อุบลราชธานี-แม่ค้าในตลาดครวญต้นทุนสินค้าแพง รับซื้อมาแล้วขายยาก ยอดรายได้หดจากเดิมครึ่งต่อครึ่ง ชี้ราคาน้ำมันเป็นต้นเหตุ
น.ส.ชลธิชา ยมแพทย์ แม่ค้าขายส่งผักในตลาดค้าสดเทศบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยถึงภาวะราคาสินค้าในขณะนี้ว่า พืชผักจำนวนมากปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปกติเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5-20 บาท เพราะมีปัจจัยจากความตกใจราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น มะนาว คะน้า กะหล่ำปลี ซึ่งปกติในช่วงเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมามะนาวจะมีราคาถูก เพราะเป็นช่วงมะนาวให้ผลมาก
แต่ในปีนี้มะนาวมีราคาซื้อขาย 100 ลูกต่อ 40 บาท ทั้งที่ปีที่แล้วมีราคาขายเพียง 100 ลูกต่อ 10-15 บาท คะน้าปกติกิโลกรัมละ 30-40 บาท แต่มีราคาสูงเป็นกิโลกรัมละ 40-60 บาท และกะหล่ำปลีปกติกิโลกรัมละ 5-10 บาท แต่ปรับตัวขึ้นถึงกิโลกรัมละ 20 บาท
แม่ค้าขายส่งผักคนเดิมกล่าวต่อว่า ราคาน้ำมัน คือ ตัวผลักดันราคาสินค้าให้ถีบตัวขึ้นเป็นระยะ เช่น ถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุภัณฑ์พืชผลการเกษตร เดิมซื้อกิโลกรัมละ 50 บาท ได้ปรับตัวขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีต้นทุนสูงขึ้น จึงต้องปรับราคาสินค้า แต่การขึ้นราคาสินค้าก็ส่งผลกระทบต่อยอดการจำหน่าย เดิมที่ร้านมียอดขายส่งเฉลี่ยวันละ 10,000-20,000 บาท ตกลงมาเหลือเพียงวันละไม่ถึง 10,000 บาท
สาเหตุเพราะรถที่วิ่งมารับซื้อนำไปขายในตลาดภาคอีสานตอนล่างชะลอการซื้อลง และเลือกซื้อพืชผักในกลุ่มที่มีราคาถูก ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีความเสี่ยง เพราะไม่รู้ใจตลาดต้องการอะไร ทำให้ราคาพืชผักไม่แน่นอนมีการขึ้นลงเร็ว
ขณะเดียวกันอาหารในกลุ่มอาหารทะเลก็มียอดขายตกลงเกือบ 50% เพราะร้านข้าวต้ม ร้านข้าวแกง หันไปใช้ปลา และกุ้งท้องถิ่นที่มีราคาถูกกว่า ส่วนลูกค้าหลักที่ยังสั่งซื้อก็มีเพียงภัตตาคารอาหารจีนที่มีอยู่ไม่ไกี่แห่งของจังหวัด ทำให้ได้รับผลกระทบจากยอดการจำหน่ายอาหารทะเลที่ลดลงอย่างมากด้วย
น.ส.ชลธิชา ยมแพทย์ แม่ค้าขายส่งผักในตลาดค้าสดเทศบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยถึงภาวะราคาสินค้าในขณะนี้ว่า พืชผักจำนวนมากปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปกติเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5-20 บาท เพราะมีปัจจัยจากความตกใจราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น มะนาว คะน้า กะหล่ำปลี ซึ่งปกติในช่วงเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมามะนาวจะมีราคาถูก เพราะเป็นช่วงมะนาวให้ผลมาก
แต่ในปีนี้มะนาวมีราคาซื้อขาย 100 ลูกต่อ 40 บาท ทั้งที่ปีที่แล้วมีราคาขายเพียง 100 ลูกต่อ 10-15 บาท คะน้าปกติกิโลกรัมละ 30-40 บาท แต่มีราคาสูงเป็นกิโลกรัมละ 40-60 บาท และกะหล่ำปลีปกติกิโลกรัมละ 5-10 บาท แต่ปรับตัวขึ้นถึงกิโลกรัมละ 20 บาท
แม่ค้าขายส่งผักคนเดิมกล่าวต่อว่า ราคาน้ำมัน คือ ตัวผลักดันราคาสินค้าให้ถีบตัวขึ้นเป็นระยะ เช่น ถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุภัณฑ์พืชผลการเกษตร เดิมซื้อกิโลกรัมละ 50 บาท ได้ปรับตัวขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีต้นทุนสูงขึ้น จึงต้องปรับราคาสินค้า แต่การขึ้นราคาสินค้าก็ส่งผลกระทบต่อยอดการจำหน่าย เดิมที่ร้านมียอดขายส่งเฉลี่ยวันละ 10,000-20,000 บาท ตกลงมาเหลือเพียงวันละไม่ถึง 10,000 บาท
สาเหตุเพราะรถที่วิ่งมารับซื้อนำไปขายในตลาดภาคอีสานตอนล่างชะลอการซื้อลง และเลือกซื้อพืชผักในกลุ่มที่มีราคาถูก ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีความเสี่ยง เพราะไม่รู้ใจตลาดต้องการอะไร ทำให้ราคาพืชผักไม่แน่นอนมีการขึ้นลงเร็ว
ขณะเดียวกันอาหารในกลุ่มอาหารทะเลก็มียอดขายตกลงเกือบ 50% เพราะร้านข้าวต้ม ร้านข้าวแกง หันไปใช้ปลา และกุ้งท้องถิ่นที่มีราคาถูกกว่า ส่วนลูกค้าหลักที่ยังสั่งซื้อก็มีเพียงภัตตาคารอาหารจีนที่มีอยู่ไม่ไกี่แห่งของจังหวัด ทำให้ได้รับผลกระทบจากยอดการจำหน่ายอาหารทะเลที่ลดลงอย่างมากด้วย