MGR ออนไลน์ - รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และกีฬาของกัมพูชา ได้กล่าวถึงความขัดแย้งในภูมิภาคที่มีมานานหลายศตวรรษและหลักชัยทางกฎหมายเพื่อปกป้องจุดยืนของประเทศในข้อพิพาทชายแดนที่กำลังดำเนินอยู่กับไทย โดยเรียกร้องให้เกิดความสามัคคีในชาติ และเชื่อมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่ความตึงเครียดยังคงอยู่ในระดับสูงตามแนวชายแดน
ฮัง ชวน นารอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวต่อนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและกล่าวเสริมว่าสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบันต้องทำความเข้าใจผ่านประวัติศาสตร์และข้อตกลงทางกฎหมาย และเตือนว่าความแตกแยกในหมู่ชาวกัมพูชาจะทำให้ประเทศอ่อนแอลงในช่วงเวลาสำคัญนี้
เขากล่าวว่าการศึกษาและความรู้เป็นเครื่องมือระยะยาวในการปกป้องอธิปไตยและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ของรัฐบาล
“น่าเสียดายที่ปัญหาชายแดนเกิดขึ้น คุณต้องคิดว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น” เขากล่าวกับผู้สำเร็จการศึกษา โดยเน้นว่าภูมิศาสตร์ร่วมกันของกัมพูชาและไทยนั้นถูกกำหนดโดยการเผชิญหน้าทางประวัติศาสตร์อย่างไม่เท่าเทียมมาเป็นเวลานาน
รัฐมนตรีกัมพูชาผู้นี้ยังกล่าวว่า อารยธรรมของกัมพูชาเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 และเจริญรุ่งเรืองในช่วงยุคอังกอร์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ที่สร้างวัฒนธรรมชั้นสูงที่มีรากฐานมาจากศาสนาฮินดู พุทธศาสนา และสันสกฤต
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอ้างว่ารัฐสยามเกิดขึ้นในภายหลัง หลังจากการอพยพของชาวไทจากจีนตอนใต้ และก่อตั้งศูนย์กลางอำนาจในชลบุรีและอยุธยา ระหว่างศตวรรษที่ 13-15
เขากล่าวว่าความขัดแย้งระหว่างสยามและอาณาจักรขอมนำไปสู่สงคราม และการผนวกดินแดนขอมจำนวนมาก ที่รวมได้มากกว่า 15 จังหวัด จนถึงปลายศตวรรษที่ 19
เมื่อเผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง พระองค์ด้วงและสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ได้แสวงหาความคุ้มครองจากฝรั่งเศส ซึ่งรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่าการกระทำดังกล่าวช่วยรักษาบูรณภาพดินแดนของกัมพูชาไว้ได้
เขากล่าวว่ากัมพูชาภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสได้ลงนามข้อตกลงเขตแดนกับสยามในปี 1904 และ 1907 ตามด้วยการจัดทำแผนที่ในปี 1908 ที่กำหนดเขตแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ฮัง ชวน นารอง ยังร่ายยาวอีกว่าแผนที่ดังกล่าวได้รับการยอมรับจากรัฐบาลสยามหลายยุคสมัย และเขากล่าวว่าหลังจากสยามกลายเป็นประเทศไทยหลังการปฏิวัติ ข้อพิพาทก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1959 ที่ความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารถึงจุดสูงสุด กัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และในปี 1962 ศาลได้ตัดสินว่าปราสาทตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฝ่ายไทยไม่ยอมรับเรื่องพรมแดนและได้ร่างแผนที่ฝ่ายเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน” ฮัง ชวน นารอง กล่าวอ้าง
เขายังระบุว่าทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในปี 2000 ยืนยันการใช้เขตแดนปี 1904 และปี 1908 และแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ฝรั่งเศสร่างขึ้น แต่ไทยยังคงพึ่งการกำหนดเขตแดนฝ่ายเดียวที่ไม่ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
นารองระบุว่ากัพมูชาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านกลไกที่มีอยู่ รวมถึงคณะกรรมการชายแดนร่วม แต่กล่าวหาว่าไทยเลือกใช้กำลังทหารมากกว่ากระบวนการทางกฎหมาย
เขากระตุ้นให้ชาวกัมพูชาเชื่อมั่นในแนวทางของรัฐบาล พร้อมเตือนว่าแรงกดดันจากภายนอกจะเติบโตได้ดีจากความแตกแยกภายใน
“ไทยต้องการให้ชาวเขมรแตกแยกและต้องการให้กัมพูชาอ่อนแอ” นารอง กล่าว
เขากล่าวเสริมว่าแม้การพัฒนาของกัมพูชาจะถูกขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสงคราม แต่ความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และความรู้ จะช่วยให้ประเทศแก้ไขข้อพิพาทชายแดนได้อย่างสันติและก้าวไปข้างหน้า
ความคิดเห็นของรัฐมนตรีกัมพูชารายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย โดยรัฐบาลกัมพูชาได้ย้ำว่าประเทศมุ่งมั่นปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ยืนหยัดร่วมมือปกป้องอธิปไตยและการพัฒนาประเทศ.


