อุดรธานี-ชาวบ้านรู้แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้! ตัวแทนหมู่บ้านร้องโรงเลื่อยลักลอบแปรรูปไม้และปล่อยมลพิษ หลังรับแจ้ง
ทสจ.นำกำลังเข้าตรวจในพื้นที่แต่ไม่พบการกระทำผิดซึ่งหน้า แต่พบว่าโรงงานไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมตรวจยึดเครื่องมือแปรรูปไม้ก่อนแจ้งเจ้าของหาหลักฐานมาแสดว่าไม่ได้แปรรูปไม้
วันนี้ (11เม.ย.) นางสาวไท (นามสมมุติ) ชาวอำเภอเมือง จ.อุดรธานี ได้นำเอกสารหลักฐานคลิปภาพร้องเรียนกับสื่อมวลชนและนายภานุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย เนื่องจากโรงงานแปรรูปไม้แห่งหนึ่งปล่อยมลพิษทั้งฝุ่นและเสียง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับตนเองและชาวบ้าน ทันทีที่ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือนายภานุมาศ เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ได้แจ้งข่าวประสานสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อด.2 หนองวัวซอ นำกำลังเข้าร่วมตรวจสอบ
ซึ่งผลการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดซึ่งหน้า แต่พบอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานแปรรูปไม้ เจ้าหน้าที่ฯจึงตรวจยึดอายัดไว้ เนื่องจากโรงงานนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ก่อนแจ้งให้เจ้าของโรงงานหาหลักฐานมายืนยันภายใน 10 วัน
นางสาวไท เล่าว่า โรงงานแห่งนี้เท่าที่จำได้ ก่อตั้งเมื่อปี 2561 เริ่มสร้างความเดือดร้อนมาตั้งแต่ปี 2563 เคยร้องเรียนไป 3 หน่วยงาน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หลังร้องเรียนก็มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจ แต่ก็ยังประกอบกิจการอยู่ สร้างความเดือดร้องรำคาญให้กับชาวบ้าน เท่าที่ทราบโรงงานแห่งนี้เจ้าของได้รับอนุญาตประกอบกิจการแบบถูกต้อง แต่ล่าสุดน่าจะไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต เหตุที่ยังประกอบกิจการอยู่ เขาอาจจะอ้างว่าอยู่ระหว่างการต่อใบอนุญาต เรื่องนี้ตนก็ยังไม่แน่ใจ
“ตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังผิดก็ว่าไปตามผิด เนื่องจากชาวบ้านมีความเดือดร้อนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็คงไม่มาร้องสื่อมวลชน เพราะเราร้องไปหลายหน่วยงานแล้วแต่ก็ไม่เกิดผลไม่ได้รับการแก้ไข ยังคงปล่อยมลพิษทั้งฝุ่นและเสียง ทั้งนี้หากโรงงานสามารถควบคุมมลพิษได้ก็ไม่มีปัญหา”นางสาวไทยกล่าวและว่า
ย้อนกลับไปตอนที่ร้องเรียนล่าสุดมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หลังตรวจสอบเจ้าหน้าที่ก็สั่งให้ระงับประกอบกิจการไว้ก่อน แต่ลับหลังเจ้าหน้าที่ เขาก็ยังแปรรูปไม้อยู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เห็นรถขนไม้ขับเข้าไป นอกจากนี้ช่วงเดือนมีนาคมก็ยังมีเสียงเลื่อยไม้และทำงานอยู่ตลอด ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่หรือคนมีสีเข้าไปมีส่วนรู้เห็นแล้วเกี่ยวข้องอย่างแน่นอนเพราะไม่งั้นเขาคงไม่กล้าที่จะทำแบบนี้
ทั้งนี้ตนเคยเคยทำหนังสือร้องเรียนไปถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี หลังร้องเรียนไปหน่วยงานที่ร้องเรียนก็แจ้งกลับมายังผู้ร้องเรียนว่าให้ไปติดตามเรื่องเองที่สถานีตำรวจ แต่ตนก็ไม่ได้ไปติดตาม จึงเอาเรื่องนี้มาร้องเรียนกับสื่อมวลชนก็เพราะว่าตอนนี้ทนไม่ไหว หวังว่าจะมีทางออกหากร้องเรียนไปคงเห็นอะไรที่ชัดเจนและเป็นรูปประธรรมมากขึ้นกว่านี้ตอนนี้ไม่รู้จะพึ่งพาอาศัยใคร
นายชัยพิชิต สอนสมนึก ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังรับการประสานและร้องเรียนจึงนำกำลังเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทันที เมื่อเข้าไปโรงงานดังกล่าวก็พบรถขนไม้สัก 2 คันและมีไม้ที่นำเข้ามาด้วย ซึ่งไม้จำนวนนี้ตรวจแล้วถูกต้อง กรณีที่ประชาชนร้องเรียนมาว่าโรงงานนี้ประกอบกิจการเถื่อน เมื่อตรวจสอบก็พบว่าโรงงานนี้เดิมทีเป็นโรงงานที่เคยได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่ใบอนุญาตหมดอายุและไม่สามารถต่อใบอนุญาตได้ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ และโรงงานก็ไม่ได้แจ้งว่ามีการประกอบกิจการ แต่ในโรงงานยังพบมีอุปกรณ์เครื่องมือ
เมื่อตรวจสอบเครื่องมือพบเครื่องมือขนาดใหญ่และเครื่องมือขนาดเล็ก มีอยู่ประมาณ 10 กว่าชุด และมีเครื่องมือที่มีการเสียบปลั๊กไฟพร้อมใช้งาน 6 ชุด เมื่อลองกดสวิตช์ดูก็พบว่าเครื่องมือนั้นทำงาน ทั้งนี้ตอนเข้าไปตรวจก็ไม่พบการกระทำผิดต่อหน้าเจ้าพนักงาน แต่พบร่องรอยคือพบขี้เลื่อยแผ่นไม้แปรรูป ซึ่งเป็นไม้สัก เจ้าหน้าที่ก็ทำได้เพียงแค่สงสัยน่าจะมีการลักลอบแต่เราก็ไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า เขาลักลอบมานานหรือยัง หรือว่าเป็นของเก่าค้างเก่าที่มีมาตั้งแต่ตั้งแต่ปี 66 ตอนที่เขายังได้รับใบอนุญาต
สอบถามเจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงเขาก็บอกว่ายืนยันว่าโรงเลื่อยไม่มีการประกอบกิจการ
แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเจ้าหน้าที่สงสัยก็ได้ทำการอายัดเครื่องมือทั้งหมด 6
เครื่องที่พร้อมใช้งาน ไว้ก่อนเนื่องจาก
ยังพบชิ้นส่วนของไม้สักที่ทางเจ้าหน้าที่สงสัยเข้าใจว่าน่าจะเป็นไม้สักที่เพิ่งนำเข้ามา
และได้ให้เจ้าของโรงเลื่อย ไปเอาบัญชีมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ
ว่าตรงกับไม้ค้างเก่าหรือไม่ หากไม่ตรง ก็เชื่อได้ว่ามีการลักลอบด้วย
ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่อไป โดยให้เวลา 10 วัน