ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีมั่นใจอนาคตตลาดค้าพลอยจันท์จะได้รับการพัฒนา และเป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น หลังนายกฯ ไฟเขียวและรับปากจะหาเจ้าภาพยกระดับค้าพลอยในจังหวัดสู่การเป็นนครแห่งอัญมณี โดยเตรียมเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประชุมอีกครั้ง หาเจ้าภาพโครงการ "จันทบุรีนครแห่งอัญมณี" อย่างเป็นรูปธรรม ด้านสมาคมฯ ประกาศพร้อมสร้างแบรนด์ "Ploithai" และควบคุมราคาให้ได้มาตรฐานสากล
หลังเข้าเสนอปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาตลาดพลอย และแผนจัดตั้งโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณีของสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี และหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในวาระ "การประชุมนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชนกลุ่ม 4 จังหวัดภาคตะวันออก" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดขึ้นก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดจันทบุรีเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ของภาคตะวันออก จากปากของผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งสมาคมอัญมณีฯ และส่วนราชการจังหวัดจันทบุรีพุ่งเป้าไปที่การผลักดันโครงการจันทบุรีนครแห่งอัญมณี
ด้วยกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการวัตถุดิบ "Ploithai" เพื่อสนับสนุนการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีให้ได้ 2 แสนล้านบาทในปี 2009 และเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน 1 หมื่นล้านบาท หนุนยุทธศาสตร์การเพิ่มทุนซื้อวัตถุดิบ และมอบหมายให้สำนักงานแปลงสินทรัพย์เป็นทุนร่วมกับสถาบันการเงิน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พิจารณาดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์อัญมณีเป็นทุน เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมอัญมณีฯ จันทบุรีเสนอ
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้จัดตั้งศูนย์วิเคราะห์และพัฒนาอัญมณี โดยสร้างกลไกแปลง "Ploithai" เป็นทุน บริการตรวจวิเคราะห์และออกใบรับรอง รวมทั้งจัดให้มีการค้นคว้าพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทย สนับสนุนการสร้างแบรนด์สินค้า "Ploithai" และโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น
สมาคมฯ ยังเสนอแนวทางดำเนินงานของศูนย์วิเคราะห์และพัฒนาอัญมณี ด้วยการขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือและการดำเนินการ 155 ล้านบาท โดยขออนุมัติงบประมาณเบื้องต้น 55.63 ล้านบาทซื้อครุภัณฑ์ และงบฯ ต่อเนื่องให้มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นผู้เสนอต่อไป
ขณะที่การพัฒนาบุคลากรด้านอัญมณี เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ "Ploithai" ขอสนับสนุนงบประมาณทั้งสิ้น 91.46 ล้านบาท โดยขออนุมัติงบประมาณเบื้องต้นเพื่อทำโครงการนำร่อง 10 ล้านบาท สำหรับงบประมาณต่อเนื่องให้มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีเป็นผู้เสนอ นอกจากนั้นยังให้พัฒนาตลาดและพิพิธภัณฑ์ "Ploithai" สนับสนุนกระบวนการสร้างมูลค่าและแบรนด์สินค้า "Ploithai" ให้เป็นสมบัติของชาติ
นายอดิศักดิ์ ถาวรวิริยะนันท์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี กล่าวอย่างมั่นใจว่าอนาคตตลาดค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีจะได้รับการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่าปัจจุบัน ที่มีมูลค่าประมาณแสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนพลอยร่วงจากจันทบุรีถึง 2 หมื่นล้านบาท หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.สัญจร ซึ่งที่ประชุม ครม.เห็นชอบที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังรับปากที่จะเรียกประชุมโต๊ะกลมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งข้อง ทั้งสมาคมฯ หอการค้าไทย รมต.กระทรวงที่รับผิดชอบ เพื่อหาเจ้าภาพในการดำเนินงานอย่างแท้จริงของโครงการจันทบุรีนครอัญมณี โดยจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
"นายกฯ บอกกับพวกเราว่าจะหนุนโครงการนี้แบบสุดๆ แต่จะขอพูดคุยในรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง ซึ่งการส่งเสริมเงินลงทุน ท่านบอกพร้อมและจะขอดูว่าเงินที่ลงทุนไปจะได้ประโยชน์กลับคืนมาเท่าใด และอีกสิ่งที่ท่านรับปากก็คือการส่งเสริมระบบการค้าให้คล่องตัวมากขึ้น และพร้อมสนับสนุนเรื่องการส่งออก เพียงแต่ผู้ประกอบการในพื้นที่ต้องเร่งสร้างแบรนด์สินค้าให้เกิดขึ้น พร้อมกับหนดมาตรฐานด้านราคาให้เป็นไปตามตลาดสากล " นายอดิศักดิ์กล่าว
ขณะที่นายภูเก็ต คุณประภากร เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สมาคมฯ และผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน ก็คือส่งเสริมให้คนไทยรู้จักพลอยไทย และหันมาใช้เครื่องประดับที่เป็นพลอยไทยมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่สิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงคือ มาตรฐานด้านราคา ที่ไม่ต้องการให้มีการตั้งเปอร์เซ็นต์จำหน่ายสูงเพื่อหักเป็นค่าใช้จ่ายให้กับไกด์ทัวร์ในการนำลูกค้าต่างชาติมาซื้อพลอย เพราะในอนาคตการทำตลาดจะต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องมาตรฐานราคาให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้บริโภค และสร้างความเป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น
"สิ่งที่สมาคมฯ จะเร่งดำเนินการในขณะนี้ก็คือการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับก่อน"