xs
xsm
sm
md
lg

“นิ่มซี่เส็ง”ปรับค่าขนส่ง15%-จี้รัฐเปิดเพิ่มบรรทุกช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ยักษ์ใหญ่ขนส่งภาคเหนือ "นิ่มซี่เส็ง"เตรียมปรับราคาค่าบริการขนส่งสินค้าสัปดาห์นี้ 10-15% หลังรัฐบาลประกาศปรับราคาดีเซลแล้ว 2 ระลอก ยอมรับต้องปรับแผนใหม่ชะลอการขยายการลงทุนออกต่างประเทศไปก่อน จนกว่าจะพร้อมเต็มที่ พร้อมเสนอรัฐเปิดช่องขนคอนเทนเนอร์ 2 ตู้/เที่ยวได้ ช่วยลดต้นทุนผู้ส่งออก

นายอุดม สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทนิ่มซี่เส็ง (1988) จำกัด ยักษ์ใหญ่วงการขนส่งสินค้าของภาคเหนือ ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเฉพาะเชียงใหม่ได้เกือบ 100% และมีเครือข่ายครอบคลุมเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน ลำปาง และกรุงเทพฯอีก 4 สาขา รวมเป็น 14 สาขา มีรถบริการขนส่งในเครือและรถร่วมกว่า 500 คัน พนักงานขนสินค้า/คนขับอีกว่า 1,000 คน เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลประกาศปรับราคาดีเซลขึ้นอีก 3 บาท/ลิตร จากช่วงก่อนที่ปรับขึ้นไปแล้ว 60 สตางค์/ลิตร หรือปรับขึ้น 22%

นั่นหมายถึงต้นทุนค่าน้ำมันของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 3.60 บาท/ลิตร ซึ่งทุกวันนี้บริษัทใช้น้ำมันเพื่อการขนส่งสินค้าทั้งระบบประมาณ 600,000 ลิตร/เดือน นั่นหมายถึงภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2.16 ล้านบาท/เดือน

ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาค่าบริการขนส่งสินค้าทั้งระบบขึ้นตามต้นทุน ซึ่งเบื้องต้นนี้บริษัทคาดว่าจะปรับค่าบริการขึ้นประมาณ 10-15% ภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า โดยจะเร่งแจ้งไปยังลูกค้าที่มีมากกว่า 1,000 รายโดยเร็วที่สุด

เขาบอกว่า ความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาค่าขนส่ง เห็นได้ง่าย ๆ ก็คือ การขนส่งสินค้าจากเชียงใหม่ - กรุงเทพฯ โดยรถสิบล้อ ไป-กลับ จะใช้น้ำมัน 500 ลิตร เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น 3.60 บาท/ลิตร หมายถึงบริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 1,800 บาท/เที่ยว บวกค่าแรงที่จะต้องเพิ่มให้กับพนักงานอีก 200 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งค่าอะไหล่ ค่าโสหุ้ย และดอกเบี้ยที่จะต้องปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน แสดงว่าการขนส่งสินค้าต่อเที่ยวมีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท

"แน่นอนว่าหลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นแล้ว ผลกระทบทุกอย่างไม่หยุดแค่นี้ ค่าครองชีพของคนทั่วไปก็ต้องเพิ่มสูงขึ้น บริษัทก็ต้องปรับค่าจ้างแรงงาน ให้กับพนักงานที่มีอยู่ตามไปด้วย ซึ่งทุกอย่างก็คือภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น"

กรรมการผู้จัดการบริษัทนิ่มซี่เส็งฯ ให้ความเห็นว่า การขนส่งสินค้าทั่วไปตามราคาที่จะปรับขึ้นนี้ หากเฉลี่ยต่อหน่วย จะไม่มีผลกระทบมากนัก เช่น เสื้อผ้า ที่คำนวณค่าขนส่งออกมาแล้วจะปรับขึ้นเพียง 1.50-1.70 บาท/กก. เฉลี่ยต่อหน่วยก็จะเหลือไม่กี่สตางค์เท่านั้น แต่ที่จะมีผลกระทบมากที่สุดก็คือ วัสดุก่อสร้าง อาทิ ปูนซีเมนต์ เฉพาะค่าขนส่งต่อถุงต้องเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 บาท เช่นเดียวกับเหล็กเส้น ถ้าคิดฐานที่เหล็ก 2 หุน 1 เส้น จะมีค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 30 สตางค์ ผลกระทบเหล่านี้แน่นอนว่า จะต้องส่งผลต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมการก่อสร้าง - พัฒนาที่ดินอย่างแน่นอน

เสนอรัฐเพิ่มคอนเทนเนอร์2 ตู้/เที่ยว

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่พ้นนี้ โดยข้อเท็จจริงแล้ว รัฐบาลสามารถให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ เช่น กรณีการส่งสินค้าออกจากภาคเหนือทั้งระบบ ที่ต้องขนส่งโดยคอนเทนเนอร์ขนาดประมาณ 18 ตัน ที่ทุกวันนี้ต้องขนกันเที่ยวละ 1 ตู้เท่านั้น เพราะติดปัญหาเรื่องน้ำหนักบรรทุกเกิน
ทั้งที่หากขนเที่ยวละ 2 ตู้ ก็จะมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแค่ 3-4 ตัน/เที่ยวเท่านั้น แต่ทำไม่ได้ ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าต้องเสียพื้นที่ไปกว่า 10 ตัน/เที่ยว เช่นเดียวกับผู้ส่งออกที่ต้องมีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว แต่ถ้าบรรทุกเที่ยวละ 2 ตู้ก็จะถูกจับทันที

"ถ้ารัฐบาลผ่อนปรนเงื่อนไขตรงนี้ได้ ก็จะลดต้นทุนผู้ส่งออก - ผู้ประกอบการขนส่งได้อีกมาก โดยจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไปด้วย สอดคล้องกับเป้าหมายการลดต้นทุนค่าลอจิสติกส์ของประเทศ ที่มีมากกว่า 30%ได้ด้วยเช่นกัน โดยทุกวันนี้มีการขนส่งสินค้าโดยตู้คอนเทนเนอร์ จากเชียงใหม่ หรือลำพูน -แหลมฉบัง วันละไม่น้อยกว่า 30-40 เที่ยวขึ้นไป"

ชะลอแผนลงทุนรุกจีนตอนใต้

กรรมการผู้จัดการบริษัทนิ่มซี่เส็งฯ กล่าวอีกว่า การปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่การปรับค่าบริการขนส่งเท่านั้น ในส่วนการลงทุนของบริษัทก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งเบื้องต้นทำให้บริษัทอาจจะต้องชะลอแผนงานขยายการลงทุน ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกไปก่อน เช่น การขยายเครือข่ายการให้บริการเข้าไปถึงจีนตอนใต้ ฯลฯ ก็ต้องกลับมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนทางธุรกิจใหม่อีกครั้งหนึ่ง

อนึ่ง บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง1988 จำกัด ซึ่งดำเนินการธุรกิจขนส่งที่ให้บริการลูกค้า ด้านการขนส่งสินค้า และการกระจายสินค้า ที่ประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงในเรื่องการบริการขนส่ง ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 เพื่อประกอบธุรกิจรับจ้างขนส่งผลไม้ในตลาดวโรรส จังหวัดเชียงใหม่

เริ่มต้นจาก " ห้างหุ้นส่วนจำกัด นิ่มซี่เส็งขนส่ง " ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก ภายใต้การบริหารงานของพี่น้องตระกูล " สุวิทย์ศักดานนท์" เริ่มแรกจากที่มีพนักงานเพียง 2 - 3 คน ภายใต้แนวคิด "กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ วันเดียวเท่านั้น" จากผลไม้ขยายสู่การขนส่งของสดทุกประเภท จนถึงการรับขนส่งสินค้าแห้งทุกชนิด จนกระทั่งก้าวสู่ธุรกิจขนส่งอย่างแท้จริง

การเติบโตของนิ่มซี่เส็งขนส่ง

2514 เริ่มดำเนินธุรกิจขนส่งที่ตลาดวโรรส จังหวัดเชียงใหม่ มีสำนักงานเป็นตึกแควคูหาเดียวในรูปแบบของห้างหุ้นส่วน

2519 เปิดที่ทำการสาขาสี่แยกมหานาค กทม.

2521 ได้เริ่มบุกเบิก ไปยังสาขา ท่าลี่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

2523 ได้เริ่มบุกเบิก ไปยังสาขาป่าซาง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน

2524 ย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่จากตลาดวโรรสไปยังตลาดเมืองฟ้า จังหวัดเชียงใหม่ มีสำนักงานที่มีพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน ประมาณ 4 - 5 ไร่แต่ยังใช้ตึกแถวคูหาเดียวที่ตลาดวโรรสเป็นสาขา

2526 เปิดที่ทำการสาขาขึ้นใหม่ที่อำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ และสาขากองลอย

2529 เปิดที่ทำการสาขาใหม่ ที่จังหวัด ลำปาง

2531 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจจาก ห้างหุ้นส่วน มาเป็น "บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด" และเปิดที่ทำการสาขาสันกำแพง

2533 ย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ มายังสามแยกแม่โจ้จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ 80 ไร่

2537 เปิดที่ทำการสาขาพุทธมณฑลสาย 2 เพื่อเป็นจุดรับสินค้าขึ้นมา ภาคเหนือ

2539 เปิดที่ทำการสาขาลำพูนขึ้น เพื่อรองรับความเจริญเติบโต จ.ลำพูน

2541 เปิดบริการการกระจายสินค้าระบบ Logistics

2543 เปิดที่ทำการสาขาพุทธมณฑลสาย 5

2545 เปิดที่ทำการสาขาพะเยา และเปิดให้บริการส่งสินค้าด่วน "Nim see seng - Express"

2546 เปิดให้บริการรับฝากสินค้าห้องเย็น ขนาดพื้นที่ 571.2 ตรม.

2547 เปิดที่ทำการสาขาตลาดไท
กำลังโหลดความคิดเห็น