รอยเตอร์ - อังกฤษระบุว่าได้ทำข้อตกลงกับเวียดนามเพื่อควบคุมการอพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ที่ถือเป็นข้อตกลงที่หนักแน่นที่สุดที่ฮานอยเคยทำกับประเทศอื่นๆ
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันให้ลดจำนวนผู้อยพผิดกฎหมายที่เดินทางมาถึงอังกฤษ เพื่อกอบกู้คะแนนนิยมที่ตกลงของรัฐบาล ได้บรรลุข้อตกลงกับโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงลอนดอน
ข้อมูลของทางการระบุว่าในบรรดาผู้อพยพต่างชาติที่เดินทางมายังอังกฤษด้วยเรือขนาดเล็กจากทวีปยุโรปในช่วง 6 เดือน จนถึงเดือนมิ.ย. 2567 เป็นชาวเวียดนามมากที่สุด คิดเป็น 17% ของผู้อพยพทั้งหมด
ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลยังพบว่า ผู้ที่เดินทางมาถึงด้วยเรือเล็กมีจำนวน 43,000 คน จากจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายทั้งหมด 48,000 คน ในระหว่างเดือนมิ.ย. 2567 ถึงเดือนมิ.ย. 2568
รัฐบาลอังกฤษระบุว่าข้อตกลงที่สตาร์เมอร์และโต เลิม บรรลุนั้นมีเป้าหมายเพื่อลดขั้นตอนทางราชการที่จะทำให้การส่งตัวผู้อพยพที่ไม่มีสิทธิอยู่ในอังกฤษกลับประเทศได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น
“จำนวนผู้ที่เดินทางมาถึงโดยผิดกฎหมายจากเวียดนามลดลงครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังสามารถดำเนินการได้มากกว่านี้” สตาร์เมอร์กล่าวในคำแถลง
“ข้อตกลงในวันนี้แสดงให้เห็นว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่ใช่เพียงการตะโกนจากข้างสนาม เราสามารถมอบผลลัพธ์ที่ดีให้กับอังกฤษและคนทำงานได้” สตาร์เมอร์ ระบุ
โต เลิม ผู้นำสูงสุดของเวียดนาม มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายต่างประเทศนับตั้งแต่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ดำเนินการโดยประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี
คะแนนนิยมของรัฐบาลพรรคแรงงานของสตาร์เมอร์กำลังตกลงนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไ่ม่พอใจของสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ และจากแรงกดดันที่พรรคปฏิรูปสหราชอาณาจักรมีคะแนนนิยมพุ่งขึ้น รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะลดจำนวนผู้อพยพที่เข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอังกฤษระบุว่า ปัญหาผู้อพยพเป็นหนึ่งในข้อกังวลหลักของพวกเขา รองจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น
คำแถลงร่วมที่ออกหลังจากการพบหารือของผู้นำทั้งสองฝ่ายระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงภาคส่วนอื่นๆ เช่นพลังงานและการศึกษา
ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะส่งเสริมการตรวจสอบและความร่วมมือทางทะเลผ่านการฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการแวะเยี่ยมท่าเรือ รวมถึงเรียกร้องการแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อย่างสันติ ที่ฮานอยมักมีความขัดแย้งกับจีนเกี่ยวกับการอ้างสิทธิเขตแดน.
 
                    

