พนมเปญ- ลี มุน (Li Mun) เล่าว่าเขามีอายุเพียง 15 ปี ตอนที่หนีทหารจากกองกำลังพอลพตในปี 2522 เมื่อกองทัพเวียดนามบุกเข้ากัมพูชาเพื่อโค่นล้มกองกำลังเขมรแดง ขณะนั้นพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนีเพื่อรักษาชีวิต
ลีมุนร่วมกับเพื่อนทหารและชาวนาใน จ.รัตนคีรี หนีเข้าไปในป่าเพราะกลัวจะถูกสังหาร 2–3 เดือนหลังจากนั้น บางส่วนกลับไปยังบ้านบางส่วนยังคงปักหลักหลบซ่อนอยู่ในป่าต่อไปอีกหลายปีหรือหลายสิบปี
กลุ่มของลีมุนซึ่งมีอยู่ราว 12 คน เตลิดเข้าไปลึกที่สุดของป่า เพื่อหลบซ่อนจากสายตาทหารกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งลีมุนเล่าว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่จุดไหน
ลีมุนและคนหลบหนีที่เหลือใช้ชีวิตในป่ามานานกว่า 25 ปี โดยไม่สนใจโลกภายนอก ไม่สนใจว่าสงครามจะสิ้นสุดหรือไม่ ไม่รู้แม้กระทั่งการเสียชีวิตของนายพอลพต
ในที่สุดลีมุนจำเป็นต้องเดินทางออกจากป่าเมื่อลูกของเขาล้มป่วยและต้องการยารักษาโรค นั่นคือก้าวแรกที่ผลักดันลีมุนออกมาจากป่าหลังเวลาผ่านไปเกือบ 25 ปี
ลีมุนเล่าถึงชีวิตในป่าให้ฟังว่า เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมที่สร้างจากใบไม้และต้นไม้ และเมื่อได้ยินเสียงอะไรก็แล้วแต่ก็จะวิ่งหนี ในหน้าฝนของทุกๆ ปีเขาจะพาครอบครัวอพยพขึ้นเหนือ
ผู้หญิงจะมีหน้าที่ออกไปหาผักผลไม้เพื่อเป็นอาหาร ส่วนผู้ชายจะใช้หอกหรือหลาวไม้ไผ่ออกไปล่าสัตว์ นอกจากนี้ก็จะเก็บเศษโลหะที่หลงเหลือจากระเบิดของอเมริกาสมัยสงคราม
อย่างไรก็ดีการกินอยู่ก็ไม่ถึงขึ้นอดอยาก พวกเขาสามารถหาเมล็ดข้าวได้จากท้องนกที่จับมา ใช้เปลือกไม้ที่รอให้นุ่มแล้วมาทำเสื้อผ้าแต่ 10 ปีหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ใส่ใจจะใส่เสื้อผ้าอีก
จนกระทั่งทารกคนที่ 22 ของหมู่บ้านถือกำเนิดขึ้น หลายคนจึงเริ่มกังวลว่าสภาพดังกล่าวอาจจะทำให้ทารกเสียชีวิต แต่มีเพียงลูกของ ละมาม หลวง (Lamam Luang) และ ชายชราเท่านั้นที่เสียชีวิต
อย่างไรก็ดีในเดือน พ.ย. ปี 2547 ทั้งหมดก็ตัดสินใจกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้งเมื่อเด็กๆในหมู่บ้านเริ่มล้มป่วย ทำให้การอาศัยอยู่ในป่านานนับ 25 ปี สิ้นสุดลง
ในช่วงแรกพวกเขาอาศัยขโมยอาหารและเสื้อผ้าจากบ้านที่ต่างอยู่โดดเดี่ยวตามเขตชายแดนลาว ต่อมาจึงพบว่าครอบครัวของพวกเขาย้ายกลับไปยังหมู่บ้านเดิมจากความช่วยเหลือของ UN
อย่างไรก็ดีพวกเขายังคงต้องปรับตัวกับโลกภายนอก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เกิดและโตในป่า ซึ่งรู้จักเพียงญาติและสมาชิกในกลุ่มกันเองเท่านั้น
นายลี จันนาริด (Ly Channarit) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัตนคีรีกล่าวว่า การโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกนานๆ ทำให้พวกเขาเครียดเมื่อต้องสื่อสารกับคนอื่น นอกจากนี้ยังพบเด็กๆ ป่วยเป็นโรคขาดสารอาหาร, ปอดบวม, หลอดลมอักเสบ และการติดเชื้อต่างๆรวมอยู่ด้วย ซึ่งรัฐบาลและ UNHCR ได้รับผู้ที่หลบหนีเข้าป่าเหล่านี้เข้ารักษา โดยภรรยาของลามัม หลวงเสียชีวิตในเดือนมีนาคม จากอาการแทรกซ้อนของปอดบวม
ลามัมวางแผนจะเพาะปลูกเพื่อนำผลผลิตออกขาย โดยตอนนี้เขาหวังเพียงจะมีที่ดินของตัวเองสักแปลง ในขณะที่ลูกชายของเขา วัย 16 ปี เมา (Mao) หวังจะสร้างครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่เหมือนใคร ตามสไตล์ “เด็กน้อยแห่งป่า”
เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นประหลาดใจ เนื่องจากมีประชาชนกัมพูชาจำนวนมากที่หนีเข้าป่าในช่วงสงครามเขมรแดง.