อุดรธานี - หนุ่มใหญ่ LGBTQ+ เป็นใบ้ฝากเพื่อนร้องสื่อถูกหนุ่มหน้าตาดีรุ่นน้องตกจนหลงรัก ถึงขั้นหมั้นหมายกันเป็นเงินสด 8,000 บาทและจะแต่งงานกันในอีก 1 ปี ก่อนขอยืมทอง 5 บาทไปใส่ พอขอคืนกลับถูกตีจนน่วมและคืนทองปลอมให้ ด้านหนุ่มรุ่นน้องอ้างทองรูปพรรณพี่เขาให้มาเองเพราะต้องการทำใส่แฟนสาว เรื่องนี้ตนก็เสียหายเพราะถูกนำภาพไปโพสต์ประจาน ขอใช้สิทธิตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุดรธานีได้รับการร้องเรียนจากนางสาวตุ๊กกี้ อายุ 45 ปี (สงวนชื่อสกุล) เพื่อนสนิทของนายสุพันธ์ มุ่งหมาย หรือเตี้ย อายุ 46 ปี หนุ่มใหญ่ชาวบ้านดุงที่พิการทางการได้ยิน ว่า เพื่อนถูกนายก็อปปี้ อายุ 29 ปี ซึ่งคบหากันเป็นแฟนได้หมั้นหมายกันแล้วสัญญาว่าอีก 1 ปีจะมาแต่งงาน หลังพิธีหมั้นได้ขอยืมสร้อยทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปใส่ พอทวงคืนกลับถูกทำร้ายร่างกายแล้วนำทองคำปลอมมาคืน เหตุเกิดที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปหานายเตี้ยเพื่อพูดคุย และพบว่านายเตี้ยเป็นคนพิการทางการพูดและได้ยิน (เป็นใบ้หูหนวก) แต่มีนางสาวตุ๊กกี้เพื่อนสนิทค่อยช่วยสื่อสารแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พร้อมมอบคลิปภาพทองปลอมให้ดู และแชตที่นายเตี้ยคุยกับนายก็อปปี้เป็นหลักฐานให้ดูว่าเขาคุยกันอย่างไรบ้าง ในแชตก็จะมีคำพูดบอกรัก มีภาพถ่ายรูปคู่กันอย่างหวานชื่น
ขณะที่นายเตี้ยใช้ภาษามืออธิบายว่า ตนเป็นพ่อค้าเร่ขายลอตเตอรี่ รู้จักกับก็อปปี้เกือบ 1 ปี และซัปพอร์ตนายก็อปปี้มาตลอด วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาเราได้จัดพิธีหมั้นเล็กๆ เป็นการส่วนตัว มีเพียงเราสองคนในห้อง หลังจากนั้นก็อปปี้ขอยืมเงิน 8,000 บาท สร้อยทองหนัก 2 บาท และเลสสร้อยข้อมือหนัก 3 บาทไปใส่และถ่ายรูปส่งไปให้แม่ดู พอถ่ายเสร็จนายก็อปปี้ก็ขอยืมทองที่ใส่ บอกจะคืน แต่นานหลายวันก็ไม่คืน
นายเตี้ยใช้ภาษามืออธิบายต่อว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมไปทวงถามทองก็ทะเลาะกัน ตนถูกดึงกระชากแล้วก็ถูกตีต่อยจนฟันโยกและถูกเหยียบหน้าอก หลังเกิดเหตุก็ให้เพื่อนพาไปแจ้งความต่อตำรวจ ตอนท้ายนายเตี้ยใช้ภาษามือบอกว่าเสียใจไม่ได้เป็นเจ้าสาวแล้ว อุตส่าห์คิดว่าจะได้แต่งตัวสวยเป็นเจ้าสาว พร้อมทำท่าเสียใจน้ำตาไหล และอยากได้สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือจากนายก็อปปี้คืน
นางสาวตุ๊กกี้เล่าอีกว่า เวลาประมาณ 6 โมงเย็น วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา นายเตี้ยมาหาที่ร้านใช้ภาษามือบอกว่าไปทวงทองคำจากนายก็อปปี้ แล้วทองที่ได้มาเป็นทองปลอม เอาทองไปตรวจที่ร้านทองแล้วเป็นทองปลอม ตนจึงพาไปแจ้งความต่อตำรวจ พอตำรวจเรียกนายก็อปปี้มาถาม นายก็อปปี้ยอมรับทองของจริงเอาไปแปรสภาพหมดแล้วจะจับก็จับ จึงคุยกันไม่ลงตัว จึงแจ้งความตำรวจ
“เรื่องทองนั้นเท่าที่รู้จากปากของนายเตี้ยว่านายก็อปปี้ต้องการที่จะให้นายเตี้ยไปสู่ขอเป็นสามีภรรยากัน โดยนายเตี้ยเป็นภรรยาส่วนนายก็อปปี้เป็นสามี โดยยืมเงินนายเตี้ย 8,000 บาท ทำเป็นพานเงินทำพิธีหมั้น และถ่ายรูปส่งให้แม่ก็อปปี้ดู บอกว่าเรารักกันและเราจะแต่งงานกัน ตอนเขาทำพิธีกันก็มีเพียงเขาสองคนจัดที่ห้องพักของก็อปปี้ หลังจากที่ทำพิธีทั้งสองคนเขาสัญญากันอีก 1 ปีจะมีพิธีแต่งงาน”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งเพื่อไปหานายก็อปปี้แต่ไม่พบ กลับพบแต่แฟนของนายก็อปปี้ และบอกกับนักข่าวว่าก็อปปี้ไปทำงานยังไม่กลับบ้าน ก่อนจะถามกลับนักข่าวพี่เป็นใครเป็นนักข่าวจริงหรือไม่ มาแบบนี้พวกพี่บุกรุกนะ ขอดูบัตรหน่อย ก่อนนักข่าวได้นัดและบอกให้แฟนสาวบอกนายก็อปปี้ไปเจอที่ สภ.บ้านดุง เพื่อความสบายใจ
นายก็อปปี้เล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปก่อนหน้าขณะตนขับรถทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง พี่เตี้ยได้ขับรถตามมาแล้วขอทำความรู้จักและเราก็แลกแชตกัน พูดคุยกันมาสักพัก ทุกวันเขาจะส่งข้อความมาทุกวัน ชอบอ้างว่าโสด บ้านรวย อารมณ์ชอบส่งรูปมาอวดและอยากได้ตนและมาขอซื้อบริการครั้งละ 300 400 1,500 ต่อมาเราก็ไม่ได้คุยกันสักพัก และประมาณช่วงเดือนตุลาคม 67 พี่เขามาหาตนที่ห้องพักและซื้อของซื้ออาหารมาให้ เราก็สนิทกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีเรื่องที่หมั้นหมายกันเป็นเรื่องจริงไหม ก็อปปี้บอกว่ายืนยันว่าไม่มีและตนก็ยังไม่สามารถให้ข้อมูลหลักฐานกับนักข่าวได้ ส่วนทองคำรูปพรรณที่เขากล่าวอ้างนั้น ฝั่งพี่เขาเป็นคนให้ตนเอง ตนไม่ได้ขอยืมมาใส่ไม่ได้มีสัญญายืม สาเหตุที่เขาให้เราก็เพราะว่าอยากจะโอ้อวดตัวเองว่าตนรวยและอยากจะชนะแฟนผู้หญิงของตน
“ตอนที่เขามาทวงทอง เขามากระชากเอาไปทั้งกระเป๋า ตอนนั้นเขาเอาอาวุธคล้ายมีดจะมาจี้คอผมด้วย เราก็ผลักกันไปกันมา ยืนยันไม่ได้ตีและทำร้ายร่างกายเขา ส่วนเรื่องที่ทองปลอมตอนที่เขามาทวงก็กระชากไปทั้งกระเป๋าในกระเป๋าก็มีทองจริงและเงินสดจำนวนหนึ่ง” นายก็อปปี้กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายเตี้ยมาแจ้งความว่าอยากได้ทองจริงคืน ก็อปปี้จะทำอย่างไร ก็อปปี้ตอบไม่ตรงคำถามว่า "จะให้ทำยังไงผมก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง เขาให้ผมมาเอง หากพี่เตี้ยฟังอยู่อยากบอกว่าเรื่องนี้ขอจบลงที่ศาล กรณีที่พี่เตี้ยโพสต์ประจานผมก็จะแจ้งความเอาคืนเหมือนกัน"