เท้าเป็นรู ต้นเหตุของ “กลิ่นเท้า” ที่หลายคนไม่รู้ตัว
เท้าเป็นรู
หลายคนมีปัญหากลิ่นเท้าแรง แม้ว่าจะพยายามล้างทำความสะอาดแล้ว หรือเปลี่ยนรองเท้าใหม่แล้วก็ยังไม่หาย ปัญหานี้อาจทำให้เสียบุคลิกจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งภาวะนี้อาจนำไปสู่ โรคเท้า ที่ร้ายแรงกว่าที่คิด และเมื่อลองสังเกตดูบริเวณผิวของเท้าหลายคนอาจมองเห็นลักษณะคล้ายรูเล็ก ๆ ซึ่งนั่นเป็นภาวะที่เรียกว่า “เท้าเป็นรู” การรู้เท่าทันปัญหาทั้งอาการและสาเหตุ จะช่วยป้องกันโรคเท้าเป็นรู ก่อนที่จะเริ่มลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้
โรคเท้าเป็นรู คืออะไร?
เชื้อราที่เท้าเป็นรู
เท้าเป็นรู คือ โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่เจริญเติบโตด้วยความอับชื้นจากเท้าที่มีเหงื่ออกเยอะ จนกลายเป็นโรคฝ่าเท้าเป็นรู และเท้าเปื่อย ซึ่งในคนไข้ที่มีอาการรุนแรง จะมองเห็นฝ่าเท้าเป็นรูเล็ก ๆ จำนวนมากทั่วฝ่าเท้า ซึ่งเชื้อแบคทีเรียอย่าง แคติโมนัยซีส โครีนีแบคทีเรีย หรือไคโตคอคคัส ซีเด็นทาเรียส เมื่อเติบโตจะทำลายชั้นผิวหนังจนทำให้เกิด โรคเท้าเป็นรู นอกจากนี้หลายคนยังมีอาการคัน หรือเจ็บเมื่อมีการเสียดสีกับรองเท้าขณะเดิน
สาเหตุการเกิดโรคเท้าเป็นรู
สำหรับสาเหตุหลักของการเกิดโรคเท้าเหม็น หรือเท้าเหม็นเป็นรู มาจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เช่น Corynebacteria, Kytococcus sedentarius, Streptomyces, Actinomyces หรือ Dermatophilus congolensis ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่เติบโตได้ดีในสภาวะที่มีความอับชื้นสูงจนทำให้เกิดอาการคัน และมีลักษณะเท้าเป็นรูได้ ซึ่งอาการโดยทั่วไปของโรคเท้าเป็นรูนั้นจะไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนโรคเท้าอื่น ๆ เช่น ตาปลาที่เท้า หรืออาการเจ็บเนื้อใต้เล็บ แต่ก็สร้างความรำคาญจากอาการคัน และทำให้เสียความมั่นใจเพราะกลิ่นเท้าได้
ปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคเท้าเป็นรู
นอกจากสาเหตุสำคัญจากเชื้อแบคทีเรียแล้ว ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ยังทำให้เกิดฝ่าเท้าเป็นรูเล็ก ๆ ที่มาพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
การสวมถุงเท้าหรือรองเท้าที่รัดแน่นเกิน
รองเท้าระบายอากาศได้ไม่ดี
การทำงานกลางแจ้ง หรืองานที่ต้องยืนเป็นเวลานาน
โรคเบาหวานหรือมีแผลเบาหวานที่เท้า
การเช็ดทำความสะอาดเท้าได้ไม่ดี หรือปล่อยให้เท้าเปียกหลังอาบน้ำ
ผู้มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือเป็นโรคอ้วน
ผู้ประกอบอาชีพ เช่น นักกีฬา เกษตรกร ทหาร หรือผู้ใช้แรงงาน
อายุที่เพิ่มขึ้น
ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วิธีรักษาอาการโรคเท้าเป็นรู
โรคเท้าเหม็นเป็นรู รักษายังไง
เมื่อแพทย์วินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเท้าติดเชื้อแบคทีเรีย หรือมีภาวะของโรคเท้าเป็นรู แพทย์จะทำการรักษาด้วยการพิจารณาจ่ายยาทาเท้าเป็นรู ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อรักษาจากต้นเหตุของภาวะที่เกิดขึ้น นอกจากยาทาแล้วยังมีรูปแบบของ ยาฟอก และยากิน โดยขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เพิ่มเติม โดยยาฆ่าเชื้อที่แพทย์เลือกจ่ายให้คนไข้ เช่น
กรดฟูซิดิก (Fusidic Acid)
มูพิโรซิน (Mupirocin)
เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
คลินดามัยซิน (Clindamycin)
อิริโทรมัยซิน (Erythromycin)
กรณีที่คนไข้มีภาวะเท้าเป็นรูจากสาเหตุเหงื่อออกเท้ามากผิดปกติ อาจจ่ายยาดรายโซล (Drysol) หรือ ไอออนโตฟรีซีส (Iontophoresis)ซึ่งเป็นการรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป โดยการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ทำให้ยาซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทั้งนี้การวิธีรักษาภาวะเท้าเป็นรูด้วยยาฆ่าเชื้อส่วนใหญ่เห็นผลหลังใช้ยา 2-3 วัน
วิธีป้องกันโรคเท้าเป็นรู ทำได้อย่างไร?
แม้ว่าการเป็นเชื้อราที่เท้า จนเท้าเป็นรูและส่งกลิ่นเหม็นสามารถรักษาได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนสูญเสียความมั่นใจ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา ซึ่งวิธีป้องกันโรคเท้าเป็นรูสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
การรักษาความสะอาดของเท้าและเช็ดทำความสะอาดให้แห้งหลังอาบน้ำอยู่เสมอ
หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าคู่เดิมติดต่อกันหลายวัน หากจำเป็นควรนำรองเท้าตากแดดบ้างเพื่อลดความอับชื้น
หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าเป็นเวลานาน
กรณีที่จำเป็นต้องใช้เวลาท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานควรเลือกใช้รองเท้าที่มีการระบายอากาศที่ดี มีช่องเปิด ไม่ปิดคลุมเท้ามิดชิดเกินไป
เลือกใช้ถุงเท้าที่ใช้วัสดุช่วยระบายอากาศ เช่น โพลีเอสเตอร์ หรือไนลอน เพราะช่วยดูดซับความชื้นได้ดีกว่า
หากมีภาวะเหงื่อออกเท้ามาก ควรเปลี่ยนถุงเท้าระหว่างวัน
หลีกเลี่ยงการใช้รองเท้า ถุงเท้า ร่วมกับผู้อื่น
ควรรักษาสุขภาพเท้าให้สะอาด เช่น การตัดเล็บ และการทำความสะอาดซอกเล็บ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
เท้าเป็นรู ภาวะที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจ ที่ต้องรีบรักษา
โรคเท้าเป็นรู คือ อีกหนึ่งภาวะที่ทำให้เสียบุคลิกภาพ ไม่เพียงแค่มีอาการคันได้ตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นภาวะที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจนหมดความมั่นใจได้ ทั้งนี้ การดูแลตัวเองทั้งเรื่องความสะอาด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือการเลือกใช้รองเท้าให้เหมาะสมกับกิจกรรม วิธีเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเท้าเป็นรูและยังช่วยให้มีสุขภาพเท้าที่ดี ปราศจากเชื้อและแบคทีเรียลดการเกิดโรคเกี่ยวกับเท้าได้ในระยะยาว


