xs
xsm
sm
md
lg

เยอรมนี เล็งงัดไม้แข็ง สกัดฟาสต์แฟชั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นักแสดง Luise Befort และ Fabian Grischkat เข้าร่วมการประท้วงที่ประตูบรันเดนบูร์กในกรุงเบอร์ลิน ? Paul Lovis Wagner / Greenpeace
กรีนพีซ เยอรมนี หนุนขับเคลื่อนกฎหมายคัดค้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น โดยนำกลไกทางกฎหมายของฝรั่งเศสที่นำร่องไว้ เช่น เก็บภาษีผู้ผลิต ห้ามโฆษณา ตอกย้ำต้นแบบแนวทางลดขยะเสื้อผ้าทั่วโลก ว่าต้องใช้กฎหมายบังคับด้วยถึงประสบผล



•เบื้องหลังเสื้อผ้าราคาถูกที่มีต้นทุนมหาศาล
นับตั้งแต่ปี 2564 กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป ประกอบด้วย ออสเตรีย เบลเยียมเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน และสวีเดน ได้ส่งเอกสารแสดงจุดยืนร่วมกัน (joint paper) ถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่นที่จะบรรลุผลสำเร็จในการเก็บรวบรวม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิลของสิ่งทอ (textile collection, reuse, and recycling) พร้อมกับเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปสำรวจว่ามีวัสดุใดบ้างที่สามารถใช้วัตถุดิบรีไซเคิลจากสิ่งทอได้ (textile-to-textile recycled content requirements) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการรีไซเคิลสิ่งทอได้ โดยปัจจุบันสิ่งทอทั่วโลกมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 1 ที่ถูกนำไปรีไซเคิลเป็นสิ่งทอ และยิ่งไปกว่านั้น การรีไซเคิลสิ่งทอส่วนใหญ่เป็นการรีไซเคิลที่ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งานที่ต่ำกว่าการใช้วัตถุดิบดั้งเดิม (downcycling)

ทว่าเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) ที่ใช้ราคาถูกเป็นแรงจูงใจ แท้ที่จริงต้นทุนที่สูงลิบกลับตกอยู่กับสิ่งแวดล้อม แรงงาน และคนรุ่นหลัง อีกทั้งผู้บริโภคจำนวนมากก็ไม่ถูกใจกับสินค้าที่ซื้อมา เสื้อผ้าที่ดูน่าซื้อในโฆษณานั้น โดยมากถูกทิ้งทั้งที่ป้ายราคายังติดอยู่หรือแทบไม่เคยสวมใส่เลย เสื้อผ้าแฟชั่นถูกทิ้งเหล่านี้กลายเป็นภูเขาขยะที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน กลายเป็นวิกฤตไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ซ้ำยังผลิตขึ้นจากการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม

จากสถิติของคณะกรรมาธิการยุโรป พบว่า ในแต่ละปีโดยเฉลี่ยชาวยุโรปใช้สิ่งทอต่อคนราว 26 กิโลกรัม แต่จากกระแส “แฟชั่นซื้อง่าย หน่ายเร็ว (Fast fashion)” ยิ่งทำให้สิ่งทอเหล่านั้นถูกใช้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และทำให้มีสิ่งทอที่ถูกทิ้งไปประมาณ 11 กิโลกรัมต่อคนในแต่ละปี ซึ่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมสิ่งทอ ถือเป็นเรื่องที่ได้รับการจัดความสำคัญที่ต้องจัดการในลำดับต้น ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการเศรษฐกิจหมุนเวียนของสหภาพยุโรป เนื่องจากเป็นภาคส่วนที่ใช้ทรัพยากรด้านวัตถุดิบหลักและน้ำมากเป็นอันดับ 4 และปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรมทั้งหมด


•เยอรมัน หนุนงัดไม้แข็งสกัด
เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น หรือเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูกที่เน้นผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อตามเทรนด์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้นทำลายสิ่งแวดล้อม ทางออกที่ยั่งยืนกว่าคือการไม่สนับสนุนแฟชั่นและเสื้อผ้าที่ใส่เพียงไม่กี่ครั้งแล้วทิ้ง ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ กรีนพีซ เยอรมนี เผยว่า กฎหมายคัดค้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น คือทางออกที่สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศเยอรมนี

โมริตซ์ แยเกอร์-รอชโก ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษพลาสติกและเศรษฐกิจหมุนเวียน กรีนพีซ เยอรมนี กล่าวว่า “อีกไม่นาน แบรนด์แฟชั่นจะโหมโฆษณาโปรโมชั่นในช่วง Black Week อีกครั้ง ฟาสต์แฟชั่นสะท้อนทุกอย่างที่ผิดพลาดในรูปแบบการบริโภคของเรา ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าล้นเกิน ความโลภ และการก่อมลพิษ กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นพร้อมมาตรการที่เข้มงวดเท่านั้นที่จะสามารถหยุดกระแสการผลิตเสื้อผ้าล้นโลกนี้ได้”


•กฎหมายต่อต้านการผลิตควรมีหน้าตาอย่างไร
เพื่อหยุดความบ้าคลั่งของอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น กรีนพีซเรียกร้องให้กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นนำกลไกทางกฎหมายที่ประเทศฝรั่งเศสนำร่องไว้ ดังนี้

1. การจัดเก็บภาษีฟาสต์แฟชั่น เพื่อให้ผู้ผลิตต้องมีภาระต่อความเสียหายที่เกิดจากการผลิตล้นเกินของบริษัท

2. การส่งเสริมรูปแบบธุรกิจหมุนเวียน เช่น การยืม การแลกเปลี่ยน การซ่อมแซม หรือสินค้ามือสอง ซึ่งเป็นทางออกที่แท้จริงแทนที่สินค้าราคาถูกอายุสั้น

3. การห้ามโฆษณา รวมถึงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้บริษัทเสื้อผ้าต่าง ๆ ขาดเครื่องมือสำคัญที่สุดในการผลักดันการบริโภคฟาสต์แฟชั่น

มาตรการดังกล่าวสามารถยับยั้งฟาสต์แฟชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะเป็นก้าวสำคัญสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างแท้จริง กล่าวคือ ขยะน้อยลง เสื้อผ้าที่ทนทานและมีคุณภาพมากขึ้น แทนการเดินหน้าการผลิตแฟชั่นราคาถูกและอายุใช้งานสั้น

เมื่อเดือนตุลาคม 2568 นักกิจกรรมกรีนพีซได้รวมตัวกันที่กรุงเบอร์ลิน เรียกร้องกฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น โดยได้จัดวางรูปปั้นสร้างจากเสื้อผ้าสูงห้าเมตร งานศิลปะชิ้นนี้ออกแบบโดยศิลปิน เอมานูเอเล จาเน โมเรลลี สร้างขึ้นจากเสื้อผ้าที่กรีนพีซเก็บมาจากภูเขาขยะในตลาดกันตามันโต เมืองอักกรา ประเทศกานา ตลาดแห่งนี้เป็นหนึ่งในตลาดเสื้อผ้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเสื้อผ้าที่ผ่านการใช้แล้ว รวมถึงเสื้อผ้าจากเยอรมนี กำลังมีส่วนทำให้เกิดมลพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ

อุตสาหกรรมแฟชั่นมีปัญหาขยะพลาสติกจำนวนมหาศาล มักส่งออกไปยังประเทศในซีกโลกใต้ ที่ซึ่งขยะสิ่งทอเหล่านั้นก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ในภาพ : ป้ายแบนเนอร์ของกรีนพีซที่เจมส์ทาวน์ เมืองประมงในอักกรา ประเทศกานาซึ่งเป็นที่ที่ขยะสิ่งทอถูกชะล้างลงทะเล ? เควิน แม็คเอลวานีย์ / กรีนพีซ
รายงานด้านความเห็นทางกฎหมายที่กรีนพีซรวบรวมนั้นต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า กลไกต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นในทางปฏิบัติแล้วสามารถเป็นมาตรการทางกฎหมายได้จริง

กฎหมายต่อต้านการผลิตเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจะเป็นกลไกสำคัญ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมเสื้อผ้าทั่วโลกมีการผลิตเพิ่มขึ้นถึงกว่าสามเท่า โดยในแต่ละปีมีการผลิตเสื้อผ้าสูงถึง 180 พันล้านชิ้น โดยร้อยละ 40 ของการผลิตนั้นไม่ถูกขายและต้องถูกทำลาย ขณะเดียวกันนั้นอายุการสวมใส่เสื้อผ้าชิ้นเดิมนั้นก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ โดยกว่าร้อยละ 60 ของเสื้อผ้ามือสองในเยอรมนีนั้นถูกส่งไปต่างประเทศ ซึ่งมักลงเอยในหลุมฝังกลบหรือแม่น้ำ

• มายาคติของอุตสาหกรรมแฟชั่น : “จิตสำนึก” และ “รีไซเคิล”


แบรนด์แฟชั่นจำนวนมากสร้างภาพลักษณ์ความยั่งยืนด้วยการโฆษณาคอลเล็กชั่น “Conscious” สร้างภาพลักษณ์การสวมใส่เสื้อผ้าด้วยจิตสำนึก หรือคอลเล็กชันที่กล่าวว่าผลิตจากวัสดุรีไซเคิล แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เส้นใยผสม การใช้สารเคมี และการผสมวัสดุเส้นใยต่างชนิดกัน ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรีไซเคิลจริง แคมเปญการตลาดราคาแพงปิดบังความจริงนี้ การบริโภคเกินขนาดและวัฒนธรรมใช้แล้วทิ้งของอุตสาหกรรมแฟชั่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ผ่านการโฆษณา ความยั่งยืนจะต้องไม่เป็นเพียงคำโปรยสินค้า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มตั้งแต่ ขั้นตอนการออกแบบ (เช่น ดีไซน์ที่ไม่ใช้เส้นใยผสมในเสื้อผ้า) กระบวนการผลิต และความรับผิดชอบของผู้ผลิต


ทางออกคือสโลว์แฟชั่น : 

เสื้อผ้าที่ทนทาน เน้นซ่อมแซม การแลกเปลี่ยน และการนำกลับมาใช้ใหม่ ผู้ที่บริโภคอย่างมีสติมักใช้งานเสื้อผ้าแต่ละชิ้นยาวนาน และส่งต่อมอบชีวิตที่สองหรือสามให้เสื้อผ้า ช่วยปกป้องทั้งสิ่งแวดล้อมและผู้คน ซึ่งจะเป็นการหยุดวัฎจักรแห่งแฟชั่นใช้แล้วทิ้ง


ราคาที่แท้จริงของเสื้อผ้าราคาถูก :

-ในแต่ละปีทั่วโลกมีขยะสิ่งทอเกิดขึ้นมากกว่า 120 ล้านตัน

-ใยโพลีเอสเตอร์ที่ใช้ผลิตเส้นใยเสื้อผ้าคือพลาสติกแปรรูป โดย 2 ใน 3 ของเส้นใยสิ่งทอที่ใช้ทั่วโลกเป็นเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งก่อมลพิษให้มหาสมุทรและเป็นอันตรายต่อสัตว์

-สภาพการทำงานในโรงงานมักไม่มีมนุษยธรรม การใช้แรงงานเด็ก ค่าแรงต่ำ และสภาพการทำงานที่อันตราย โดยยังคงพบปัญหาดังกล่าวได้ทั่วไปในประเทศผู้ผลิต

-เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นก่อคาร์บอนไดออกไซด์กว่าหนึ่งพันล้านตันต่อปี โดยอุตสาหกรรมแฟชั่นทั่วโลกมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราวร้อยละ 8 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งมากกว่าการปล่อยก๊าซจากการบินและการขนส่งทางเรือทั่วโลกรวมกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น