อุดรธานี - “อิ่มจุก บะหมี่เกี๊ยว” 50 บาทเติมเส้นไม่อั้น! คนเมืองอุดรแห่อุดหนุนกินบะหมี่แบบจุกๆ ภายใต้ข้อแม้ ต้องกินที่ร้านเท่านั้น หากสั่งกลับไปกินบ้าน จำกัด 4 ก้อนต่อห่อ เจ้าของร้านเผยขายมา 4 วันแล้วพอมีกำไรบ้าง แต่ภูมิใจได้ช่วยสังคม ลูกค้ากินอิ่มจุกแถมประหยัดเงินในกระเป๋า
พาไปดูร้านขายบะหมี่ข้างทางบริเวณถนนศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี พบความโดดเด่นสะดุดตา เพราะมีคนต่อแถวยืนรออุดหนุดหน้าร้านกันจำนวนมาก พบเป็นร้านขายบะหมี่ ชื่อว่า “อิ่มจุก บะหมี่เกี๊ยว” ซึ่งทางร้านตั้งกฎกติกาว่า สั่งเกิน 10 ก้อน กรุณานำชามมาใส่เอง ใส่ถุงกลับบ้าน จำกัด 4 ก้อน ต่อ 1 ห่อ ราคา 50 เท่านั้น
นางสาวกาญจนา บุญนะขม หรือเล่ เจ้าของร้าน บอกถึงแนวคิดที่มาเปิดร้านว่า ตนมีโอกาสไปที่จังหวัดขอนแก่น ได้เห็นครอบครัวหนึ่งไปรับประทานบะหมี่อิ่มจุก บะหมี่เกี๊ยว แล้วได้ยินเขาพูดว่ามาร้านนี้แล้วอิ่มมาก 50 บาทได้บะหมี่หลายก้อน ต่างจากร้านอื่นที่ได้บะหมี่เพียงก้อนเดียว จึงอยากจะมาเปิดที่อุดรธานี กลับมาก็มองเห็นเพื่อนพนักงานโรงงานได้ค่าแรงเพียงวันละ 300 กว่าบาท หากเพื่อนพนักงานและชาวอุดรได้กินอิ่มคงจะดี จึงติดต่อสอบถามเอามาเปิดที่จังหวัดอุดรธานี แม้จะได้กำไรไม่มากแต่เน้นจำนวนคนทำให้พอมีกำไรบ้าง
“ตั้งกติกาคนที่มารับประทานว่ากินบะหมี่กี่ก้อนก็ได้ในราคา 50 บาท สั่งเกิน 10 ก้อนนำชามมาใส่เอง เพราะชามที่ร้านใส่ได้เต็มที่ 10 ก้อนก็ล้นออกมาแล้ว แต่มีข้อแม้ต้องกินที่ร้านเท่านั้น ส่วนการสั่งกลับบ้านจำกัดไว้ที่ 4 ก้อนต่อ 1 ห่อ ในราคา 50 บาททุกกติกา วันนี้เปิดร้านวันที่สี่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ที่ผ่านมามีลูกค้านำชามมาเองที่สั่งสูงสุดมากถึง 13 ก้อน โดยทุกวันได้เตรียมบะหมี่ไว้วันละประมาณ 100 กิโลกรัม เนื้อหมู 25 กิโลกรัม ผักอีก 4 กิโลกรัม และกระดูกเล้งอีก 10 กิโลกรัม ซึ่งเส้นบะหมี่ได้สั่งมาจากภาคกลางในราคาโรงงาน” นางสาวกาญจนากล่าว
รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และดีใจที่มีรายได้เพิ่มนอกเหนือจากงานประจำ อีกทั้งได้ช่วยเหลือสังคม ได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลง เพราะบางคนกินเยอะจริงๆ โดยเฉพาะร้านเราเปิดบริเวณสถานศึกษามีเด็กๆ มากินกันเยอะมาก ซึ่งอยู่ในวัยกำลังโต ใครที่สนใจสามารถแวะไปกินกันแบบจุกๆได้ที่ บริเวณถนนศรีชมชื่น หลังโรงเรียนสตรีราชินูทิศ เปิดร้านตั้งแต่ 16.30 น.เป็นต้นไป จนกว่าบะหมี่จะหมด
อย่างไรก็ดี การรับมือกับอาหารการกินที่ราคาแพงในยุคปัจจุบันนั้น อาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้จ่ายเงิน โดยอาจจะเลือกซื้ออาหารที่ราคาถูกลง ทำอาหารเอง หรือลดปริมาณการกินอาหารที่ไม่จำเป็นแต่ต้องคำนึงถึงสุขภาพของตนเองเป็นหลัก