ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เปิดตัว“แม่จรัส มิ่งมหิศร” หญิงเก่งโคราชคว้ารางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติสาขา “แม่เกษตรกร” เผยเคล็ดลับสอนลูกยึดหลักธรรม ทำความดีทุ่มเทสร้างคุณประโยชน์แก่สังคม เผยเป็นหญิงแกร่งเมืองย่าโมตัวจริงไม่หวั่นการศึกษาต่ำหาญกล้าเป็นผู้นำกลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรชุมชนสร้างอาชีพและรายได้ให้กับท้องถิ่นประสบผลสำเร็จจำนวนมากพร้อมกวาดรางวัลระดับจังหวัดและระดับภาคอีสานมาแล้วนับไม่ถ้วน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากนครราชสีมาว่า วันนี้ (10 ส.ค.) ที่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 3 ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้มีบรรดาลูกหลานและญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ได้ทยอยเดินทางมาแสดงความยินดีกับ นางจรัส มิ่งมหิศร กันอย่างต่อเนื่องภายหลังทราบข่าวว่า สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้คัดเลือกให้นางจรัส มิ่งมหิศร เกษตรกร อายุ 61 ปีได้รับรางวัลเป็นแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2547 ประเภท “แม่ผู้เป็นเกษตรกร” ท่ามกลางความปลื้มปิติยินดีของทุกคน
นางจรัส มิ่งมหิศร แม่ดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2547 กล่าวว่า รู้สึกดีใจและปลาบปลื้มใจที่สุดในชีวิตและถือว่าได้รับเกียรติอันสูงส่งอย่างยิ่ง และจะทำหน้าที่ของแม่และพลเมืองที่ดีของประเทศชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ผู้เป็นแม่ทุกคนทำแต่ความดี สั่งสอนลูกให้เป็นคนดี ห่างไกลจากยาเสพติด มีความอดทน ขยันและมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ที่สำคัญทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมีหลักธรรมในการดำเนินชีวิตเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จต่อไป
ส่วนลูกๆ ก็อยากให้ทำตัวเป็นคนดีของพ่อ-แม่ ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซื่อสัตย์ และมีความเคารพผู้ใหญ่ มีจิตใจที่ดีงาม มีหลักธรรมในการดำเนินชีวิตนั้นถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในวันที่ 12 สิงหาคม 2547 ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ นางจรัส มิ่งมหิศร จะเดินทางไปเข้าเฝ้าและรับรางวัลพร้อมเกียรติบัตร โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานเพื่อรับประทานพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานและเกียรติบัตรแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2547 สาขาแม่ผู้เป็นเกษตรกร ที่บริเวณหน้าอาคารใหม่สวนอัมพร
สำหรับประวัติของนางจรัส มิ่งมหิศร นั้น เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2486 อายุ 61 ปี การศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านซึม สามีชื่อ นายชาญ มิ่งมหิศร อายุ 64 ปี ข้าราชการบำนาญ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา อ.พิมาย มีบุตร 8 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 3 คน
โดยเอกสารการเสนอชื่อนางจรัส เป็นแม่ดีเด่น ประจำปี 2547 ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ระบุว่า นางจรัส เป็นผู้มีความวิริยะอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ตั้งใจประกอบอาชีพโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย แม้จะมีความรู้น้อยแต่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา จึงมีความตั้งใจให้บุตรได้รับการศึกษาตามความสามารถของแต่ละคน ให้ได้มากที่สุดและยังได้อบรมสั่งสอนบุตรให้มีความประพฤติดียึดมั่นในหลักธรรมของพระพุธศาสนา รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดและอดออม
สำหรับส่วนตัวของนางจรัสนั้น เป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธาน “กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรแดงร่วมพัฒนา” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นวิทยากรประจำจุดถ่ายทอดของศูนย์ในเรื่องการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ การแปรรูปข้าวเกรียบฟังทอง ข้าวเกรียบจากแตงโม ข้าวเกรียบจากมันบุก และยังทำการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรจากข้าวเป็นเส้นหมี่ เช่น หมี่ข้าวกล้อง หมี่ฟังทอง หมี่คะน้า หมี่ตำลึง หมี่ใบเตย
นอกจากนี้ยังได้คิดทำการแปรรูปน้ำพริกชนิดต่างๆ ด้วย เช่น น้ำพริกกลางดง น้ำพริกนรก น้ำพริกเผา ปลาร้าบอง และปลาร้าทรงเครื่อง นางจรัส เป็นผู้นำกลุ่มไปสู่ความสำเร็จจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรองชนะเลิศที่ 1 ในงานเที่ยวเทศกาลพิมาย ในปี 2547
ปัจจุบันนางจรัส ประกอบอาชีพการเกษตรทำนา 2 แปลง 15 ไร่ ได้ผลผลิตรวม 4,720 กิโลกรัม ข้าวหอมมะลิ 5ไร่ ข้าวตากแห้ง 10 ไร่ และได้ใช้เวลาว่างในการรวมกลุ่มเป็นสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานแม่บ้านเกษตรกรได้ทำให้กลุ่มประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัลจากการประกวดกิจกรรมกลุ่มในหลายๆ ด้าน เช่น รางวัลชนะเลิศการแปรรูปผลผลิตการเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, รางวัลที่ 1 ประเภทกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร, รางวัลกลุ่มแม่บ้านดีเด่นระดับภาค, รางวัลที่ 1 ในการประกวดถักหมวกใบตาล, รางวัลที่ 1 ในการประกวดกลุ่มแปรรูปผลผลิต ผลิตผลทางการเกษตรระดับจังหวัด ฯลฯ