บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (บีคอน วีซี) บริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านกองทุน Beacon Impact Fund ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทสตาร์ทอัพและกองทุนร่วมลงทุนที่พัฒนาโซลูชันด้าน ESG ซึ่งสามารถวัดผลและขยายผลได้จริงเพิ่มเติมใน 3 โครงการ ได้แก่ Quantified Energy ผู้นำด้านเทคโนโลยีตรวจสอบแผงโซลาร์ Arkadiah Technology ผู้พัฒนาโซลูชันปลูกป่าและคาร์บอนเครดิตแบบครบวงจร และ Raisewell Ventures กองทุนที่สนับสนุนสตาร์ทอัพ Deep Tech จากสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันส่งมอบเงินลงทุนแล้วรวมทั้งสิ้น 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ บีคอน วีซี ในการสนับสนุนนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกและยกระดับสตาร์ทอัพในภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย บีคอน วีซี ยึดมั่นพันธกิจในการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินงานของกองทุน Beacon Impact Fund ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินให้สินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของธนาคารกสิกรไทย โดยเน้นการลงทุนโดยตรงในบริษัทสตาร์ทอัพ หรือผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุนทั่วโลก ที่พัฒนาโซลูชัน นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เป็นหลัก สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความยั่งยืนของธนาคารกสิกรไทยในการเป็นธนาคารที่ทุกคนเชื่อมั่น เสริมความพร้อมในก้าวสู่อนาคตร่วมกัน และสร้างการเติบโตที่ครอบคลุมและทั่วถึง
ปัจจุบันกองทุน Beacon Impact Fund ได้ส่งมอบเงินลงทุนไปแล้วรวมทั้งสิ้น 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านบาท โดยมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติต่าง ๆ ของ ESG ที่สามารถวัดผลได้และมีศักยภาพในการขยายผลในวงกว้าง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกองทุน Beacon Impact Fund ในการส่งเสริมความยั่งยืนและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นทั่วโลก
สำหรับปี 2568 นี้ กองทุน Beacon Impact Fund ได้ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพิ่มเติมใน 3 โครงการสำคัญ ได้แก่
1. Quantified Energy (QE) สตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ผู้นำด้านเทคโนโลยีตรวจสอบแผงโซลาร์สำหรับ Utility-Scale Solar Farm ด้วยโดรนอัตโนมัติแบบ Electroluminescence (EL) Mapping Solution ซึ่งมีความแม่นยำในการวัดการสูญเสียพลังงานและความรวดเร็วในการตรวจสอบที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบันอย่างชัดเจน โซลูชันของ QE ถูกใช้อย่างกว้างขวางในเอเชีย ยุโรป โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง พร้อมทำสถิติโลกด้วยการตรวจสอบแผงโซลาร์กว่า 1 ล้านแผงภายในสามสัปดาห์ เพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการสามารถวัดและบริหารการสูญเสียพลังงานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
2. Arkadiah Technology สตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ที่ให้บริการพัฒนาโครงการปลูกป่าเพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ ไปจนถึงการลงทะเบียนคาร์บอนเครดิตกับองค์กรมาตรฐานระดับโลก เช่น Verra และ Gold Standard รวมถึงการจำหน่ายผ่านเครือข่ายพันธมิตร จุดเด่นสำคัญของ Arkadiah คือการให้บริการ Digital Monitoring, Reporting, and Verification (dMRV) ที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ ด้วยการใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง เพื่อประมวลผลและผสานข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและ LiDAR ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การติดตามและวัดคาร์บอนเครดิตมีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูง ช่วยเพิ่มผลตอบแทนทางการเงินของโครงการ และสนับสนุนให้เกิดโครงการปลูกป่าใหม่ในอนาคต
3. Raisewell Ventures กองทุนเพื่อสังคม (Impact Fund) จากซิลิคอนแวลลีย์ ที่มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ในสหรัฐอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศไทย กองทุนมุ่งลงทุนในบริษัทช่วงเริ่มต้นถึงระยะกลาง (Early- to Mid-Stage) ในสามกลุ่มหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech), การผลิตและซัพพลายเชน (Supply Chain Manufacturing), และ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Health Tech) โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรระหว่างภูมิภาค ส่งเสริมการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมและธุรกิจให้เติบโตในระดับภูมิภาค
นายธนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บีคอน วีซี ยังคงมองหาโอกาสลงทุนในสตาร์ทอัพและกองทุนร่วมลงทุนที่สามารถยกระดับศักยภาพและต่อยอดเทคโนโลยีในทุกมิติของ ESG ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ สังคม และธรรมาภิบาล ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาการลงทุนผ่าน Beacon Impact Fund คือ “ผลกระทบเชิงบวกที่สามารถวัดผลได้” ในด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของสตาร์ทอัพ ซึ่งเราคาดหวังว่า เป็นสิ่งที่ผู้ก่อตั้ง (Founder) ใช้เป็นแนวทางหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนหลักการของ ESG ทั้งนี้ บริษัทพร้อมทำหน้าที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และผู้เชื่อมโยงโอกาส โดยนำประสบการณ์การลงทุน องค์ความรู้ และเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (บีคอน วีซี) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ในฐานะบริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย โดยมีพันธกิจในการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกลยุทธและทิศทางธุรกิจของธนาคาร รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีให้แก่พันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ บีคอน วีซี มุ่งเน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพระยะขยายธุรกิจ (Growth Stage) ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค (Consumer Technology) เทคโนโลยีสำหรับองค์กร (Enterprise Solutions) เทคโนโลยีการเงิน (FinTech) และเทคโนโลยีด้านความยั่งยืน (Sustainability Tech)
ในปี พ.ศ. 2566 บีคอน วีซี ได้จัดตั้ง Impact Fund ด้วยวงเงินเริ่มต้นกว่า 1,200 ล้านบาท หรือประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืน สามารถวัดผลได้จริง และมีศักยภาพในการขยายผลในวงกว้าง การลงทุนของกองทุนอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของธนาคารกสิกรไทยในการดำเนินงานบนหลักการ "Bank of Sustainability" บีคอน วีซี ยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันนวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม ลูกค้า และระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ./


