xs
xsm
sm
md
lg

กระแสเลือกข้างมาแรง ปชป.ล้มช้าง “คุณปลื้ม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา – “สนธยา คุณปลื้ม” ยอมรับ “มึน!!งง!!” หลังลูกทีมพ่ายแพ้ประชาธิปัตย์ยับเยินยกแผง ทั้งจังหวัดใน 3 เขตเลือกตั้ง 8 คน เจ้าตัวเปิดใจยอมรับกระแสเลือกข้าง “มาร์ค-หมัก” มาแรง ทำให้ปลาไหลชลบุรีต้องสูญพันธุ์ เตรียมประกาศท่าทีทางการเมือง 25-26 ธ.ค.นี้ เผยเบื้องหลังตระกูล “คุณปลื้ม” ล้มไม่เป็นท่าพ่ายต่อ ปชป.เพราะกระแสไม่เอา “ทักษิณ” ในภาคตะวันออก ที่ต้องการเอาพลพรรค ปชป.ไปสู้กับ พปช.ที่มีทีท่าว่า “ระบอบแม้ว” จะฟื้นคืนชีพ ขณะที่ว่าที่ ส.ส.หญิงคนแรกของชลบุรี ลั่นเตรียมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ชาวชลบุรี เน้นชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากบ้านแสนสุข ที่บริเวณชายหาดบางแสน เมืองชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ “ตระกูลคุณปลื้ม” และเป็นที่ทำการของพรรคชาติไทย (ชท.) จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้ (24 ธ.ค.) ว่า เป็นไปอย่างเงียบเหงาภายหลังผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรีทั้ง 3 เขตเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย พ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แบบยกทีมทั้ง 3 เขตจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 8 คน

โดยบรรยากาศภายในบ้านพักเงียบสงัดทั้งๆ ที่ผ่านมามักจะมีเจ้าหน้าที่ หัวคะแนนของพรรค และผู้ใกล้ชิด เดินทางเข้า-ออกกันอย่างครึกครื้น แต่วานนี้หลังผลคะแนนออกมาอย่างไม่เป็นทางการ แม้แต่รถยนต์ที่เคยจอดอยู่จำนวนหลาย 10 คันในแต่ละวัน ก็มีเพียงไม่กี่คันเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่บรรยากาศเงียบเหงาเช่นนี้ เชื่อกันว่า เนื่องจากผู้บริหารของพรรคและผู้สมัคร ส.ส. กำลังตกตลึง และงุนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติไทย จ.ชลบุรี สอบตกทั้งหมด 3 เขต 8 คน

สำหรับพรรคชาติไทย ได้ส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้งในจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วยเขต 1 นายอัมรินทร์ ตั้งประกอบ, นายสมชาย สหชัยรุ่งเรือง, นายจิติล คุ้มครอง, เขต 2 นายสันต์ศักย์ (จรูญ) งามพิเชษฐ์, นายชาญยุทธ เฮงตระกูล, นายปรเมศร์ งามพิเชษฐ์ และเขต 3 นายอุทัย มณีรัตนโรจน์ และ นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติไทยทั้ง 8 คน ดังกล่าวสอบตกทั้งหมด

ขณะที่มีผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ สอบได้ยกทีมทั้ง 8 คน ซึ่งสร้างความตกตะลึงต่อประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่เฝ้าจับตาดูผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก ประกอบด้วย เขต 1 นายประมวล เอมเปีย, นายบรรจบ รุ่งโรจน์ และ นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ เขต 2 นางพจนารถ แก้วผลึก, นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ และ นายไมตรี สอยเหลือง และเขต 3 พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล และ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์

เผยเบื้องหลัง “คุณปลื้ม” พ่าย ปชป.

แหล่งข่าวคอการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้วิเคราะห์ถึงผลการเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี ที่ทำให้พรรคชาติไทยต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งพรรคประชาธิปัตย์ แบบยกทีมทั้ง 8 คน 3 เขตเลือกตั้งในครั้งนี้ ว่า เป็นเรื่องของการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.โดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการจัดตัวผู้สมัครได้ดีกว่าพรรคชาติไทย โดยเอาคนที่มีคุณภาพ มีชาติตระกูลมาสู้ศึกกับคนของ “ตระกูลคุณปลื้ม” บวกกับความเบื่อหน่ายทางการเมือง ซึ่งมีการเกี้ยเซี้ยกันมาตั้งแต่สนามใหญ่จนมาสู่สนามเล็กในระดับท้องถิ่น จ.ชลบุรี เหมือนกับเกรงใจคนคุณปลื้ม ที่เป็นมานานแล้วนั้น เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนชาว จ.ชลบุรี และชาวจังหวัดภาคตะวันออกให้ความเบื่อหน่ายเป็นทวีคูณ

ประกอบกับการจัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ ก็เป็นจังหวะที่ลงตัวพอดิบพอดีถูก ที่ถูกเวลาทันกับเหตุการณ์ ซึ่งประชาชน จ.ชลบุรี ที่เป็นพลังเงียบและพลังส่วนใหญ่ที่ได้รวมตัวกันออกไปต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมานั้น จึงเทคะแนนให้กับประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นขุมกำลังสำคัญ ในยามที่กลุ่มอดีต ส.ส.ของคุณปลื้ม ซึ่งขณะไม่มี “กำนันเป๊าะ” หรือ นายสมชาย คุณปลื้ม อดีตนายเทศมนตรีเทศบาลแสนสุข อยู่เคียงข้างลูกๆ ขณะที่ นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มรักชลบุรี แม่ทัพคนสำคัญของพรรคชาติไทย ซึ่งอยู่ในจำนวน 111 คน ก็ต้องมาโดนจำกัดสิทธิหาเสียงไม่ได้อีกด้วย

เมื่อ คุณปลื้ม ประสบปัญหาดังกล่าว จึงทำให้การหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในทีมของคุณปลื้ม เหมือนกับไม่มีแม่ทัพออกมาปราศรัยตามเวทีต่างๆ ประกอบกับคนในตระกูลคุณปลื้ม เอง 2 คนก็ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.คือ นายวิทยา คุณปลื้ม น้องชาย นายสนธยา คุณปลื้ม ที่ถูกวางตัวให้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี ในเดือนมีนาคม 2551 ส่วนน้องชายอีกคนหนึ่ง คือ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ก็ถูกวางตัวลงตัวให้ชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา

นอกจากนี้ ก่อนถึงวันสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส.นายสง่า ธนสงวนวงค์ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.เขต 1 ของพรรคชาติไทย ก็ไม่ได้รับการจัดวางตัวให้ลงสมัคร อีกทั้งยังมีข่าวเรื่องราวตำแหน่งนายก อบจ.ชลบุรี ที่เกี่ยวกับ นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ จนเป็นข่าวลือสารพัดไปทั่วที่ทางกลุ่มรักชลบุรี แก้ไม่ตกมาเป็นองค์ประกอบเข้าไปด้วยว่า “ไม่ดูแลคนเก่า”

โดยเฉพาะ นายสง่า ธนสงวนวงค์ เป็นคนเก่าคนแก่ เป็นทนายความมือดีมีชื่อเสียง เป็นคนสำคัญที่เคียงข้างผู้บิดา คือ “กำนันเป๊าะ” ทั้งยามทุกข์และยามสุข เป็นคนซึ่งประชาชนให้ความนับถือมาก ที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ชาติไทย หรือกลุ่มรักชลบุรี ไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่บ่งบอกนโยบายต่างๆ รวมทั้งการแก้ข่าวลือต่างๆ จึงแก้ทางการเมืองไม่ตก แก้ไม่ได้ กลุ่มรักชลบุรี จึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับตั้งหน้าตั้งตาหาเสียงแบบถึงลูกถึงคนอย่างเดียว เอาผลงานการพัฒนาจังหวัด ผ่านงบประมาณต่างๆ ลงไปยังกลุ่มองค์การบริหารส่วนตำบล ผ่านเทศบาล ผ่านองค์การบริหารส่วนจังหวัดลงพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นผลงานที่สำคัญ

“โดยหารู้ไม่ว่า ขณะที่คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนชั้นกลาง กลับมองว่า ทุกอย่างนั้นมีคนในองค์กรบางคน สร้างความร่ำรวยจากการรับเหมาก่อสร้าง จากงบประมาณนั้นๆ เสียเองเป็นสำคัญ และพวกใกล้ตัวพวกมีตำแหน่งนั่นแหละเป็นคนได้งานสำคัญๆ จากการพัฒนานั้นไป ชาวบ้านเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้กันมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมกันมานาน”

กระแสไม่เอาทักษิณโคน “คุณปลื้ม”

ที่สำคัญ ก่อนจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งเพียง 3 วันกระแส “เอาทักษิณ” กับ “ไม่เอาทักษิณ” มาแรงมาก โดยฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณ มีทางเลือกที่จะหาพรรคการเมือง นักการเมืองเพื่อเข้าไปสู้กับพลังประชาชน ที่เป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งพลังประชาชน หาเสียงจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับในวันวาเลนไทน์ ยิ่งทำให้ประชาชนที่ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เบื่อการเมืองน้ำเน่า และเบื่อหน่ายกลุ่มพวกที่หาประโยชน์ใส่ตัวในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงตัดสินใจตามหันไปเลือกผู้สมัครฺของประชาธิปัตย์ เพื่อหาผู้แทนไปสู้กับระบอบทักษิณ ที่กำลังจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง

“เมื่อกระแสไม่เอาทักษิณ สะพัดออกไปมากขึ้น พอถึงวันเลือกตั้งประชาชนก็หันไปเทคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครของประชาธิปัตย์ ประกอบกับสาเหตุอีกหลายประเด็นจึงต้องทำให้ชาติไทย หรือกลุ่มรักชลบุรี ที่นำโดย นายสนธยา ซึ่งไม่สามารถทำงานทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ เพราะถูกห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองต้องพ่ายแพ้เหมือนที่เคยได้ชนะ นายอุทัย พิมพ์ใจชน แห่งพรรคก้าวหน้าแบบยกทีมยกจังหวัดมาแล้วเช่นกัน”

แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวต่อว่า ที่สำคัญอีกอย่าง คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีอยู่ใน 4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด มีมาก เฉพาะที่ จ.ชลบุรี มีการเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นและไม่เอาทักษิณ ทางเลือกผู้แทนจึงมาลงที่ประชาธิปัตย์ เพื่อให้เป็นตัวแทนไปสู้กับพลังประชาชน

“สนธยา” เปิดใจมึนกับความพ่ายแพ้

เวลาประมาณ 10.30 น.นายสนธยา คุณปลื้ม เจ้าของบ้านแสนสุข ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม “เรารักชลบุรี” แกนนำพรรคชาติไทย ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้ออกพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง โดยกล่าวว่า เมื่อคืนนี้ (23) ทางผู้สมัคร ส.ส.และตนได้ติดตามผลการนับคะแนนมาโดยตลอดและมีการพูดคุยกันในกลุ่ม ว่า ไม่น่าเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ผลจะออกมาเช่นนี้ แต่พวกตนก็ต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น

นายสนธยา ยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้สร้างความตกตะลึงให้กับตนเองและผู้สมัคร ส.ส.เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ผ่านมาเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ จ.ชลบุรี เมื่อมีการตรวจสอบและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ก็พบว่า เกิดจากกระแสการเลือกข้าง หรือเลือกพรรคที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่สนใจพรรคเล็กๆ เช่น พรรคชาติไทย จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นใน จ.ชลบุรี

นายสนธยา กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.ชลบุรีลงครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง โดยในเขต 1 และเขต 3 นั้นเราได้มีการวิเคราะห์กันว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะสามารถแทรกเข้ามาได้ แต่สำหรับเขต 2 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หวังแต่อย่างใด จึงได้ส่งผู้สมัครหน้าใหม่ที่ไม่เคยเล่นการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติมาก่อนเลย แต่เมื่อผลคะแนนออกมากลับได้ทั้งเขต 2 เขต 1 และเขต 3 ด้วย ซึ่งเกิดจากกระแสการเลือกพรรคอย่างแน่นอน

“ยอมรับว่า รู้สึกมึนมากๆ ที่ลูกทีมของผมที่คิดว่าเป็นเต็งหนึ่งของพื้นที่ โดยเฉพาะเขต 2 จะต้องมาได้รับความผ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ลงสมัครของพรรคถึงกับถอดใจ แต่ทุกคนก็ยอมรับกับการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ส่วนการทำงานทางด้านการเมืองในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น จะต้องมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้ง เพราะอย่างไรผลการเลือกตั้งก็ออกมาในรูปแบบนี้แล้ว ดังนั้น พวกผมจะต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะยังยึดมั่นอยู่ในสโลแกนว่า ชีวิตที่เหลือทำเพื่อเมืองชลบุรี” นายสนธยา กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากชาติไทย ใน จ.ชลบุรี สูญเสียที่นั่ง ส.ส.ให้กับประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางพรรคชาติไทย จ.ชลบุรี เตรียมที่จะประกาศจุดยืนทางการเมืองของตนเองอีกครั้งในวันที่ 25-26 ธ.ค.นี้

ว่าที่ ส.ส.หญิงชลบุรีลั่นพร้อมทำงาน

ด้าน นางพจนารถ แก้วผลึก ว่าที่ ส.ส.หญิงเขต 2 ชลบุรีคนแรกของพรรค ปชป.กล่าวภายหลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งชนะผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติไทย ว่า เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งยกจังหวัดในพื้นที่ชลบุรี ครั้งนี้ เพราะประชาชนชาวชลบุรีต้องการเห็นอะไรใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ต้องการเห็นคนรุ่นใหม่มาทำงานบริหารท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาฐานเก่าไม่สามารถครองใจประชาชนได้ และประชาชนมองดูว่างบประมาณการพัฒนาต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง

“ต้องรอให้ กกต.รับรองผลก่อน ดิฉันจึงจะเข้าไปดำเนินการแก่ปัญหาต่างๆ ตามขั้นตอนให้กับชาวชลบุรี โดยจะมีการปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้านเพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหา โดยจะเน้นไปเรื่องของปากท้องของชาวชลบุรี ที่มุ่งหวังถึงความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยให้ความสำคัญในเรื่องของความเสมอภาคของประชาชนในทุกระดับ ซึ่งจะพยายามทำงานตามนโยบายของพรรคด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ให้ดีที่สุด”

นางพจนารถ กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ในการร่วมกิจกรรมการเมืองภาคประชาชน ทั้งเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และยามเฝ้าแผ่นดิน ทำให้มีอุดมการณ์และจุดยืนในการทำงานเพื่อประชาชน และจะรักษาจุดยืนดังกล่าวเอาไว้ เพื่อปากเสียงของประชาชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพราะจากการลงพื้นที่หาเสียงตามท้องที่ต่างๆ ทำให้ทราบถึงความต้องการของประชาชน ทราบความเดือดร้อนของชาวบ้าน และจะได้นำข้อมูลดังกล่าวมารวบรวมและหาแนวทางการแก้ไข เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานของภาคส่วนต่างๆ และเพื่อความผาสุกของชาวจังหวัดชลบุรีต่อไป

ทางด้าน นายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบสัดส่วนของ จ.ชลบุรี อันดับที่ 4 ของกลุ่มจังหวัดที่ 5 พรรค ปชป.อย่างไม่เป็นทางการ กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนในพื้นที่ 10 จังหวัดคะแนนกว่า 1,800,000 เสียงนั้น ถือว่าเกินคาดและสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า สาเหตุที่ประชาชนเลือกประชาธิปัตย์ เพราะนโยบายของพรรคถูกใจประชาชน และต้องการให้พรรคเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง และเชื่อมั่นในตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความรู้ มีเหตุมีผลชัดเจน ซึ่งถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อปกครองประเทศ ตามนโยบายวาระประชาชน 99 วันทำได้
กำลังโหลดความคิดเห็น