ทางการเวียดนามได้ประกาศเตือนทั่วประเทศให้เตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกอีกรอบหนึ่ง หลังมีสัตว์ปีกหลายพันตัวล้มตายในบางจังหวัดในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ และตรวจพบเชื้อไวรัส H5N1 สาเหตุของไข้หวัดนก
มีการตรวจพบเชื้อดังกล่าวในเป็ด 5,500 ตัว ไก่อีก 500 ตัว ที่ตายในบางท้องที่ของ จ.บั๊กเลียว (Bac Lieu) ทางตอนใต้ของนครโฮจิมินห์ และใน จ.ก่าเมา (Ca Mau) ที่อยู่ตอนใต้สุดของปลายแหลมญวน
เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ของเวียดนาม กล่าวว่า เกษตรกรได้ลักลอบฟักไก่และเป็ดทั้งหมด จากไข่โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทางการได้ควบคุมการขนย้ายและการขยายพันธุ์สัตว์ปีกเหล่านี้มาโดยตลอด อันเป็นมาตรการเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก
กระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม ได้ออกวิจารณ์เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นที่ปล่อยให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งไวรัสแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและการเกษตร หรือ FAO (Food and Agriculture Organization) ยังถือว่าการแพร่ระบาดในเวียดนามตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่ใหญ่โต เพราะว่าเกิดขึ้นในอาณาบริเวณแคบๆ และเชื่อว่าจะหยุดยั้งได้
แต่เจ้าหน้าที่ของเวียดนาม กล่าวว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนกอาจจะเพาะตัวอยู่ในท้องถิ่นเหล่านั้นมาตลอด และพร้อมที่จะแพร่ลามได้ทุกเมื่อ
เมื่อปี 2548 ได้เกิดการแพร่ลามของไข้หวัดนกอย่างกว้างขวางในทั่วทุกภูมิภาคของเวียดนาม ทางการได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดนกให้กับสัตว์ปีกหลายล้านตัว ควบคุมการเลี้ยงดู และการขนย้ายสัตว์ปีกทุกชนิดอย่างเข้มงวด
ไข้หวัดนกได้กลับไปแพร่ระบาดในประเทศนี้อีกครั้งหนึ่งในปลายปี 2546 แต่นั้นมามีผู้เสียชีวิตรวม 42 ราย แต่ไม่เคยมีรายงานการพบเชื้อไวรัส H5N1 ในสัตว์อีกเลยนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2548 เป็นต้นมา
เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์แสดงความวิตกว่า หากหวัดนกแพร่ระบาดอีกครั้งก็อาจจะควบคุมยากมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากอาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ดื้อยา
แต่ นายแอนดรูว์ สปีดี (Andrew Speedy) ผู้แทนของเอฟเอโอ ประจำเวียดนาม กล่าวว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิด และยังเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่สามารถควบคุมได้
ตามสถิติขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ไข้หวัดนกทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 154 คนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
นอกจากนั้น ก็ยังทำให้เกิดความวิตกกังวนทั่วไปว่า เชื้อไวรัส H5N1 อาจจะกลายพันธุ์ และ สามารถแพร่ลามจากคนสู่คนได้ ซึ่งจะทำให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในขอบเขตทั่วโลก