ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ต่อยอดโครงการ 'ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่' ผนึกผสานพันธมิตรภาครัฐ เอกชน และชุมชนเปิด 'สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลในชุมชน' ในจังหวัดระยอง เป็นแห่งแรก พร้อมตั้งเป้าขยายต่อ
•ย้ำความเป็นผู้นำด้าน ‘บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน‘
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายแรกของไทย บุกเบิกการใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 และปัจจุบันก็ยังเป็นผู้ประกอบการที่ใช้บรรจุภัณฑ์ rPET มากที่สุดของตลาดรวมกว่า 20 SKUs
ความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง GC ในการพัฒนานวัตกรรมฝาขวดน้ำหนักเบา ที่ลดการใช้พลาสติก HDPE ลงถึง 16% จาก 2.15 กรัม เหลือเพียง 1.80 กรัมต่อฝา รวมถึงยกเลิกการพิมพ์สีโลโก้บนฝา เพื่อลดการปล่อย CO2 และทำให้ง่ายต่อการนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล นำมาสู่การขยายการขับเคลื่อนในการจัดการบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ให้ครอบคลุมมาถึงส่วนการดูแลหลังการบริโภคอย่างเป็นรูปธรรม โดยการต่อยอดโครงการเพื่อสังคม ‘ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่‘ มาสู่การเปิด ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล’ ในพื้นที่ตำบล มาบยางพร จังหวัดระยอง เพื่อขยายโมเดลมาสู่ระดับชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น
• รัฐ -เอกชน -ชุมชน ร่วมสร้างโมเดลต้นแบบ
วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย รองประธานบริหารฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ’สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล’ เป็นโมเดลตัวอย่างการสร้างความร่วมมือของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งชุมชนในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนโครงการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการช่วยเติมวัตถุดิบในกลุ่มพลาสติกรีไซเคิล เพื่อทดแทนการใช้พลาสติกใหม่ และลดปริมาณขยะที่จะไปสู่หลุมฝังกลบลงได้ ขณะที่คนในชุมชนก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการคัดแยกขยะ พร้อมทั้งช่วยปลูกฝังพฤติกรรมคนในชุมชนให้มีการแยกขยะได้อย่างถาวร
“ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากการที่เรามีพันธมิตรร่วมขับเคลื่อน ทั้งจากภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น คือ อบต.มาบยางพร รวมทั้งภาคเอกชน ที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน GC YOUเทิร์น เข้ามาสนับสนุนด้านการขนส่ง ทั้งเข้ารับวัสดุรีไซเคิลที่สถานีซื้อขายขยะ และจัดส่งต่อสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ The Geen ที่ช่วยวางรากฐานและร่วมออกแบบโครงการฯ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อเข้าใจบริบทของชุมชน ทดลองดำเนินกิจกรรมซื้อขายขยะ การพัฒนาศักยภาพตัวแทนชุมชน การจัดเวิร์กช็อปให้กลุ่มนักเรียน ภายใต้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความตั้งใจจริงในการบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบ เพื่อสามารถขับเคลื่อนโมเดลสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิลให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในอนาคตมีแผนขยายการขับเคลื่อนโมเดลไปยังพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีโรงงานของบริษัทตั้งอยู่เช่นกัน”
• ‘สถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล ขับเคลื่อน 3 กิจกรรมหลัก
– การซื้อขายขยะรีไซเคิล โดยเบื้องต้น จะทำการรับซื้อขยะ 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ขวดพลาสติก PET ขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม กล่องกระดาษ และน้ำมันพืชใช้แล้ว ซึ่งสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนได้ (SAF) โดยทางซันโทรี่จะเข้ามาทำการรับซื้อเดือนละ 2 ครั้ง พร้อมจูงใจด้วยการแจกถุงตาข่ายสำหรับแยกขยะ และมุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกับชุมชน โดยการพัฒนาตัวแทนชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานีร่วมกัน
– การให้ความรู้ ถ่ายทอดเทคนิคการคัดแยกขยะเพื่อเพิ่มมูลค่าแก่คนในชุมชน และจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปให้นักเรียนในพื้นที่กว่า 200 คน เพื่อปลูกฝังแนวคิดเรื่องการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งในอนาคตสามารถต่อยอดให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และสามารถขยายโมเดลการบริหารจัดการไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในอนาคตได้
– การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถให้ชุมชนสามารถขับเคลื่อนโครงการให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ด้วยตัวเองในอนาคต ซึ่งทางซันโทรี่ ตั้งใจที่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการในช่วงเริ่มต้น พร้อมงบในการสนับสนุนและใช้เป็นเงินหมุนเวียนจำนวน 30,000 บาท ซึ่งหากบริหารจัดการได้ดี จะสามารถเติบโตและต่อยอดเป็นรูปแบบหนึ่งของธุรกิจชุมชนที่สร้างทั้งรายได้ และนำมาซึ่งการพัฒนาในด้านอื่นๆ ให้ชุมชนได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการ ‘ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่‘ โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังมุ่งส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ดำเนินการไปในชุมชน และอีเวนท์ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนอย่างจริงจัง พร้อมส่งเสริมพฤติกรรมการแยกขยะให้คนไทยอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำค่านิยมองค์กร ‘Growing for Good’ และ ‘Giving Back to Society’ มาสู่การลงมือทำจริง ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการดูแลโลกใบนี้ไปด้วยกัน เพราะทุกขวดที่หมุนเวียนกลับมา คือก้าวเล็ก ๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมของเรา