ศูนย์ข่าวศรีราชา-อบจ.ชลบุรีประกาศทุ่มงบฯกว่า 200 ล้าน ให้สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา ขยายอควาเรียม ให้ใหญ่กว่าสิงคโปร์ในพื้นที่เดิม พร้อมอนุมัติเงินให้กับงานวิจัยน้ำทะเล บริเวณหาดบางแสน หวังทำเป็นอันเดอร์วอเตอร์เวิล์ด ระบบเปิดแห่งเดียวในโลก
นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) เปิดเผยว่า ตนได้หารือผู้ใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัด และพบว่าปัจจุบันมีการก่อสร้างอควาเรียมกันมากขึ้น ทั้งในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เป็นลักษณะต่างคนต่างทำ อบจ.จึงเห็นว่า น่าที่จะมีการ ดำเนินการ ที่ดีกว่านี้ จึงได้หารือกับ มหาวิทยาลัยบูรพา(ม.บูรพา)และสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ทั้งนี้ จากการหารือดังกล่าว สถาบันฯ เสนอให้มีการขยายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล พร้อมทั้งของบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 200 -300 ล้านบาท โดยจะทำอควาเรียมใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และใหญ่กว่าที่สิงคโปร์ พร้อมทั้งทำห้องทำงานของนักวิทยาศาสตร์ เช่น งานวิจัย การเพาะขยายพันธุ์สัตว์ทะเล โดยจะทำเป็นห้องกระจก และสามารถให้นักท่องเที่ยวเห็นการทำงานทั้งหมดของสถาบันฯ
นอกจากนี้สัตว์ทะเลที่จะนำมาใส่ในอควาเรียม จะเป็นสัตว์ที่เพาะพันธุ์เองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อไม่เป็นการทำลายธรรมชาติ พร้อมกันนั้นสถาบันฯ ได้ของบฯในการวิจัยน้ำทะเล บริเวณชายหาดบางแสน เพื่อป้องกันน้ำเสียประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งโดยหลักการแล้ว อบจ.เห็นด้วย และยินดีที่จะให้งบประมาณ
ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า สถาบันฯ มีโครงการที่จะขยายพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ทางทะเลมานานแล้ว และมีการออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ผ่านมาได้นำเสนอกับสภามหาวิทยาลัยไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่ผ่านการพิจารณา เนื่องจากใช้งบประมาณสูงกว่า 200 ล้านบาท ประกอบกับ อบจ.ชลบุรี มีแนวคิดที่จะดำเนินการในแนวทางเดียวกัน จึงได้เสนอของบประมาณในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่
นอกจากนี้ในส่วนทางสถาบันฯยังมีความคิดที่จะทำงานวิจัย เพื่อทำพื้นที่ชายหาดบางแสน ให้เป็นพื้นที่รอดตายของสัตว์ทะเล เนื่องจากที่ผ่านมาบริเวณอ่าวไทยจะมีปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นประจำทุกปีซึ่งทำให้มีปลาตายเกิดขึ้น น้ำทะเลเน่าเสีย จึงคิดว่า น่าจะทำได้ จึงได้เสนอของบประมาณกับอบจ. ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1ปีจึงจะสามารถหาวิธี ที่จะทำให้หาดบางแสนเป็นพื้นที่รอดตายของสัตว์ทะเลได้
"สถาบันฯมีแนวคิดเหมือนกับอบจ.ชลบุรี ที่จะคิดทำอควาเรียมระบบเปิด ที่ชายหาดบางแสน ซึ่งหากเราวิจัยสภาพ ของน้ำทะเลได้ ก็สามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้ ส่วนจะเป็นรูปแบบใด คงจะต้องมาคิดกันอีกครั้งหนึ่ง และหากทำได้ประเทศเราจะเป็นประเทศแรกที่มีอควาเรียมในระบบเปิด" ดร.พิชัยกล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นอบจ.เห็นชอบในหลักการ พร้อมอนุมัติเงินประมาณ 3 แสนบาทให้สถาบันฯทำงาน วิจัยสภาพน้ำทะเล ส่วนเงินงบประมาณที่จะก่อสร้างอาคารหลังใหม่ของสถาบันฯ ที่จะมีทั้งอควาเรียมระบบเปิดพร้อมทั้งมีการโชว์การทำงานของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนและผู้เข้าชม ด้วยการจัดทำเป็นห้องกระจก อบจ.เห็น ชอบในหลักการพร้อมให้ทำหนังสือเสนอขออนุมัติงบฯต่อไป
ส่วนเรื่องที่นายกอบจ.เกรงว่า เมื่อมีการลงทุนไปแล้วสถาบันฯจะสามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้หรือไม่นั้นเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาเพราะที่คิดกันคร่าวๆจากข้อมูลเดิมของเรา โดยที่สถาบันฯจะไม่มีการคิดกำไร กับการ ดำเนินการ โดยจะเก็บค่าบริการคนละ 100 บาทยังสามารถทำกำไรได้มากถึงปีละ 60 ล้านบาท โดยหักค่าใช้จ่ายแล้ว จึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้รายงานให้กับนายกอบจ.รับทราบแล้วซึ่งก็เห็นดีด้วย
นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) เปิดเผยว่า ตนได้หารือผู้ใหญ่ในจังหวัดชลบุรี เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัด และพบว่าปัจจุบันมีการก่อสร้างอควาเรียมกันมากขึ้น ทั้งในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เป็นลักษณะต่างคนต่างทำ อบจ.จึงเห็นว่า น่าที่จะมีการ ดำเนินการ ที่ดีกว่านี้ จึงได้หารือกับ มหาวิทยาลัยบูรพา(ม.บูรพา)และสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ทั้งนี้ จากการหารือดังกล่าว สถาบันฯ เสนอให้มีการขยายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล พร้อมทั้งของบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 200 -300 ล้านบาท โดยจะทำอควาเรียมใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และใหญ่กว่าที่สิงคโปร์ พร้อมทั้งทำห้องทำงานของนักวิทยาศาสตร์ เช่น งานวิจัย การเพาะขยายพันธุ์สัตว์ทะเล โดยจะทำเป็นห้องกระจก และสามารถให้นักท่องเที่ยวเห็นการทำงานทั้งหมดของสถาบันฯ
นอกจากนี้สัตว์ทะเลที่จะนำมาใส่ในอควาเรียม จะเป็นสัตว์ที่เพาะพันธุ์เองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อไม่เป็นการทำลายธรรมชาติ พร้อมกันนั้นสถาบันฯ ได้ของบฯในการวิจัยน้ำทะเล บริเวณชายหาดบางแสน เพื่อป้องกันน้ำเสียประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งโดยหลักการแล้ว อบจ.เห็นด้วย และยินดีที่จะให้งบประมาณ
ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า สถาบันฯ มีโครงการที่จะขยายพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ทางทะเลมานานแล้ว และมีการออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ผ่านมาได้นำเสนอกับสภามหาวิทยาลัยไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่ผ่านการพิจารณา เนื่องจากใช้งบประมาณสูงกว่า 200 ล้านบาท ประกอบกับ อบจ.ชลบุรี มีแนวคิดที่จะดำเนินการในแนวทางเดียวกัน จึงได้เสนอของบประมาณในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่
นอกจากนี้ในส่วนทางสถาบันฯยังมีความคิดที่จะทำงานวิจัย เพื่อทำพื้นที่ชายหาดบางแสน ให้เป็นพื้นที่รอดตายของสัตว์ทะเล เนื่องจากที่ผ่านมาบริเวณอ่าวไทยจะมีปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นประจำทุกปีซึ่งทำให้มีปลาตายเกิดขึ้น น้ำทะเลเน่าเสีย จึงคิดว่า น่าจะทำได้ จึงได้เสนอของบประมาณกับอบจ. ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1ปีจึงจะสามารถหาวิธี ที่จะทำให้หาดบางแสนเป็นพื้นที่รอดตายของสัตว์ทะเลได้
"สถาบันฯมีแนวคิดเหมือนกับอบจ.ชลบุรี ที่จะคิดทำอควาเรียมระบบเปิด ที่ชายหาดบางแสน ซึ่งหากเราวิจัยสภาพ ของน้ำทะเลได้ ก็สามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้ ส่วนจะเป็นรูปแบบใด คงจะต้องมาคิดกันอีกครั้งหนึ่ง และหากทำได้ประเทศเราจะเป็นประเทศแรกที่มีอควาเรียมในระบบเปิด" ดร.พิชัยกล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นอบจ.เห็นชอบในหลักการ พร้อมอนุมัติเงินประมาณ 3 แสนบาทให้สถาบันฯทำงาน วิจัยสภาพน้ำทะเล ส่วนเงินงบประมาณที่จะก่อสร้างอาคารหลังใหม่ของสถาบันฯ ที่จะมีทั้งอควาเรียมระบบเปิดพร้อมทั้งมีการโชว์การทำงานของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนและผู้เข้าชม ด้วยการจัดทำเป็นห้องกระจก อบจ.เห็น ชอบในหลักการพร้อมให้ทำหนังสือเสนอขออนุมัติงบฯต่อไป
ส่วนเรื่องที่นายกอบจ.เกรงว่า เมื่อมีการลงทุนไปแล้วสถาบันฯจะสามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้หรือไม่นั้นเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาเพราะที่คิดกันคร่าวๆจากข้อมูลเดิมของเรา โดยที่สถาบันฯจะไม่มีการคิดกำไร กับการ ดำเนินการ โดยจะเก็บค่าบริการคนละ 100 บาทยังสามารถทำกำไรได้มากถึงปีละ 60 ล้านบาท โดยหักค่าใช้จ่ายแล้ว จึงไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้รายงานให้กับนายกอบจ.รับทราบแล้วซึ่งก็เห็นดีด้วย