พายุวิภาขึ้นฝั่งภาคเหนือเวียดนาม ทำฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทางการเตือนเสี่ยงเกิดน้ำท่วม

เอพี - พายุโซนร้อนวิภาขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเวียดนามในวันอังคาร (22) ทำให้เกิดลมแรงและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ

พายุขึ้นฝั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ด้วยความเร็วลมสูงสุด 102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ด้านสภาพอากาศของท้องถิ่น หลังจากขึ้นฝั่งแล้วพายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

พายุวิภาถูกจัดประเภทให้เป็นพายุไต้ฝุ่นเมื่อวันจันทร์ ขณะอยู่เหนือทะเล แต่อ่อนกำลังลงในช่วงกลางคืนและลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนขึ้นฝั่ง

สื่อของรัฐรายงานว่า อิทธิพลของพายุทำให้ไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ของจ.หุ่งเอียน ทางตะวันออกของกรุงฮานอย ชาวเมืองแห่ไปปั๊มน้ำมันเพื่อซื้อน้ำมันสำหรับเครื่องปั่นไฟ

ถนนในกรุงฮานอย เมืองหลวง แทบจะว่างเปล่าขณะที่พายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง ธุรกิจส่วนใหญ่ปิดให้บริการ และทางการกรุงฮานอยได้แนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านและอพยพออกจากอาคารที่ไม่มั่นคงหรือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม

“หากพายุรุนแรง ผู้คนไม่ควรออกไปข้างนอกเพราะอาจได้รับอันตรายบนท้องถนน และมีโอกาสเกิดน้ำท่วม” คนขับแท็กซี่ในกรุงฮานอยกล่าว

เที่ยวบินถูกยกเลิกทั่วภาคเหนือของประเทศ ขณะที่สนามบินในเมืองไฮฟองและจ.กว๋างนีง ปิดให้บริการ

สื่อของรัฐรายงานว่าพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเกือบ 150,000 เฮกตาร์ และกระชังปลามากกว่า 20,000 กระชัง มีความเสี่ยงจากน้ำท่วมและลมแรง

นอกจากนี้ ทางการเวียดนามยังเตือนว่าจะเกิดน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักจากพายุวิภาที่เคลื่อนเข้าสู่แผ่นดิน

ในฟิลิปปินส์ ประชาชนมากกว่า 80,000 คน ยังคงต้องอยู่ในศูนย์พักพิงฉุกเฉินหลังจากเกิดน้ำท่วม ดินถล่ม และคลื่นซัดฝั่งในช่วงสุดสัปดาห์

หน่วยงานราชการและโรงเรียนส่วนใหญ่ในเมืองหลวง และ 10 จังหวัด ปิดทำการในวันอังคารเนื่องจากน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างจากฝนมรสุมที่ตกลงมาอย่างหนัก และกองกำลังทหารได้เข้าอพยพผู้คนออกจากหมู่บ้านที่จมอยู่ใต้น้ำที่ลึกตั้งแต่ระดับเข่าจนถึงเอว ขณะที่หน่วยยามฝั่งได้ส่งรถโดยสารและเรือเข้าช่วยเหลือคนที่ติดค้าง และรายงานยังระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน

กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยเตือนถึงพายุฝนฟ้าคะนองและน้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันพฤหัสฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะที่ภาคใต้อาจเผชิญกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงถึง 4 เมตร โดยกรมอุตุนิยมวิทยาแนะนำให้เรือขนาดเล็กหลีกเลี่ยงการแล่นเรือในช่วงเวลาดังกล่าว

เบนจามิน พี ฮอร์ตัน คณบดีคณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยซิตี้ ฮ่องกง ระบุว่าภาวะโลกร้อนกำลังทำให้พายุอย่างพายุวิภามีความรุนแรงและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นทำให้พายุโซนร้อนมีพลังงานมากขึ้น นำไปสู่กระแสลมที่แรงขึ้น ฝนตกหนักขึ้น และรูปแบบการตกของฝนที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วเอเชียตะวันออก

“อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสามารถทำให้พายุเหล่านี้รุนแรงขึ้นได้” ฮอร์ตัน กล่าว.