เสาคอนกรีตรอบๆ วัดพนม (Wat Phnom) จำนวน 3 ต้นได้รับความเสียหายหลังจากรถยนต์เอสยูวีคันหรูยี่ห้อเล็กซัส (Lexus) ของบุตรชาย พล.อ.กาวตรี (Cao Try) ที่ขับไปด้วยความเร็วสูงเสียการทรงตัว ชนแผงกั้น ฝ่าแนวตนไม้เข้าไปในเขตวัดอันศักดิ์สิทธ์ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวง
เหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อปรากฏเป็นข่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้อ่านไม่น้อย หนังสือพิมพ์ภาษาเขมรบางฉบับได้เรียกร้องให้ทางการได้สืบเสาะและตรวจหลักฐานด้วยว่า รถยนต์เล็กซัสที่บุตรชายของนายพลตรีขับไปชนวัดพนมนั้น เป็นพาหนะที่ถูกขโมยมาจากต่างประเทศหรือไม่
ตำรวจพนมเปญเปิดเผยในวันอังคาร (29 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า รถยนต์คันดังกล่าวแล่นด้วยความเร็วสูงมากขณะเลี้ยวขวาออกจากถนนนโรดมบูลวาร์ดของเมืองหลวง จนเกิดเสียการทรงตัว นำไปสู่อุบัติเหตุดังกล่าว
บุตรชายของนายพลกาวตรี ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ทว่าเด็กหนุ่มแสดงอาการก้าวร้าวมากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พ.อ.เหมาสุนี (Mao Sony) รอง ผบ.ตร.จราจรกรุงพนมเปญกล่าวกับหนังสือพิมพ์แคมโบเดียเดลี่
"ผมได้ยินผ่านทาง ว. เจ้าหนุ่มนั่นกำลังด่าทอตำรวจกับนักข่าว" เจ้าหน้าที่ตำรวจรายเดียวกันกล่าว
นางพิจ สุชาตะ (Pich Socheata) ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตเดือนเพ็ญ (Daun Penh) กล่าวว่า นายพลตรีได้รุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมรับปากจะจ่ายค่าเสียหายให้กับลูกชายทั้งหมด นางสุชาตะยืนยันอีกว่าบุตรชายของนายพลผู้นี้ได้กระชากผมนักข่าวที่ไปถ่ายรูป-ทำข่าวในที่เกิดเหตุจริง นอกจากนั้นทั้งพ่อทั้งลูกต่างก็ใช้คำที่หยาบคายพอๆ กัน
"ฉันต้องเดินหนีไปเพราะทนคนพูดแบบนั้นไม่ไหว" นางสุชาตะกล่าว
อย่างไรก็ตามนายพลกาวตรีได้ปฏิเสธคำกล่าวหาทั้งหมด โดยระบุว่าบุตรชายของตนไม่เคยกระชากผมนักข่าวคนใด และไม่มีใครใช้คำหยาบคายกับผู้ใด
"ลูกผมไม่ได้กระชากผมใคร" นายพลตรีกล่าว พร้อมปฏิเสธว่าบุตรชายไม่ได้ขับรถด้วยความเร็วสูง แต่เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากบริเวณวัดพนมมืดสลัว และเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง
ตำนานเล่าว่าวัดพนมสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1915 เมื่อคุณยายเพ็ญ (Penh) ไปพบพระพุทธรูป 4 องค์ ก็เลยตัดสินใจให้สร้างเนินเขาขึ้นมาทั้งลูกเพื่อนำพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานและอยู่ที่นั่นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เมืองหลวงของกัมพูชาก็ตั้งชื่อตามชื่อของคุณยายเพ็ญกับเนินที่ตั้งของวัด
ในวัดยังเป็นเก็บพระอัฐิของปฐมกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงให้ย้ายเมืองหลวงจากนครวัดในปี พ.ศ.1965 ไปตั้งใหม่ในสถานที่ปัจจุบันนี้
วัดศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่แห่งนี้ปัจจุบันเป็นปลายทางท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงพนมเปญ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการจัดพิธีทางศาสนาในเทศกาลสำคัญต่างๆ อีกด้วย ทางวัดเก็บค่าบริการเข้าชมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ