กาญจนบุรี – เอ็นจีโอกาญจน์ แฉเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ขุดต้น “ขานาง” กลางเกาะถนนแสงชูโตหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อสร้างแฟชั่นเสาไฟเกาะกลางถนนเมืองกาญจนบุรี โดยไม่เห็นคุณค่าของต้นไม้อีกทั้งยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ยังเป็นการผลาญงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนด้วย เผยโครงการที่มีการขุดต้นขานางออกในครั้งนี้ เป็นโครงการปรับภูมิทัศน์เกาะกลางถนนและต้นขานางที่ถูกล้มลงมีจำนวนเป็น 100 ต้น ตลอดระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตั้งแต่เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนวิสุทธรังสี จนถึงหน้าศาลากลางจังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2550 ที่ผ่านมา นางภินันท์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ ได้นำข้อมูลเข้าเผยแพร่ต่อผู้สื่อข่าว ว่า พบการขุดต้นไม้ที่เกาะกลางถนนแสงชูโตในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นโครงการทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม ดังนั้น จึงได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนและพาลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบบริเวณเกาะกลางถนน ที่ทางเทศบาลเมืองกาญจนบุรีได้ทำการตกแต่งปรับปรุงเพื่อความสวยงาม แต่ทางเทศบาลได้รื้อถอนต้นไม้ที่ปลูกไว้บริเวณบนเกาะกลางถนนจนทำให้ต้นไม้จำนวนมากตายหมด
นางภินันท์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ขับรถผ่านมาตามถนนแสงชูโต หน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี พบเห็นซากต้นไม้ ชื่อต้นขานาง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ล้มตายหงายรากตากแดดบนเกาะกลางถนน เป็นระยะทางยาวกว่า 2-3 กิโลเมตร เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบสั่งโค่นล้ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีอำนาจ ไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งไม่ตระหนักต่อปัญหาสภาวะโลกร้อนที่กำลังคืบคลานเข้ามาหามวลมนุษย์ การช่วยภาวะโลกร้อนนั้น นอกจากไม่ทำการตัดต้นไม้แล้ว แต่เราจะต้องช่วยกันอนุรักษ์และช่วยกันปลูกต้นไม้ให้มากยิ่งขึ้น และต้นขานางที่ปลูกขึ้นบนเกาะกลางถนน บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนั้น เป็นต้นไม้ท้องถิ่นประจำจังหวัดกาญจนบุรี มีมากในป่าเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นมรดกโลก มีลักษณะ ลำต้นตรง นวล สะอาด เปรียบเทียบเสมือน ขาของสาวๆ จึงถูกขนานนามว่า ต้นขานาง”
“ในสมัยนั้นมีนักเขียนท่านหนึ่ง คือ คุณเสริมศรี เอกชัย ได้เขียนหนังขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “ต้นขานางร้องให้” เป็นเรื่องราวเกี่ยวพันกับพืชที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งหนังสือเล่มนี้ถูกนำมาถกเถียงกันในระดับจังหวัด นำไปสู่การยกย่องต้นขานางเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจึงได้มีการนำมาปลูกที่หน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี หวังให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้รู้จักต้นไม้ที่สำคัญ ซึ่งต้นขานางถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดกาญจนบุรี” นางภินันท์ กล่าว
ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ กล่าวต่อว่า ต้นขานางที่ถูกล้มไปนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นประมาณ 15-25 ซม.ซึ่งปลูกอยู่ท่ามกลางเมืองป่าคอนกรีตที่มีอากาศร้อนระอุ ซึ่งการที่ต้นขานางเติบโตยืนต้นใหญ่ขนาดนี้ ต้องเสียงบประมาณในการพรวนดินรดน้ำสูญเสียงบประมาณแผ่นดินในการดูแลรักษาไปเท่าไหร่ แต่มาถึง พ.ศ.2550 ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นได้กระทำการเพียงเพื่อให้บรรลุโครงการปรับภูมิทัศน์เกาะกลางถนนที่ต้องใช้งบประมาณถึง 17.6 ล้านบาท
ต้นขานางที่ทะนุถนอมดูแลมาอยู่เกือบ 10 ปี กลับถูกถอนรากถอนโคน ใช้เวลาในการล้มเพียงแค่ 2 วัน หากผู้มีอำนาจมีวิสัยทัศน์ก็ต้องคิดปรับปรุงพร้อมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าอนันต์ยิ่งในภาวะที่สถานการณ์โลกร้อนที่กำลังจะคืบคลานมาในปัจจุบัน หากผู้นำตระหนักการตัดล้มต้นขานางก็คงจะเลือกกระทำแต่เฉพาะบางต้นที่จำเป็นและปรับใช้ต้นไม้นี้เป็นสิ่งที่เสริมสร้างภูมิทัศน์ที่ดีที่สุด
โดยการคิดแบบรอบคอบ เช่น การตบแต่งตัดแต่งกิ่งให้เหมาะสวยงามเพื่อความร่มเย็นสงบสวยงามต่อสายตาผู้สัญจรไปมา และจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียงมากกว่าที่จะเป็นแค่เสาปูนแขวนหงส์แขวนนกแขวนปลายที่ต้องเสียงบประมาณในการจัดซื้อต้นละหลายหมื่นบาท ซึ่งคำโบราณกล่าวว่าเป็นการสวยพิศสวยผ่าน ต้นไม้ก็เหมือนคนสวยพิศยิ่งมองยิ่งสวยสงบเย็นตา
ส่วนเสาปูนไฟฟ้าสวยผ่าน มองแว๊บเดียวสวยแต่หากมองนานทั้งปูนทั้งแก้วกระแทกดวงตา หากว่าผู้รับผิดชอบมองให้ถูกวัตถุนิยมก็ต้องออกแบบที่คงเหลือใช้ประโยชน์จากต้นไม้คือได้ทั้งต้นไม้และแสงสว่าง เพราะใช้งบประมาณมากถึง 17.6 ล้านบาท
นางภินันท์ กล่าวต่อว่า มีข่าวว่า ไม่ได้ขุดทิ้งแต่ขุดต้นขานางย้ายไปปลูกที่เกาะรัตนกาญจน์หน้าเมือง สภาพที่เห็นคาตาอยู่นี่ก็น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะการขุดต้นไม้เพื่อนำไปปลูกใหม่ต้องล้อมเป็นตุ้มและนำไปอนุบาลให้รากแข็งแรง ไม่ใช้ล้มถอนรากปล่อยรากตากแดดร้อนจัดไม่มีดินห่อหุ้มแบบที่ถอนแบบนี้ การขุดย้ายไปปลูกเช่นนี้เป็นการทำแบบสุกเอาเผากิน ต้นขานางต้องตายหมดแน่ หรืออย่างเก่ง 100 ต้น หากรอด 10 ต้นก็เก่งแล้ว และที่รอดก็จะเติบโตแบบสมบูรณ์แคระแกรน ไม่ทนต่อลมหากลมพัดมาแรงก็จะล้มลงเพราะไม่มีรากแก้วในดิน การทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ทำแบบไม่คิดให้รอบคอบ น่าเสียดายมาก ของดีไม่รู้จักคุณค่า ไก่ได้พลอยชัดๆ
ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียที่กาญจนบุรีมีผู้นำท้องถิ่นที่คิดแต่จะเอาแบบเทศบาลที่อื่นโดยไม่คำนึงถึงความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนของเราที่มีอยู่ ซึ่งเทศบาลอื่นเขาไม่มีอย่างนี้ จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว เราควรหนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อมขอแท้เพื่อให้เป็นเมืองตัวอย่างแห่งการอนุรักษ์ เพื่อเป็นจุดขายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ทางธรรมชาติ ลดการพัฒนาทางวัตถุเพื่อให้สอดคล้องกับเมืองที่ใช้ชีวิตแห่งความพอเพียงตามปรัชญาของพ่อหลวงของแผ่นดินทรงมีพระราชดำรัสไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการที่มีการขุดต้นขานางออกในครั้งนี้ เป็นโครงการปรับภูมิทัศน์เกาะกลางถนนและต้นขานางที่ถูกล้มลงมีจำนวนเป็น 100 ต้น ตลอดระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตั้งแต่เกาะกลางถนนหน้า ร.ร.วิสุทธรังสี จนถึงหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี