“หาดใหญ่” เฟส “ฟื้นฟู” เขตเมืองเคลียร์ขยะเกือบ 100% แต่ “ชุมชนชายขอบ” คนยังต้องนอนดมกลิ่นกองขยะและน้ำเน่าอยู่ ทีมฟื้นฟูชี้ ปัญหาใหญ่ บ้านกว่า 500 หลัง “พัง” แต่ขาดช่าง ไร้วัสดุซ่อมแซม จะกลับมาปกติได้ อาจใช้เวลากว่า 3 เดือน
** “กองขยะ” ล้นเมือง ซ่อนตามจุดอับชุมชน **
วิกฤต “หาดใหญ่” ยังไม่จบ แม้ว่า “มหาอุทกภัย” จะผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่เหลือทิ้งไว้คือ “ขยะ” จำนวนมหาศาล ถึงการฟื้นฟูจะคืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว ผ่านการอัปเดตจากฟากรัฐบาลเมื่อเดือน ธ.ค.68
ล่าสุด“เก็บขยะ” ออกไปแล้วมากกว่า 9,000 ตัน และทำความสะอาดถนนไปแล้วกว่า 35 กม. จนคนนอกมองว่า น่าจะกลับมาเป็น “ปกติ” อีกไม่นาน
แต่กลับมีเสียงสะท้อนจากคนหน้างาน ผู้คอยประสานความช่วยเหลือ ระหว่างชาวบ้านและองค์กรต่างๆ ออกมาโพสต์ระบายว่า ความคืบหน้าที่เห็นว่า “เรียบร้อย” จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเฉพาะใน “เขตเมือง” เป็นหลักเท่านั้น
แต่ในพื้นที่ชายขอบอย่าง “ชุมชนแออัด” ของหาดใหญ่ ได้รับการฟื้นฟูไม่ถึง 10% เลยด้วยซ้ำ หลายจุดยังมี “น้ำท่วมขัง” สูงถึงระดับหน้าแข้ง หลายครอบครัวต้องนอนดมกลิ่น “น้ำเน่า” กับกองภูเขา “ขยะ” ที่อุดมไปเหล่าแมลงวัน
“ไม่สามารถพูดอย่างเต็มปากได้ว่า หาดใหญ่กลับมาแล้ว ภูเขาขยะยังคงมีอีกเท่าตัว ที่แฝงตามส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ หรือชุมชนเมือง และไม่อาจนำเครื่องจักรใดๆ เข้าพื้นที่ได้”
เรื่องที่น่ากังวลอีกอย่างคือ “กระแส” ข่าวของหาดใหญ่ ค่อยๆ “หายไป” ความช่วยเหลือก็ค่อยๆ ลดลง ทั้งที่ปัญหายังคงอยู่
ตอนนี้ ทีมอาสาจากองค์กรเอกชน
และมูลนิธิต่างๆ ก็เริ่ม “ถอนกำลัง” กันออกไปแล้ว เพื่อไปเตรียมรับมือ“ภัยพิบัติอื่น”ที่กำลังจะมา อย่างเช่น ไฟป่า ที่ต้องเฝ้าระวังในหน้าหนาวนี้
สรุปแล้วสถานการณ์ในเฟส “ฟื้นฟู” ของหาดใหญ่เป็นยังไงกันแน่? “โจ้-ณัฐพล สิงห์เถื่อน” หัวหน้าชุดทีมฟื้นฟู จาก มูลนิธิกระจกเงา ที่อยู่หน้างาน ณ ตอนนี้ คือคนที่สามารถอัปเดตให้เราได้
และคำตอบคือ ภาพรวมในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการ “เคลียร์ขยะ” ซึ่งได้รับความช่วยเหลือ ทั้งจากกำลัง “คน” และ “เครื่องจักร” เคลียร์ไปได้กว่า 90% แล้ว
ขยะส่วนมากที่เหลือ จะเป็น “ขยะครัวเรือน” หรือพวกเศษขยะที่มาจากความเสียหายของบ้าน แล้วยังไม่ได้เอาออกจากตัวอาคาร
“ถ้าดูตามสภาพแล้วเนี่ย อย่างตัวเมืองที่เวลาผมขับตระเวนรอบๆ เมือง ในชุมชนต่างๆ มันก็ยังมีเหลือ แต่ว่าส่วนใหญ่ ก็น่าจะเป็นขยะครัวเรือนแล้วครับ”
ถ้ามองแค่ถนนเส้นหลัก หรือเฉพาะชุมชนใหญ่ จะเห็นว่าขยะส่วนใหญ่ถูกจัดการไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่พื้นที่ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือชุมชนบริเวณ “ริมทางรถไฟ” ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ทำให้ไม่สามารถเอาเครื่องจักรเข้าไปเคลียร์ขยะได้
“ที่มันมีน้ำขัง ไอ้ตรงนี้ มันก็ยังมีขยะอยู่ แต่ถ้าเราขับรถดูโดยรอบแล้วเนี่ย อาจจะไม่เจอนะ ต้องเดินเข้าไปในชุมชน”
“มันจะมีขยะ ที่อยู่ในจุดที่ไม่สามารถนำออกมาได้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นของกลุ่มเปราะบาง บนพื้นที่ของการรถไฟ ริมทางรถไฟ มันอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำขังด้วย มีอีกจำนวนมากเลยครับ จุดนี้เครื่องจักรมันลงไม่ได้ พื้นที่ก็เปียก ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้”
ล่าสุด ณ จุดนี้ ทางเทศบาลและนายกเทศมนตรี ได้เข้าไปดูพื้นที่แล้ว และกำลังพยายามตั้ง “เครื่องสูบน้ำ” เพื่อสูบน้ำออก คนและเครื่องจักรจะได้เข้าไปเคลียร์ขยะได้อย่างสะดวก
** “บ้านพัง” แต่ขาดวัสดุ **
ท่ามกลาง “กระแสข่าว” ที่ค่อยๆ จางหายไป ทำให้ความช่วยเหลือลดลง...จริงหรือไม่? เกี่ยวกับเรื่องนี้ “โจ้” ทีมฟื้นฟูที่อยู่หน้างานบอกกับเราว่า ตอนนี้ ภาพการบริจาคพวกถุงยังชีพ แจกสิ่งของไม่ค่อยมีแล้ว
แต่ถ้าเป็นความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟู ทั้งการเก็บขยะ ล้างบ้าน หรือแม้กระทั่งการซ่อมแซมที่อยู่ให้ผู้ประสบภัย ก็ยังคงมีหลายองค์กร ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่
“ความช่วยเหลือเรื่องการจัดการขยะเนี่ย เมื่อวันที่ 20-21 (ธ.ค.68) ก็มีการระดมคน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐเนี่ย เข้ามาช่วยฟื้นฟูเมือง เก็บขยะกันอีกรอบนะ”
ปัญหาหลักๆ ตอนนี้คือ “การซ่อมแซมบ้าน” ที่พังจากน้ำท่วมมากกว่า โดยจากประเมินของหน่วยงานท้องถิ่นแล้ว ตอนนี้น่าจะมีบ้านที่ “เสียหายทั้งหลัง” ราวๆ “500 หลังคาเรือน”
โดยเคสที่อยู่ในมือของ “ทีมมูลนิธิกระจกเงา” มีอยู่ประมาณ 90 เคส ซึ่งในจำนวนนี้ มีอยู่ “20 หลัง”ที่เป็นกรณีสีแดง คือ “บ้านที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้แล้ว”และปิดเคสซ่อมบ้านไปแล้ว 10 หลัง
“ใน 10 เนี่ย เป็นการสร้างทั้งหลัง ประมาณ 5 หลังคาเรือน แล้วก็อยู่ระหว่างดำเนินการอีก ประมาณ 20 หลังอะครับ ที่เป็นเคสสีแดงเลยนะ”
สิ่งที่กำลัง “ขาดแคลน” มากๆ เป็นอันดับแรกในขั้นตอนฟื้นฟู จึงคือ “วัสดุก่อสร้าง” เช่น ประตู, สังกะสี, กระเบื้อง, เหล็กโครงสร้าง ฯลฯ อย่างที่โจ้บอกว่า “อันนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในเวลานี้ครับ”
รองลงมาที่ถือว่า “หายาก”มากๆ ในพื้นที่ ก็คือ “ช่างซอมบ้าน” เพราะตัวช่างเองก็กลายเป็นผู้ประสบภัย ที่ต้องซ่อมบ้านตัวเองเหมือนกัน
{“โจ้-ณัฐพล สิงห์เถื่อน” จาก มูลนิธิกระจกเงา}
ในฐานะทีมฟื้นฟู แหล่งข่าวรายเดิมประเมินว่า ถ้าดูจากความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า “3 เดือน” ให้กลับมาปกติได้ 100%
ส่วนระยะเวลาในการฟื้นฟู จะเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับว่า จะระดมทรัพยกร ทั้งคนและวัสดุก่อสร้างต่างๆ มาซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายได้ไวแค่ไหน และหน่วยงานรัฐเอง จะจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือตรงจุดนี้ ได้เพียงพอหรือเปล่า
โดยในตอนนี้ หน่วยงานรัฐอย่าง “ท้องถิ่น” กับเหล่า “องค์เอกชน” ที่อาสาเข้าไปฟื้นฟูบ้านเรือนผู้ประสบภัย ก็กำลังประชุม หาแนวในการปันงบประมาณ มาเร่งฟื้นฟูตรงจุดนี้อยู่
“หาดใหญ่” ขาดแคลนหนัก บริจาคช่วยฟื้นฟู สิ่งที่คนหน้างานต้องการมากที่สุดตอนนี้คือ “วัสดุก่อสร้าง” ในการซ่อมแซมบ้าน อย่างประตู, สังกะสี, กระเบื้อง, เหล็กโครงสร้าง ฯลฯ และ “ของใช้ในชีวิตประจำวัน” อย่างชุดเครื่องครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ชุดเครื่องนอน ฯลฯ ดังนั้น ใครที่อยากบริจาคเพื่อฟื้นฟู สามารถส่งความช่วยเหลือได้ ตามนี้ “มูลนิธิกระจกเงา” เลขที่ 191 ซ.วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. 10210 โทร.061-909-1840, 063-931-6340 หรือถ้าต้องการสนับสนุนเป็น “เงินบริจาค” ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โอนเข้าไปได้ที่บัญชี “โครงการภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา” เลขที่บัญชี “507-410183-8 ธนาคารไทยพาณิชย์” และอีกช่องทาง คือบริจาคผ่าน “เทใจ ดอทคอม (taejai.com)” ซึ่งสามารถเอาไป “ลดหย่อนภาษี” ได้ |
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “North Patt Rakthongthana”, “มูลนิธิกระจกเงา”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


