นครปฐม-ภายในหลังการมรณภาพอย่างสงบของพระครูมงคลสิทธิการ (หลวงพ่อพูล อัตตรักโข) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2548 เวลา 14.55 น. ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ด้วยโรคเลือดออกในกระเพาะเฉียบพลัน ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี รวมศิริอายุได้ 94 ปี 68 พรรษา ซึ่งถือเป็นการสูญเสียพระเกจิรูปสำคัญระดับประเทศไปอย่างน่าเสียดาย
โดยหลวงพ่อพูล ได้สร้างกุศลทางศาสนาและสังคมอย่างมากมาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำสรงศพแด่หลวงพ่อพูล ขณะที่เจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์ ทรงมอบพวงหรีดพระราชทาน นามย่อ “พญ” สีเหลืองตั้งอยู่หน้าโลงศพ
ตลอดทั้งวันเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 07.00 น.พระครูวินัยธรจิตติพงษ์ กิตติจิตโต หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” รักษาการเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ เคลื่อนร่างของหลวงพ่อพูลออกจากรพ.สมิติเวช โดยมีรถยนต์ตำรวจทางหลวงนำขบวน โดยร่างของหลวงพ่อพูล อยู่ได้นอนอยู่ในเตียงคนไข้ภายในรถพยาบาล กระทั่งเวลา 09.00 น.ได้มาถึงยังวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีนักเรียนนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวะศึกษานครปฐม โรงเรียนอนุบาลเทศบาลนครนครปฐม โรงเรียนวัดไผ่ล้อม จำนวนนับพันคนตั้งขบวน 2 ฟากถนนระยะทางกว่า 500 เมตร เพื่อรอรับศพของหลวงพ่อ
โดยมีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายไชยา สะสมทรัพย์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการประทรวงแรงงานฯ นายโชคชัย เดชอมรธัญ นายอำเภอเมือง และเหล่าข้าราชการ พ่อค้าประชาชน และลูกศิษย์ลูกหา ที่ทยอยเข้ามาทั้งวันไม่น้อยกว่า 50,000 คน ต่างพร้อมใจกันมารอรับอยู่ภายในวัด
ทันทีที่เปิดประตูท้ายรถพยาบาลของโรงพยาบาลสมิติเวชออก บรรดาเหล่าลูกศิษย์ที่มารอร่างของหลวงพ่อพูล ได้ส่งเสียงร้องไห้ระงมทั่ววัด สร้างบรรยากาศอันแสนโศกเศร้าและสลดใจกับผู้ที่เข้ามาร่วมงานนับพันคน จากนั้นได้มีการนำร่างของหลวงพ่อพูล ขึ้นไปตั้งบนเตียงไม้สักสีทองคำ ที่ประดับประดาด้วยกระจกแก้วโดยมีผ้าห่มสีทองคลุมร่าง และปิดม่านด้านหลังผ้าม่านสีทองคำ ซึ่งเป็นการจัดงานที่สมเกียรติของหลวงพ่อ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้เป็นคนแรกที่ได้สรงน้ำศพหลวงพ่อพูล ต่อด้วยนายไชยา สะสมทรัพย์ ได้ร่วมรดน้ำสรงศพ ตามด้วยประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน
ในช่วงที่มีลูกศิษย์ลูกหาได้เข้ามารำน้ำศพของหลวงพ่อพูล ได้มีชายหนึ่งซึ่งมีรอยสักเต็มตัว ได้เข้ามากราบไหว้ศพของหลวงพ่อพูล ระหว่างนั้นได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้นเมื่อชายคนดังกล่าวได้เกิดอาการสั่นเหมือนเจ้าเข้าเป็นอภินิหาร พระครูวินัยธรจิตติพงษ์ กิตติจิตโต ต้องเข้าไปสวดทำพิธีและดึงร่างของชายคนดังกล่าวออกมา โดยชายคนดังกล่าวบอกว่า เป็นร่างทรงของกุมารและเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพูลมานาน ในวันนี้หลังจากได้เข้าจับร่างของหลวงพ่อเกิดอาการหน้ามืดไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหลายคนที่เข้ามาร่วมงานคิดว่าสิ่งที่เห็นคือสิ่งมหัศจรรย์ของกุมารทอง ที่เกิดความเศร้าโศกเสียใจจากการละสังขารของหลวงพ่อพูล
พระครูวินัยธรจิตติพงษ์ กิตติจิตโต กล่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดไผ่ล้อม ได้เตรียมโลงไม้สักทองคำมูลค่า 1 แสนบาท ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นไม้ทองคำประดับด้วยกระจกแก้ว ซึ่งเป็นโลงไม้ปิดทึบและเป็นฐานรองรับโลงศพระระดับพระราชาคณะ ไว้รอรับการใส่ร่างของหลวงพ่อพูล หลังจากเสร็จพิธีพระราชทานน้ำสรงอาบศพในช่วงเย็น ซึ่งในวันนี้ทางวัดได้จัดเตรียมพระขุนแผน-กุมารทองคำให้ประชาชนที่ได้มารดน้ำหลวงพ่อพูลได้เช่าบูชาเพียงพออย่างแน่นอน เนื่องจากหลังจากการมรณภาพของหลวงพูล ได้มีประชาชนได้เข้ามาสอบถามและเข้ามาบูชาเป็นจำนวนมาก จนบรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยประชาชนที่พร้อมใจกันเข้ามาภายในวัด
พระครูวินัยธรจิตติพงษ์ กิตติจิตโต กล่าวอีกว่า แม้ประชาชนจะแห่แหนเข้ามาเช่าบูชาวัตถุมงคลกันอย่างเนืองแน่นแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อพูลได้กล่าวไว้ตลอดมาคือ วัตถุมงคลคือเครื่องรางที่ทำให้มีการยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตใจ และการทำดี สิ่งอภินิหารต่างๆ ล้วนแล้วแต่เกิดจากความเชื่อ โดยก่อนที่หลวงพ่อพูลจะละสังขารยังได้มีความเป็นห่วงลูกศิษย์ลูกหาในภาวะเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน จึงได้คิดทะพระขุนแผน-กุมาร ออกมาให้เช่าบูชา และมีกำลังใจในเศรษฐกิจยุดนี้ ก่อนจะมามรณภาพลง
ด้านพระธรรมสิทธิเวที เจ้าคณะภาค 12 เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ พระเลขาฯ ของสมเด็จพุฒาจารย์ หรือ “สมเด็จเกี่ยว” เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ประธานผู้ปฏิบัติการแทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งได้เข้ามาร่วมในพิธี กล่าวว่า ฉายาของหลวงพ่อพูล คือ พระมงคลสิทธิการ ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้นนับว่าเป็นความพิเศษอยู่ เนื่องจากสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานนั้นได้รับจากสายวิปัสสนา ซึ่งยากนักที่พระเกจิในประเทศไทยจะได้รับและถือเป็นองค์เดียวที่ได้รับพระราชทานมาในสายนี้ โดยชื่อมงคลสิทธิการ หมายถึงการเป็นพระอาจารย์ผู้ที่สิทธิประสาทวิชา จะทำการใดก็สำเร็จลุล่วงทุกเรื่องไป
นอกจากนี้ หลวงพ่อพูล ยังได้ละสังขารตรงกับวันวิสาขะบูชา ซึ่งน้อยองค์นักที่จะได้ละสังขารในวันนี้ นั่นหมายถึงการเพียรปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด แต่การละสังขารของหลวงพ่อพูล มิได้ลาลับไป เพียงแต่เปลี่ยนสถานะจากเดิมที่เคยเป็นอยู่ในร่างที่มีสังขารและยังได้รับการเทิดทูนเป็นเทพโลกบูชา คือ พระครูทักษิณานุกิจ หนึ่งในพระ 4 ทิศที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานไว้ 4 ทิศเพื่อปกปักรักษาองค์พระปฐมเจดีย์ด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. คณะเหล่าดารา นักร้องในวงการบันเทิง อาทิ หนิง ปณิตา, บี๋ สวิส เพชรวิเศษศิริ, นกน้อย บริบูรณ์ ได้เดินทางมาเคารพและรดน้ำศพของหลวงพ่อพูลอย่างหนาแน่น ซึ่งทุกคนที่มาร่วมภายในงานต่างเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่หลวงพ่อพูลได้เคยทำพิธีครอบครูให้ จนทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้า พลพล พลกองเส็ง นักร้องดังค่ายแกรมมี่ได้เดินทางเข้ามาร่วมในพิธี และช่วยในการจัดการต่างๆ ในพิธี ซึ่งเป็นหนี่งคนดังได้เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพูล ที่มีความเคารพกับหลวงพ่อพูลมานาน
กระทั่งเวลา 15.30 จึงได้มีการปิดหอประชุมและหยุดการรดน้ำศพของหลวงพ่อพูลสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อจัดเตรียมพิธีการในการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเดินทางมาถึงยังวัดไผ่ล้อม
โดยบี๋ สวิส เพชรวิเศษศิริ พระเอกหนุ่มจากช่อง7 สี บอกว่า ที่มาวันนี้เพราะอยากมารำลึกถึงหลวงพ่อพูล ซึ่งเคยทำพิธีครอบครูให้และตนเองไม่ได้มาที่วัด 2 ปีแล้ว เมื่อทราบข่าวจึงได้เดินทางมากราบศพหลวงพ่อในวันนี้ โดยรู้สึกเสียใจที่หลวงพ่อพูลมาจากไป ซึ่งหลังจากตนเองเคยได้ครอบครูและเจิมหน้าผากจากหลวงพ่อพูล รู้สึกว่ามีความสบายใจ ชีวิตการงานดีขึ้น มีงานเข้ามาตลอดอีกด้วย
ในเวลา 16.00 น.สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ “สมเด็จเกี่ยว” เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ประธานผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชได้เดินทางถึงวัดไผ่ล้อม จากนั้นได้นำน้ำพระราชทานสรงศพจากสำนักพระราชวัง สรงให้กับร่างของหลวงพ่อพูลที่หน้าอก จากนั้นได้มีพระผู้ใหญ่ทยอยกันสรงน้ำต่อเนื่อง กระทั่งเสร็จพิธีจึงได้นำร่างหลวงพ่อพูลบรรจุในโลงศพไม้สักทองคำ ซึ่งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาร่วมภายในงานจำนวนมาก อาทิ นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.เกษม สังขพันธ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม โดยจะเริ่มสวดพระอภิธรรมในวันนี้เป็นวันแรกและจะมีพิธีต่อเนื่องไป
โดยนายไชยา สะสมทรัพย์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการประทรวงแรงงานฯ ลูกศิษย์เอกของหลวงพ่อพูล ซึ่งได้เป็นผู้หนึ่งที่ได้ปรนนิบัติและดูแลหลวงพ่อพูลโดยตลอดในช่วงที่หลวงพ่อพูลเกิดอาการอาพาธ และต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง กล่าวว่า การสูญเสียครั้งนี้นับเป็นการสูญเสียที่สำคัญและใหญ่หลวงของลูกศิษย์ลูกหาและวงการสงฆ์ ซึ่งทางเราได้พยายามให้ทีมแพทย์ได้ยื้อชีวิตของหลวงพ่อพูลอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ด้วยหลวงพ่อถึงเวลาต้องละสังขารตามกาลเวลา ก็ต้องยอมรับกัน แต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อพูลสร้างไว้คือคุณงามความดีที่ท่านได้ให้กับสังคมไว้มากมายหลายๆ ด้าน และยังเป็นบุคคลตัวอย่างที่คนรุ่นหลังควรจะนำแบบอย่างของหลวงพ่อไปปฏิบัติตนในการดำรงชีพต่อไป ในเรื่องของความสงบเงียบขรึม สมถะ และเรียบง่าย
นายภิญโญ คชศิลา ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า สำหรับการแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ของวัดไผ่ล้อมนั้น จะต้องมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 100 วัน นับตั้งแต่ที่หลวงพ่อพูลมรณภาพ ส่วนจะเป็นใครนั้นต้องมีการปรึกษาหารือกันหลายฝ่ายจึงจะมีมติออกมา โดยตอนนี้ทางวัดไผ่ล้อมได้แต่งตั้งให้พระครูวินัยธรจิตติพงษ์ กิตติจิตโต หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสไปก่อน เนื่องจากมีความพร้อมในการดูแลวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในวัดไผ่ล้อมตั้งแต่ช่วงเช้าตลอดทั้งวันวานนี้ (24 พ.ค.) จนถึงเช้าวันนี้ (25 พ.ค.) ได้มีลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนแห่กันแย่งเพื่อเช่าบูชาวัตถุมงคลขุนแผน-กุมาร กันนับพันคน ที่บริเวณด้านหน้ากุฏิของหลวงพ่อพูล หลายคนลางานมาจากต่างจังหวัดเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจำนวนผู้ที่เข้ามาบูชาวัตถุมงคลมากเกินกำลังเจ้าหน้าที่ ทางวัดจึงได้รับจองวัตถุมงคลโดยใช้วิธีลงบิลไว้ก่อน และนำมารับวัตถุมงคลที่สั่งจองในวันหลัง
ส่วนบรรยากาศของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลภายในวัด พบว่าเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยเลขเด็ดที่นิยมพบว่าเป็นเลขอายุของหลวงพ่อพูล คือ 94 และมีเลขประกอบต่างๆ เช่น 22 14 55 45 เป็นต้น โดยพบว่าทุกแผงนั้นขายสลากกินแบ่งรัฐบาลคู่ละ 80 บาทเท่ากันทุกร้านตามนโยบายของรัฐบาล