xs
xsm
sm
md
lg

อุบลฯขายข้าวอินทรีย์ล่วงหน้ากว่า14ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุบลราชธานี-บริษัท เอ พี แซด คอร์ปอเรชั่น ทำสัญญาซื้อข้าวปลอดสารพิษ จากสหกรณ์เกษตรไร้สารพิษ อำเภอวารินชำราบ กว่า 14 ล้านบาท เผยนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าส่งออกต่างประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป ระบุการปลูกหอมมะลิปลอดสารพิษ จะทำให้ชาวนาขายข้าวราคาสูงขึ้น ขณะที่ผู้ว่าฯรับลูกพร้อมส่งเสริมเต็มที่ บรรจุเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดข้าว

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายธีรพล ตริยะเกษม ประธานบริหารบริษัท เอ พี แซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เดินทางมาทำสัญญา ซื้อข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษจากสหกรณ์เกษตรไร้สารพิษ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จำนวนถึง 400 ตัน ในปีการผลิต 2547/2548 โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 14 ล้านบาท โดยมีนายจีรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นสักขีพยาน

นายธีรพล กล่าวว่า นับเป็นความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาข้าวเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานโลก โดยการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวในครั้งนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้นถึง 14 ล้านบาท เป็นจำนวนข้าวประมาณ 400 ตัน ซึ่งจะมีการส่งมอบหลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นในปลายปี 47 จากนั้น บริษัทจะนำไปแปรรูป เพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าวหอมมะลิไทย

สำหรับรูปแบบของข้าว ที่บริษัทมีการพัฒนาอยู่ในขณะนี้ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิรสชาติแบบไทยๆ เช่น ข้าวหอมมะลิรสต้มยำ ข้าวหอมมะลิรสกระเพรา ข้าวหอมมะลิรสผัด ตลอดจนข้าวหอมมะลิเคลือบวิตามิน และ ข้าวหอมมะลิสุขภาพ ที่มีไฟเบอร์และใยอาหารรวมอยู่ด้วย

การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าดังกล่าว จะเน้นที่ตลาดเป้าหมายที่จะมีการวางตลาด ทั้งภายในและต่างประเทศ เช่น เอเชีย หรือ ตลาดในแถบยุโรป โดยเน้นรสชาติ กลิ่น และสี เพื่อดึงดูดผู้บริโภค อาทิ ข้าวหอมมะลิรสชาเขียว ข้าวหอมมะลิรสข้าวมันไก่ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีการผลิตออกมาเพื่อง่ายต่อการบริโภค และสะดวกต่อการหุงอาหาร ที่สำคัญต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป็นหลัก

นายพีรพล กล่าวอีกว่า ในอนาคตตลาดการส่งออกข้าว ต้องมีการปรับตัวโดยการแปรรูปให้มีรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย ดังนั้น บริษัทจึงมีการพัฒนาเรื่องนี้ล่วงหน้าไปก่อน ขณะที่การพัฒนาด้านการแปรรูปเพื่อให้ข้าวหอมมะลิเพิ่มมูลค่าที่สูงขึ้น จะเป็นผลดีต่อตัวเกษตรกรเอง ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์มากตามไปด้วย จะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร ให้เป็นจริงขึ้นอีกทางหนึ่ง เพียงแต่การพัฒนาต้องอาศัยช่วงระยะเวลาสักระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะต้องมีการร่วมมือกับเอกชนว่า ทำอย่างไรจะให้การผลิต การเก็บและการสีข้าวปลอดสารพิษให้มีรูปแบบ ที่ได้มาตรฐานและเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองตลาดต่างประเทศ และตลาดในประเทศ ตลอดจนการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การเพิ่มสารไอโอดีนเข้าไปในผลิตภัณฑ์ข้าวหอมมะลิที่สีเป็นข้าวสารแล้ว เพื่อให้ชาวอีสานได้รับไอโอดีนมากขึ้น อย่างนี้ต้องร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน

ส่วนการซื้อข้าวครั้งนี้ของบริษัทถือเป็นครั้งแรก โดยต่อไปจะพิจารณาความร่วมมือระหว่างกันภายใต้ความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นจะมีการสั่งซื้อย่างต่อเนื่องตลอดทุกปี เป็นการร่วมมือกันระหว่างผู้ผลิตข้าวและผู้ส่งออกให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ซื้อข้าวปลอดสารพิษสูง กว่าราคาท้องตลาดประมาณ 30%

ทั้งนี้ คาดว่า ต่อไปหากมีการพัฒนารูปแบบข้าวหอมมะลิ ในรูปแบบที่หลากหลายจนติดตลาด จะทำราคาข้าวจะสูงไปถึง กก.ละ 28-30 บาท หรือ ตันละ 28,000-30,000 บาท จุดตรงนี้จะต้องเป็นความร่วมมือกันระหว่างทุกฝ่าย อีกทั้งทำอย่างไร จะให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในการปลูกข้าวแต่ละปีได้ เพื่อจะทำให้เกษตรกรมีรายได้มากต่อไปในอนาคต

นายจีรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จังหวัดจะพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรได้ปลูกข้าวหอมมะลิให้ได้ปริมาณต่อไร่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ขายได้มากยิ่งขึ้น จะทำให้เกษตรกรได้รายได้มากตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะมีการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ หรือข้าวปลอดสารพิษให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น