ความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาขององค์กรระดับโลก “มิชลิน” มาจากพื้นฐานแนวคิดธรรมดาๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปจากหนังสือการบริหารจัดการ ว่าด้วยการสร้างสมดุลระหว่าง People, Profit และ Planet
เป็นความเรียบง่าย ที่มิชลินเรียกขานว่าเป็น “All Sustainable” หรือทางสายหลักของการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางเหล่านี้จะเป็นทางด่วนซูเปอร์ไฮเวย์ ที่คอยผลักดันห่วงยางมิชลิน ให้ไปถึง The Moon ได้โดยง่าย ในทางกลับกัน มันเป็นเส้นทางวิบากที่มีแต่หินกรวดทราย กว่ายางมิชลินจะเคลื่อนตัวเองไปต่อได้ ก็ต้องปาดเหงื่อไปหลายลิตร
มานูเอล ฟาเฟียง (Manuel Fafian) ประธานกลุ่มมิชลิน ประจําภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บอกว่า ความยั่งยืน และ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นทางที่ต้องเดินไปด้วยกัน กว่าร้อยปีของการดำเนินธุรกิจ บริษัทจึงใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านวัสดุวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ข้อมูล หลอมรวมกันเป็นนวัตกรรม เพื่อให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบายและปลอดภัยจากการเดินทางมากขึ้น เพราะมีแต่ล้อเท่านั้นที่อยู่ตรงกลางระหว่างพื้นผิวถนนกับยานยนต์
๐ People x Profit x Planet = All Sustainable
All Sustainable เป็นแนวคิดการทำธุรกิจของมิชลิน ที่มองว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ จะครอบคลุม 3 เสาหลักคือ People, Profit และ Planet โดยเชื่อว่าไม่มีโครงการใดจะยั่งยืนได้ หากไม่คำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“เราเชื่อมั่นในพลังของมนุษย์ ในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า เดินหน้าสู่โลกที่เทคโนโลยีและความยั่งยืน เดินไปพร้อมกัน ด้วยหลักการ All Sustainable” ฟาเฟียงกล่าว
People – เพราะผู้คนคือหัวใจของทุกการตัดสินใจ และมีแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้นถึงจะสร้างฝันให้เป็นจริงได้ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับพนักงานและชุมชนทั่วโลก หลักๆ คือ
- เน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Engagement) ทั่วทุกมุมโลก
- ส่งเสริมความปลอดภัย (Safety) และความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) ในองค์กร
- จัดโครงการ Michelin One Care Program ดูแลพนักงานและครอบครัวให้อุ่นใจเสมอ
- จัดหลักสูตรอบรม มากกว่า 525,000 ชั่วโมง ให้พนักงานทั่วโลกกว่า 11,600 คน ได้มา upskill/ reskill ทักษะใหม่ๆ ในการทำงาน
- พัฒนาคนเก่งภายใต้โครงการ “Frontline Operator Talent Pool” สนับสนุนพนักงานสายผลิตให้เติบโตขึ้นสู่ตำแหน่งบริหาร
Profit – สร้างธุรกิจให้เติบโต และเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ หลายปีมานี้มิชลินตั้งเป้าเติบโตอย่างมั่นคงและมุ่งสร้างมูลค่าทางธุรกิจระยะยาว สรุปคือ
- ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ( ตั้งแต่ปี 2023 - 2030)
- วางเป้าหมายรายได้ 27.2 พันล้านยูโร ภายในปี 2030 จากรายได้รวมในปี 2024 ซึ่งทำได้ 24.1 พันล้านยูโร
- ตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROCE) มากกว่า 10.5%
- รักษาความแข็งแกร่งของ แบรนด์ Michelin ผ่านกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจที่ขยายออกไป ได้แก่ การพัฒนาวัสดุคอมโพสิตขั้นสูง (Polymer Composite Solutions) สำหรับพื้นผิวต่างๆ เช่น เคลือบผ้า ฟิล์ม ซีล ท่อ และโครงสร้างลม, นำ AI และข้อมูลมาพัฒนาโซลูชัน (Connected Mobility) เพื่อความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง รวมถึงพัฒนาระบบการให้รางวัลกับโรงแรมระดับโลก (Michelin Keys) ในแนวทางเดียวกับ Michelin Stars ที่ประสบความสำเร็จถล่มทลาย จนกลายเป็นมาตรฐานหลักของร้านอาหาร
Planet – ปกป้องสิ่งแวดล้อม และรักษาความยั่งยืนของโลก มิชลินตั้งเป้าหมายระยะยาวเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่ Net Zero โดยจะพุ่งประเด็นไปที่
- การลดการปล่อยคาร์บอน (Scopes 1 & 2) ให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2050
- การเพิ่มสัดส่วนวัสดุหมุนเวียนและรีไซเคิล เป็น 40% ภายในปี 2030
- การพัฒนาโครงการยางธรรมชาติอย่างยั่งยืนในเอเชีย ได้แก่ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกร กว่า 45,000 รายในไทย และ 3,000 รายในอินโดนีเซีย, ฟื้นฟูพื้นที่ 15,000 เฮกตาร์ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงสร้างบ้านกว่า 1,000 หลัง และฝึกอบรมชุมชนกว่า 500 แห่ง
๐ นวัตกรรมยางล้อยั่งยืน
มิชลินเพิ่งเผยโฉมนวัตกรรมยางล้อแห่งอนาคต เมื่อเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา ในงาน Michelin APAC Media Day 2025 โดย ซีริลล์ โรเฌต์ (Cyrille Roget) ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์ของมิชลิน กล่าวว่า ยางรุ่นใหม่ที่ผลิตนี้เน้นการใช้งานที่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืน เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้คน และตอบโจทย์แนวคิด All Sustainable ได้อย่างลงตัว ได้แก่
- สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
- มุ่งเน้นคุณภาพชีวิตที่ดีในโรงงานและสายการผลิต
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ
- ใช้วัตถุดิบที่มาจากแหล่งผลิตท้องถิ่นและมีจริยธรรม
- ส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมและสภาพการทำงานที่เหมาะสม
- ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดอายุการใช้งาน
โรเฌต์อธิบายว่า 6 ปัจจัยหลักของยางยั่งยืน เป็นการมองรอบด้านในเรื่องของ
1. แรงต้านการหมุน (Rolling Resistance) – ยิ่งน้อย ยิ่งช่วยประหยัดพลังงาน
2. อายุการใช้งานยาวนาน (Longevity) – ลดการเปลี่ยนยางบ่อยและลดของเสีย
3. การปล่อยฝุ่น/อนุภาค (Particle Emissions) – ลดฝุ่นยางจากการสึกหรอ
4. การออกแบบและมวลของยาง (Design & Mass) – เน้นความทนทานและเบา
5. ลักษณะของวัสดุ (Nature of Materials) – ใช้วัสดุที่ยั่งยืนและรีไซเคิลได้
6. ทรัพยากรในกระบวนการผลิต เช่น น้ำ ของเสีย ตัวทำละลาย พลังงาน และ CO₂
“มิชลินยืนหยัดในบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยียางที่ยั่งยืน ด้วยแนวคิดที่รวมความปลอดภัย คุณภาพ การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้าอย่างสมดุลและยั่งยืน” โรเฌต์กล่าว
๐ ฝันจากนี้ของมิชลิน
การเติบโตของกลุ่มบริษัทมิชลิน ช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ทำให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเป็นอันดับสองของโลก
กีโยม จูลเลียนน์ (Guillaume Jullienne) ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์กลุ่มมิชลิน กล่าวว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการเพิ่มขีดความสามารถเตรียมพร้อมสู่อนาคตท่ามกลางความผันผวน “การเติบโตนี้ช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถสูงสุด และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
All Sustainable เป็นแนวคิดธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาเวลาลงมือทำ เส้นทางที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่มีขวากหนาม แต่บริษัทก็ภาคภูมิใจ (Recap : We can be proud) จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่ามากขึ้น ทั้งต่อผู้คน ธุรกิจ และสิ่งแวดล้อม (Now : We focus on value) เพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจจากล้อยาง สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันวัสดุคอมโพสิต ที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการเดินทาง การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ ไปจนถึงพลังงานคาร์บอนต่ำ (Next : We are playing bigger)
แผนกลยุทธ์ Michelin in Motion 2030 บริษัทมุ่งเติบโตตามเป้าหมายในส่วนของยางรถยนต์ และเร่งพัฒนาโซลูชั่นการสัญจรที่เชื่อมต่อ รวมถึงโซลูชั่นพอลิเมอร์คอมโพสิต โดยทั้งสองกิจการ จะเพิ่มยอดขายให้ได้ไม่น้อยกว่า 20-30% ของยอดขายรวมทั้งหมด
มิชลินฝันว่า ภายในปี 2050 มิชลินจะช่วยเหลือโลกผ่านนวัตกรรม ใน 4 ประเด็นหลักคือ
1. ทุกผลิตภัณฑ์ที่มิชลินผลิต จะต้องได้รับการรีไซเคิลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
2. พนักงานทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการทำงานที่เขารัก
3. กิจกรรมของมนุษย์ มีผลกระทบโดยตรงต่อภาวะโลกร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ
4. อนาคตจากนี้ไปมนุษย์ทุกคน จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และมีชีวิตยืนยาวขึ้น
ตอบโจทย์ All Sustainable ครบ loop เพื่อให้ทั้ง 3P win win game ./


