เอพี - เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในภาคกลางของเวียดนามกำลังเร่งเข้าช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ห่างไกลที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและดินถล่ม ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 37 ราย ขณะที่พายุไต้ฝุ่นลูกใหม่กำลังจะพัดขึ้นฝั่งในสัปดาห์นี้
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ที่ทำให้หลายหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ บ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำซัดหาย และทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่
หลายพื้นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือถูกตัดขาดจากการติดต่อสื่อสาร รวมถึงในเมืองดานัง คลอง ริมฝั่งแม่น้ำ และแนวชายฝั่งถูกกัดเซาะ และทางหลวงหลายสายไม่สามารถใช้สัญจรได้
ขณะเดียวกัน ศูนย์พยากรณ์อุทก-อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของเวียดนามคาดการณ์ว่าพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีจะทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งตอนกลางของเวียดนาม โดยมีความเร็วลมสูงสุด 166 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเข้าสู่ทะเลจีนใต้ในวันพุธ (5) หลังจากเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าถึงประชาชนที่ติดค้างจำนวนมาก ขณะที่ระดับน้ำท่วมลดลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ในเช้าวันจันทร์ (3) ระดับน้ำในแม่น้ำได้กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยสื่อของรัฐรายงานว่าแม่น้ำเฮืองและแม่น้ำบ่อในเมืองเว้มีระดับน้ำอยู่ในระดับอันตราย และเจ้าหน้าที่ได้เตือนว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องทั่วภูมิภาค
สื่อของรัฐรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้ส่งอาหาร น้ำสะอาด ยา และที่กำบัง พร้อมช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบฟื้นฟูบ้านที่ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดเศษซากต่างๆ ฟื้นฟูระบบไฟฟ้า น้ำประปา และการเชื่อมต่อการขนส่ง และป้องกันการระบาดของโรค นอกจากนี้รัฐบาลยังกำลังซ่อมแซมระบบชลประทานและสนับสนุนเกษตรกรให้กลับมาทำการเพาะปลูกและเลี้ยงปศุสัตว์อีกครั้งเมื่อระดับน้ำท่วมลดลง
ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่มครั้งล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 37 ราย ในวันจันทร์ (3) โดยมีผู้สูญหาย 5 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 78 ราย เจ้าหน้าที่ระบุ
เวียดนามเผชิญกับพายุที่โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลให้มีเวลาฟื้นตัวน้อยมากหลังจากเกิดภัยพิบัติ ไต้ฝุ่นรากาซาทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนก.ย. ต่อมาพายุไต้ฝุ่นบัวลอยซัดถล่มชายฝั่งตอนกลางของประเทศ และพายุไต้ฝุ่นแมตโมทำให้เกิดน้ำท่วมในภาคเหนือ พายุทั้ง 3 ลูกรวมกันทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 85 ราย ภายใน 2 สัปดาห์ และสร้างความเสียหายประมาณ 1,360 ล้านดอลลาร์
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมมากที่สุดในโลก โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง และนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกำลังทำให้พายุและฝนทวีความรุนแรงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้นอย่างเช่นในปีนี้.


