xs
xsm
sm
md
lg

"ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่" ชูพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย สู่ Net Zero

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้บริหารระดับสูง ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (Hitachi Energy) ชี้ดิจิทัลคือขุมพลังหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศไทย มองว่า Digitalization คือกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยง ‘พลังงานหมุนเวียน’ ให้เข้ากับ ‘ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า’ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) 

โดยบริษัทพร้อมยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าของประเทศด้วยนวัตกรรมครอบคลุมนโยบายด้านพลังงานของประเทศแบบครบวงจร เพื่อพลังงานสะอาดของไทยที่มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ประเทศไทยกับวิสัยทัศน์สู่ Net Zero
ดร.วรวุฒิ วรุตตมพรสุ Country Managing Director บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ประเทศไทยมุ่งไปสู่ทิศทางของพลังงานคาร์บอนต่ำและความยั่งยืน ผ่านยุทธศาสตร์ Energy Transition ที่ตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายใน พ.ศ. 2608 ด้วยการขับเคลื่อนโดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเป็นสมาร์ทกริดและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ”

ขณะเดียวกัน ไทยกำลังพัฒนาให้เป็น ‘Digital Hub’ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการรองรับการพัฒนาด้าน AI กระทั่งการใช้งาน และบริการดิจิทัลที่เติบโตขึ้น ขณะที่นโยบายด้าน EV และอุตสาหกรรมอัตโนมัติยังคงมีความต่อเนื่อง ทำให้เกิดความต้องการพลังงานสะอาดและเสถียรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ล่าสุดรัฐบาลยังสนับสนุนนโยบายโครงการโซล่าฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อปลดล็อกพลังงานแสงอาทิตย์สู่ฐานรากเศรษฐกิจ เพื่อให้การบรรลุ Net Zero รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการพลังงาน ‘ระดับมหภาค’ จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อให้ระบบพลังงานของไทยสามารถผสานความยั่งยืนและความมั่นคงได้อย่างสมดุลบนเส้นทางสู่ Net Zero

เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้พลังงานหมุนเวียนมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ
ด้วยระบบอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จะทำให้การจัดการแหล่งผลิตพลังงานที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นไปอย่างแม่นยำ เช่น Grid Automation ช่วยในการวิเคราะห์และปรับสมดุลโหลดไฟฟ้าทันทีที่เกิดความผันผวนในแบบเรียลไทม์ รวมไปถึง การใช้ประโยชน์จาก AI & Data Analytics ช่วยในการบริหารอุปสงค์ และอุปทาน (Demand–Supply) ได้อย่างอัจฉริยะ ดังนั้น ดิจิทัลจึงกลายเป็น ‘สะพานเชื่อม’ ระหว่าง Renewables (พลังงานสะอาด) กับ Reliability (ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า) ซึ่งเป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านพลังงานในยุคใหม่ของประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศอย่างแท้จริง

ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ เตรียมจัดทัพโซลูชันแห่งอนาคตของประเทศที่พร้อมแล้วในวันนี้
ดร.วรวุฒิ เผยต่อว่า “ด้วยประสบการณ์ระดับโลกในเทคโนโลยีพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ จึงมีโซลูชันและนวัตกรรมครบวงจร เพื่อสร้างระบบไฟฟ้าที่มั่นคง ยั่งยืน และมีความเป็นดิจิทัลที่พร้อมใช้งานสำหรับอนาคตของประเทศไทยตามนโยบาย Energy Transition ซึ่งโซลูชันเหล่านี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากระบบไฟฟ้าต้องรองรับการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน และการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ ดังนั้นการมีเทคโนโลยีในการจัดการพลังงานที่มีความน่าเชื่อถือ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวไปสู่การใช้งานพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง”






กลุ่มโซลูชันหลักๆ ได้แก่

Grid-enSure™ เทคโนโลยีล้ำหน้าที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความเสถียร ยืดหยุ่น และประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทำให้สามารถแปลง ควบคุม และบริหารจัดการทิศทางการจ่ายพลังงานภายในกริดได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย ช่วยให้ผู้ให้บริการระบบไฟฟ้าสามารถตอบสนองต่อความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความมั่นคงให้กับโครงข่ายไฟฟ้า พร้อมรองรับความต้องการพลังงานในอนาคตได้อย่างยั่งยืนโดยประกอบด้วยเทคโนโลยีหลัก ได้แก่
• STATCOM (Static Synchronous Compensator) ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าและคุณภาพพลังงานแบบเรียลไทม์ เพื่อรักษาเสถียรภาพของกริด
• HVDC (High-Voltage Direct Current) ระบบส่งกำลังไฟฟ้าแรงสูงในรูปแบบกระแสตรง ที่สามารถส่งพลังงานได้ไกลขึ้นด้วยการสูญเสียน้อยลง
• SFC (Static Frequency Converters) อุปกรณ์แปลงความถี่ไฟฟ้า ช่วยให้ระบบที่มีมาตรฐานต่างกันสามารถเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• BESS (Battery Energy Storage System) ระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ ช่วยให้พลังงานต่อเนื่องแม้ในช่วงเวลาที่ผลิตพลังงานได้น้อย ช่วยบริหารจัดการความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนได้อย่างลงตัว

EconiQ™ มาตรฐานใหม่แห่งกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Equipment) ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ใช้ก๊าซ SF₆ แต่ยังคงประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยเทียบเท่าอุปกรณ์แบบดั้งเดิม ครอบคลุมตั้งแต่ สวิตช์เกียร์ เบรกเกอร์ สามารถขยายขอบเขตการใช้งานได้ถึงระดับแรงดันสูงพิเศษ (Extra-High Voltage) แต่ยังให้ขนาดที่กะทัดรัดและความยืดหยุ่นของการติดตั้ง เช่นเดียวกับอุปกรณ์แบบดั้งเดิม โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานหรือความปลอดภัยของระบบ นับว่าเป็นเทคโนโลยีสำหรับไฟฟ้าแรงดันสูงรุ่นใหม่ที่ช่วยลด Carbon Footprint รองรับเป้าหมาย Net Zero และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมพลังงานที่ยั่งยืนทั่วโลก

Grid-eXpand™ สถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบสำเร็จรูป ที่สามารถประกอบ ติดตั้ง และเชื่อมเข้ากับระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสร้างสถานีขนาดใหญ่ใหม่ทั้งหมด เป็นนวัตกรรมโซลูชันแบบโมดูลาร์ และพร้อมใช้งานได้ในทันที (Modular & Prefabricated) สำหรับการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Connection) ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้สามารถขยายกริดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังใช้งานครอบคลุมทุกความต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่กระจายตัวและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงงาน โซล่าฟาร์มชุมชน ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น Grid-eXpand™ จึงเป็นเทคโนโลยีด้านพลังงานที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าพร้อมสำหรับการขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
TXpert™ Hub เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ช่วยเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าธรรมดาให้เป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่แล้ว โดยซูลูชันจะมีการติดตั้งเซนเซอร์และเก็บข้อมูล เช่น อุณหภูมิ กระแสไฟ และคุณภาพไฟฟ้า เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มเพื่อแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีความเสี่ยง นอกจากนี้ยังออกแบบให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลาย พร้อมผสานรวมกับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ทำให้ผู้ดูแลระบบไฟฟ้ารู้สถานะหม้อแปลงในแบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยง และวางแผนบำรุงรักษาได้แม่นยำขึ้น

PLC IoT Controller คืออุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะที่รวมความสามารถของ PLC (Programmable Logic Controller) ซึ่งใช้ในงานควบคุมเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติในโรงงาน เข้ากับเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อ ส่งข้อมูล และวิเคราะห์การทำงานแบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ อุปกรณ์นี้ช่วยให้โรงงานหรือระบบพลังงานสามารถตรวจสอบสถานะเครื่องจักร คาดการณ์การซ่อมบำรุง (Predictive Maintenance) และควบคุมระบบจากระยะไกลได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นสมองหลักของ “โรงงานอัจฉริยะ” และ “โครงข่ายพลังงานดิจิทัล” ในยุคอุตสาหกรรม 4.0

Service โซลูชันบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุของสินทรัพย์ ตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ การติดตั้ง การทดสอบ และการบำรุงรักษา ไปจนถึงการยืดอายุการใช้งานและการจัดการเมื่อสิ้นสุดอายุอย่างเป็นระบบ ด้วยการผสานเทคโนโลยี IoT ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้แบบแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า และวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Predictive Maintenance) เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของระบบไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความต่อเนื่องนอกจากนี้ยังครอบคลุมถึง การอัปเกรดและรีโทรฟิต (Upgrade & Retrofit) เพื่อให้สินทรัพย์เดิมสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการช่วยลดทั้งค่าใช้จ่าย

“พบกับเทคโนโลยีล้ำหน้า สำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน จาก Hitachi Energy ได้ที่งาน IEEE PES GTD Asia 2025 ระหว่างวันที่ 27–29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูธ C1 บูธแรกหน้าทางเข้า Hall 2–4 ชั้น G พบกับนวัตกรรมระดับโลกตั้งแต่ Grid-enSure™, Grid-eXpand™, TXpert™ Hub, EconiQ™ รวมถึงโซลูชันบริการหลังการขาย ที่จะยกระดับระบบไฟฟ้าของประเทศไทยให้เสถียร ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมโชว์เคสเทคโนโลยีดิจิทัลพลังงานสุดล้ำที่กำหนดอนาคตของ Energy Transition อย่างแท้จริง” ดร.วรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น