60 องค์กร ภาคีเครือข่ายอากาศสะอาด ออกแถลงการณ์ตอบข้อกังวล กกร.** เกี่ยวกับ “ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ….” โดยภาคีเครือข่ายฯ เน้นย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้คือ ความหวังในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศเชิงโครงสร้าง เมื่อ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา
** กกร. ย่อมาจาก คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, และ สมาคมธนาคารไทย. สถาบันเหล่านี้ร่วมกันเป็นตัวแทนภาคเอกชนในการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมต่อภาครัฐ
💡ประเด็นหลัก ที่ทาง กกร. กังวล
1- ความซ้ำซ้อนของกฎหมาย
• ร่างกฎหมายอากาศสะอาดไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่ทำหน้าที่อุดช่องโหว่ และบูรณาการกฎหมายที่มีอยู่เดิมซึ่งกระจัดกระจายและไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็น "ปัญหาเชิงโครงสร้าง" จึงกล่าวได้ว่าร่างกฎหมายอากาศสะอาดนี้จะเติมเต็มและทำให้กฎหมายเดิมใช้งานได้จริง
2- การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในคณะกรรมการ
• ภาคธุรกิจเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการนโยบายเพื่ออากาศสะอาดและคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด ตามที่ได้ระบุไว้ในร่างกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกำหนดให้ภาคธุรกิจเอกชนเป็นองค์ประกอบบังคับ
• การที่ร่างกฎหมายไม่ระบุชื่อองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง เป็นความตั้งใจที่จะเปิดกว้างให้ภาคธุรกิจเอกชนที่หลากหลาย ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ สามารถเข้าร่วมได้อย่างทั่วถึง โดยไม่มีการผูกขาด
3- เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์และต้นทุนทางธุรกิจ
• ข้อกังวลว่าจะสร้างภาระต้นทุนทันที เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
• ที่จริงแล้ว ร่างกฎหมายอากาศสะอาดได้บัญญัติถึง มาตรการสนับสนุน ส่งเสริม และช่วยเหลือ ผู้ประกอบการไว้อย่างชัดเจนและเป็นระบบ อาทิ การให้เงินอุดหนุน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการช่วยเหลือด้านเทคโนโลยี เป็นต้น
• หลักการนี้จะช่วยสนับสนุนพฤติกรรมที่ดี และสร้างความรับผิดชอบตามหลัก ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ซึ่งผู้ประกอบการที่มีการพัฒนาเพื่อรับผิดชอบต่อปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างยั่งยืน จะได้รับประโยชน์เต็มที่ และฝ่ายบริหาร (นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานราชการต่าง ๆ) เป็นผู้กำหนดรายละเอียดการบังคับใช้ เช่น อัตราและระยะเวลา แต่โดยหลักปฏิบัติ ย่อมต้องคำนึงถึงความพร้อม และให้เวลาภาคธุรกิจในการปรับตัวอย่างเหมาะสม
• ระบบนี้จึงทำให้เกิดระบบนิเวศที่ยุติธรรมต่อธุรกิจที่ทำดี และสร้างแรงผลักดันให้ภาคธุรกิจค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจที่ไม่ก่อมลพิษอย่างยั่งยืน ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่บังคับให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในทันที
4- ประเด็นการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาด
• การกำหนดรายละเอียดทางปฏิบัติ อาทิ สัดส่วนการจัดสรรเงิน หรือลำดับความสำคัญของการใช้เงิน ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่จะดำเนินการผ่านคณะกรรมการที่ทำหน้าที่บริหารกองทุน ร่างกฎหมายฯ มีหน้าที่วางกรอบหลักการ วัตถุประสงค์ และกรอบการใช้จ่ายเงินเท่านั้น เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น
• ทั้งนี้ เมื่อ พ.ศ.2567 ร่างกฎหมายอากาศสะอาดฉบับภาคประชาชน ได้ผ่านคำรับรองจาก นายเศรษฐา ทวีสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น ซึ่งต่อมาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จึงถือว่าได้ผ่านการกลั่นกรองตามขั้นตอนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลทุนหมุนเวียนเรียบร้อยแล้ว
5- ประเด็นอัตราโทษและบทกำหนดโทษ
• ร่างกฎหมายฯ มีทั้ง "มาตรการจูงใจ" (Carrot) และ "ไม้แข็ง" (บทลงโทษ)
• ผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมดีและให้ความร่วมมือ จะได้ประโยชน์จากมาตรการจูงใจ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากบทลงโทษ ในขณะที่อัตราโทษที่สูง จะมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และยังคงสร้างผลกระทบต่อส่วนรวมเท่านั้น
• การกำหนดบทลงโทษคำนึงถึงหลักความได้สัดส่วน เปรียบเทียบกับความร้ายแรงของผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และสังคมที่เกิดจาก PM2.5 ที่ผู้ประกอบการรายนั้น ๆ ได้สร้าง
💡 ข้อเรียกร้องจากภาคีเครือข่ายอากาศสะอาด ต่อวุฒิสภา และ กกร.
1- ต่อสมาชิกวุฒิสภา
• โปรดคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนที่สืบเนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นพิษ ทั้งในแง่ของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
• โปรดเร่งรัดการพิจารณา "ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ….” ในวาระที่ 2 และ 3 ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
• โปรดอย่าปล่อยให้ร่างกฎหมายเพื่อชีวิตของประชาชนชาวไทยและลูกหลานของท่าน ต้องตายไปในมือของท่านเอง เพราะ 'การยุบสภา'
• โปรดเข้าใจว่าสมาชิกวุฒิสภา คือ 'ความหวัง' ที่จะส่งมอบกฎหมายฉบับนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทย
2. ต่อ กกร. (คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน)
• โปรดทบทวนจุดยืน ยุติการคัดค้านร่างกฎหมาย
• โปรดเปลี่ยนมุมมองของท่าน กฎหมายนี้คือการ “สนับสนุน” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยรวมถึงลูกหลานของท่าน มิใช่ “ภาระ” แต่อย่างใด
• โปรดสนับสนุนให้ภาคธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ปัจจุบัน มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นใบอนุญาตทางการค้าในเวทีโลก และกฎหมายอากาศสะอาดคือ "การลงทุนระยะยาว" ที่จะยกระดับให้ภาคธุรกิจไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก
• โปรดให้ความสำคัญกับ “แรงงาน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ โดยให้พวกเขาได้มีอากาศสะอาด ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพ การลงทุนเพื่ออากาศสะอาดจึงเป็นการลงทุนเพื่อ "ความมั่นคง" และ "ประสิทธิภาพ" ในการดำเนินงานของธุรกิจโดยตรง


