xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) ทึ่ง! สองผัวเมียตาบอดสู้ชีวิต ทำไร่หว่านแหทำมาหากินตามลำพังมากว่า 35 ปี มีลูกชาย 1 คนเป็นความหวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ทึ่ง! สองผัวเมียตาบอดสู้ชีวิตชาวโคราช ทำไร่มันฯ หว่านแห เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู ทำมาหากินตามลำพังเลี้ยงตัวเองมานานกว่า 35 ปี พร้อมสร้างครอบครัวแสนอบอุ่นมีลูกชาย 1 คน เป็นความหวังและเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ ทั้งรับจ้างนวดแผนไทยหารายได้เสริมหวังส่งลูกเรียนให้สูงที่สุด

คนที่กำลังทดท้อกับชีวิต ที่ไม่สมหวังมากมายในหลายเรื่อง และรู้สึกหมดหวัง จนถึงคิดสั้นจบชีวิต ติดตามเรื่องราวของ คนสู้ชีวิตรายนี้แล้ว เชื่อว่า จะทำให้ไม่ย่อท้อ และลุกขึ้นมาอีกครั้ง  โดย ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบ นายอิต ปิ่นกระโทก อายุ 53 ปี ชาวบ้านสระตะเคียน ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เป็นคนสู้ชีวิต หลังต้องเจอกับจุดพลิกผันสูงสุด จากเด็กหนุ่มกำลังเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัว กลับต้องเสียดวงตาทั้งสองข้างไปกะทันหัน จนเกือบคิดสั้นจบชีวิตตนเอง แต่ด้วยความมานะพยายามและอดทน ทำให้สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง แม้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับโลกที่มืดมิดตลอดไป แต่ดีกว่ายอมแพ้ชะตากรรม



จนมาวันนี้สามารถใช้ชีวิตทำมาหากินเลี้ยงตัวและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้เฉกเช่นคนทั่วไป โดยมีภรรยาคู่ใจที่พิการตาบอดทั้งสองข้างเหมือนกัน แต่ทั้งคู่มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นความหวังและเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ ซึ่งตอนนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 สร้างความภาคภูมิใจให้ครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก

นายอิต เปิดเผยต่อว่า ต้องเสียตาทั้งสองข้างไปจากอุบัติเหตุศีรษะชนเข้ากับขอบโต๊ะเมื่อตอนอายุประมาณ 15 ปีเศษ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่อาการไม่ดีขึ้น ซ้ำยังเลวร้ายลง เพราะศีรษะบวมเป่ง ตาปิด มองอะไรไม่เห็น จนต้องถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลประจำอำเภอเข้าไปรักษายังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาในตัวจังหวัด ผ่านไปกว่า 1 เดือน สุดท้ายก็รักษาไม่ได้ เพราะมีปัญหากับระบบประสาทตา จนต้องเสียตาทั้งสองข้างไปในที่สุด


ตอนแรกที่รู้ว่าตาบอดทั้งสองข้างรู้สึกท้อแท้ต่อชีวิต จนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพราะทำอะไรไม่ได้ อยู่แค่คอยไล่ไก่หน้าบ้านไปวันๆ แต่เมื่อได้ใช้เวลาคิดทบทวนอยู่กับตัวเองหลายปี ก็เริ่มอยากมีชีวิตต่อไปอีกครั้ง จึงพยายามฝึกหัดทำในสิ่งที่คนตาปกติทำกัน เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำ กินข้าว ทำกับข้าว หุงหาอาหาร ไปจนถึงการทำงานนอกบ้าน อย่างเช่น ดายหญ้า เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู จนไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัวให้ต้องมาดูแลอีก

จากนั้นได้ตัดสินใจอยากจะมีอาชีพหาเงินเพื่อดูแลส่งเสียตัวเอง จึงไปเข้ารับการอบรมฝึกทักษะอาชีพการนวดแผนไทย จนมีโอกาสไปพบรักกับภรรยาที่พิการตาบอดทั้งสองข้างเช่นเดียวกัน จากนั้น พากันมาเริ่มต้นชีวิตที่บ้านเกิด อยู่กินกันมาจนมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้เรียนอยู่ในชั้น ม.2 แล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของตนและภรรยา แม้ว่าจะต้องตาบอด แต่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายคนนี้ได้เรียนสูงที่สุด เพื่อจะได้มีความรู้ มีอาชีพการงานที่ดี และดูแลตัวเองได้ต่อไปในอนาคตก็เพียงพอแล้ว


ด้าน นางจำปี ปิ่นกระโทก อายุ 75 ปี มารดาของนายอิต เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกๆ ที่ลูกชายเริ่มตาบอดตนก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหุงหาอาหารและทำกิจวัตรประจำวันให้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี ลูกชายก็เริ่มจะเรียนรู้ด้วยตนเอง จนสามารถทำทุกอย่างได้ จากนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถหุงหาอาหาร ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ ได้ทั้งหมด มีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าลูกจะกลับมามีชีวิตเหมือนเช่นปกติอย่างนี้ได้

ตอนนั้นบอกกับหมอว่าให้เอาตาตัวเองไปใส่ให้ลูกชายแทนได้ไหม แต่หมอบอกว่า ประสาทตาเสียไปแล้ว เปลี่ยนให้ไม่ได้ รู้สึกเสียใจอย่างมาก จึงทำใจนำลูกกลับมาดูแลและให้กำลังใจกันตามประสา ผ่านมาถึงวันนี้ ลูกชายเติบโตมีครอบครัวมีลูก ตนมีหลาน ถือเป็นความภูมิใจที่สุดแล้ว


ทุกวันนี้นายอิตแยกตัวออกจากครอบครัวใหญ่ ไปอาศัยอยู่กับภรรยาตาบอดมานานกว่า 15 ปีแล้ว ทำไร่มันสำปะหลังและใช้ทักษะการนวดแผนไทยที่ร่ำเรียนมา รับจ้างหารายได้เสริมดูแลครอบครัว และส่งเสียลูกเรียนหนังสือ รวมถึงได้รับเงินผู้พิการจากทางภาครัฐ ว่างๆ ก็จะออกไปหว่านแห หาปูหาปลากับเพื่อนบ้านเหมือนเช่นคนปกติทั่วไป แต่ต้องอยู่ในสายตาของคนรอบข้าง แม้ว่าจะใช้ชีวิตได้ไม่เต็มร้อย แต่เท่านี้ก็พิเศษและมหัศจรรย์มากแล้วสำหรับชีวิตคนที่พิการตาบอดทั้งสองข้างเช่นนี้

“อยากฝากไปถึงคนที่กำลังท้อแท้ในชีวิต ว่า ความพยายามและความตั้งใจจริงจะสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ จงทำใจและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ขอให้เดินหน้าสู้ต่อไป สักวันชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายอิตกล่าวในตอนท้าย






กำลังโหลดความคิดเห็น