กรุงเทพฯ- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุนเซน ได้สั่งให้ศาลถอนฟ้องทุกคดี ที่เคยฟ้องหมิ่นประมาทฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันจากทุกสารทิศ ที่ให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมในขณะนี้ และให้รัฐบาลยุติการใช้ศาลและกฎหมายเป็นเครื่องมือในการปิดปากฝ่ายค้าน
"ผมกำลังขอให้ทนายความไปดูว่า เราจะถอนคำฟ้องได้อย่างไร ซึ่งจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้จบเรื่อง" นายฮุนเซนกล่าว และสำทับอีกว่า "สำหรับผมนั้น จบแล้ว"
การตัดสินใจของนายฮุนเซนสร้างความประหลาดใจไปทั่ว เพราะมีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่เขาประกาศเสียงแข็งว่าจะดำเนินคดีคู่กรณีให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะได้รับอนุญาตจากศาลให้ประกันตัวออกไปแล้วก็ตาม
นายแขม สุขา (Kem Sokha) นายปางวนเตียง (Pa Nguan Tieng) จากศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชน กรุงพนมเปญที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ถูกจับพร้อมกับผู้นำสหภาพแรงงานครูทั่วประเทศและนักจัดรายการซึ่งเป็นเจ้าของสถานี "วิทยุรังผึ้ง" (Beehive Radio) การจับกุมบุคคลเหล่านี้ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลกัมพูชาถูกสวดยับจากโลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป รวมทั้งหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติด้วย
นายแยงวิรัก (Yeng Virak) นักสิทธิมนุษยชนอีกคนหนึ่ง เป็นรายที่ 5 ที่ถูกจับกุมหลังจากได้พยายามหลบซ่อนตัว ในกรณีที่ไปวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงปักปันเขตแดนกับเวียดนาม ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่าเป็นการยกดินแดนในพิพาททั้งหมดให้แก่เวียดนามโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่ยอมพิจารณากรณีของนายสมรังสี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่หลบหนีคดีหมิ่นประมาทไปลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านถูกศาลกัมพูชาตัดสินคดีไปแล้ว ให้ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 18 เดือน
บรรดาผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวต่างกล่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นรัฐบาล พร้อมทั้งได้แสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งนายฮุนเซน กล่าวว่าพร้อมที่จะยกฟ้องคดีหมิ่นประมาททั้งหมด หากคู่กรณีที่หลบหนีไปอยู่ในต่างแดนขณะนี้ออกมากล่าวขอโทษ เพราะเขาเองหวังที่จะประนีประนอมมากกว่าเผชิญหน้ากับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตามนายแขม สุขา กล่าวว่า การให้ขอโทษคงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เพราะไม่ได้กระทำความผิดอะไร แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ พร้อมทั้งเตือนรัฐบาลว่ายิ่งใช้มาตรการรุนแรงมากเท่าไร ฝ่ายต่อต้านก็ยิ่งจะเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น รัฐบาลควรจะหันมาสนทนากับฝ่ายที่ไม่ลงรอยเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศ.