่ามกลางการต่อต้านจากฝ่ายโรงเจจนเกือบเกิดเหตุปะทะรุนแรง รวมทั้ง 29 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามตกลงยุติการใช้พื้นที่ร่วมกัน และยกทรัพย์สินในพื้นที่ให้กับวัดแล้วก็ตาม
คณะกรรมการวัดมีมติให้ใช้พื้นที่โรงเจเดิมในการก่อสร้างโบสถ์และรั้ววัด พร้อมติดป้ายประกาศแจ้งรื้อถอนล่วงหน้า 1 เดือน แต่การดำเนินการกลับถูกขัดขวางหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งมีการเผชิญหน้าจนมีผู้บาดเจ็บ และเมื่อ 17 กรกฎาคมก็เกิดเหตุขว้างระเบิดขวดใส่รถแบ็กโฮจนเกิดเพลิงไหม้
วันนี้ (23 ก.ค.) ทางวัดก็ประสานกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ประกอบด้วยตำรวจควบคุมฝูงชน, อาสารักษาดินแดน (อส.), ปลัดอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสา ตั้งศูนย์บัญชาการปฏิบัติการภายในศาลาวัดเพื่อสนับสนุนการรื้อถอน
ก่อนเริ่มภารกิจ มีความพยายามเจรจาระหว่างฝ่ายวัดกับตัวแทนโรงเจ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ฝ่ายวัดยืนยันปฏิบัติตามคำสั่งศาล ขณะที่ฝ่ายโรงเจร้องขอเลื่อนการรื้อถอน อ้างอยู่ระหว่างยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล
ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมพยายามขัดขวางการเคลื่อนย้ายสิ่งของภายในอาคารที่ถูกรื้อถอน จนเกือบเกิดเหตุปะทะรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องถอนกำลังออกมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ต่อมาในช่วงบ่ายชาวบ้านในพื้นที่ทยอยเข้าร่วมสนับสนุนมากขึ้น และช่วยผลักดันรถแบ็กโฮเข้าสู่พื้นที่ ทำให้เกิดเหตุชุลมุนอีกระลอก จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมควบคุมตัวผู้นำกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรม 4 ราย ส่งตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.นาเฉลียง
พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่พบวัตถุต้องสงสัยหลายรายการ เช่น ขวดบรรจุของเหลวคล้ายน้ำมัน, สายชนวน และยางรถยนต์ ซึ่งอาจเตรียมไว้ใช้ต่อต้านการรื้อถอน
ล่าสุดมีรายงานว่าปฏิบัติการรื้อถอนรอบสองสามารถดำเนินการจนแล้วเสร็จ โดยมีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังในพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง ขณะที่คณะกรรมการวัดยืนยันจะใช้พื้นที่ดังกล่าวในการพัฒนาโครงการก่อสร้างโบสถ์และรั้ววัดตามแผนที่วางไว้
ด้านนายจตุพล ด้วงทอง ทนายความฝ่ายโรงเจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นฟ้องวัดและผู้เกี่ยวข้อง พร้อมอุทธรณ์คำสั่งศาลและขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อระงับการรื้อถอน นอกจากนี้ยังมีการแจ้งความไว้เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้า และจะติดตามต่อไป
