ผู้จัดการรายวัน - ชาวลาวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดหลายรายร้องโอดโอยผ่านทางเว็บไซต์ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจกับศุลการักษ์ที่ท่าอากาศยานวัดไตข่มขู่รีดไถ หลายคนถึงกับบอกว่าจะไม่กลับไปลาวอีก
บางคนได้เรียกร้องให้ทางการคอมมิวนิสต์ลาวรีบจัดการเพราะเสียภาพพจน์ของประเทศ และเท่ากับเป็นการขับไล่นักท่องเที่ยวมิให้ไปเที่ยวในประเทศลาว
"มีใครสนใจเรื่องนี้กันบ้างไหม!" ชาวลาวคนหนึ่งที่เดินทางกลับนครหลวงเวียงจันทน์ตะโกนดังๆ ผ่านทางกระทู้ที่เข้าตั้งขึ้นมาในเว็บไซต์ลาวอัปเดต ซึ่งเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมในหมู่ชาวลาวโพ้นทะเล
ชาวลาวที่เข้าไปถามและตอบในกระทู้นี้ส่วนใหญ่กล่าวว่า พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีเอามากๆ จากตำรวจที่สนามบินนานาชาติในนครหลวงเวียงจันทน์ เช่นเดียวกันกับศุลการักษ์ที่คิดภาษีของฝากเกือบจะทุกอย่างในอัตราที่ขูดเลือดขูดเนื้อ และยังเก็บค่าบริการด้านเอกสารสูงลิบลิ่วอีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะหวังจะรีดใต้โต๊ะเพื่อให้ทุกอย่างจบลงที่เคาน์เตอร์นั่นเอง
ชาวลาวจากโพ้นทะเลเจ้าของกระทู้นี้บอกว่าเขาได้ยินเพื่อนของพ่อพูดถึงเรื่องนี้ และยังประสบกับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เขาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเวียงจันทน์ ไปเที่ยวบินเดียวกันกับคนที่เขารู้จักคนหนึ่งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งกลับมาจากรัฐมินเนโซตา สหรัฐฯ หิ้วกีตาร์ไฟฟ้า 1 ตัว ซึ่งเป็นของเพียงสิ่งเดียวที่เขานำติดตัวกลับมา และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแจ้งว่าเขาจะต้องจ่ายภาษีเป็นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ชาวลาวผู้นี้เขียนต่อไปว่า การปฏิบัติของตำรวจกับศุลการักษ์ลาวนั้นต่างจากศุลการักษ์ในสหรัฐฯ ที่ไม่เก็บภาษีแม้สักแดงเดียว ทั้งๆ ที่ในกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยของที่ระลึก แถมยังมีสิ่งของเครื่องใช้พะรุงพะรัง ตอนที่เขาเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทางการลาวควรจะพิจารณาแก้ไขเรื่องนี้เพราะทุกคนกำลังเอือมระอา
ชาวลาวอีกคนหนึ่งเขียนลงในกระทู้เดียวกันว่า เขาคือชายที่เดินทางไปจากรัฐมินเนโซตา เขาหิ้วกีตาร์ไฟฟ้ามาฝากน้องชาย แต่โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนามบินวัดไตหิ้วตัวเข้าไปสอบสวนในห้องที่มีเจ้าหน้าที่อยู่รวมกันทั้งหมด 4 คน หนึ่งในนั้นแจ้งให้ทราบว่าเขาจะต้องชำระภาษีเป็นเงิน 90 ดอลลาร์ กับจ่ายค่าธรรมเนียมจัดทำเอกสารในชั้นศาลอีก 40 ดอลลาร์
ชายคนนี้เล่าว่าเขาไม่มีเวลาคอยนานขนาดนั้น ก็เลยควักแบงก์ 50 ดอลลาร์หนึ่งใบวางไว้บนโต๊ะแล้วหรี่ตาส่งสัญญาณ เจ้าหน้าที่ของทางการลาวรีบคว้าธนบัตรสีเขียวแก่ลงเก็บลงลิ้นชัก ส่วนตัวเขาลุกเดินออกไปจากห้องนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชาวลาวผู้นี้เขียนว่า เขาได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ ภาวนาขอให้พระเจ้าจงลงทัณฑ์เจ้าหน้าที่พวกนี้ รวมทั้งคนในครอบครัวด้วย รัฐบาลไม่ได้เงินที่เขาจ่ายไปสักแดงเดียว เจ้าหน้าที่กังฉินพวกนี้เอาเข้ากระเป๋าตัวเองหมด
ชาวลาวอีกคนหนึ่งเขียนเล่าต่อในกระทู้เดียวกันว่า เขาจ่ายให้เจ้าหน้าที่พวกนั้น 10 ดอลลาร์และไม่อยากกลับไปลาวอีก และอีกคนหนึ่งบอกว่าเขาจ่ายเป็นขนมหวาน-ลูกอมแทน
ชาวลาวอีกคนเล่าว่าเขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโบกให้รถคันหนึ่งจอดด้วยความผิดเล็กน้อย แต่ขอค่าปรับเป็นเงินก้อนโต หลังจากคนขับควักเงินให้จำนวนหนึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
อีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐพวกนี้ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่กลับไปเที่ยวลาวอีก รัฐบาลลาวควรจะศึกษาจากประเทศไทยที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 9.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ลาวเองมีรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ปีละ 114 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
กระทู้ดังกล่าวตั้งขึ้นบนเว็บไซต์ในวันศุกร์ (19 ส.ค.) ที่ผ่านมา และมีผู้เขียนไปแสดงความเห็นรวม 19 รายวันเดียวกัน แต่ละคนได้บอกเล่าประสบการณ์ที่คล้ายกันและต่างกันที่แต่ละคนเคยพบในต่างประเทศด้วย
มีผู้เข้าไปถามตอบกระทู้รายหนึ่งเสนอว่า ทางการลาวควรจะติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดไว้ตามห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต เพื่อจับทุจริตของเจ้าหน้าที่เหล่านี้