xs
xsm
sm
md
lg

อบก.เผยผลสำรวจตลาดคาร์บอนฯ ปี'68 พร้อมเปิดตัว “TGO Showroom” แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และ ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
อบก. เปิดผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2568 ชี้เอกชนเริ่มตื่นตัวต่อโอกาสทางธุรกิจ แนวโน้มตลาดเติบโต แต่เผชิญข้อจำกัดหลายด้าน แนะการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องดำเนินการเชิงระบบในหลายมิติ

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. จัดแถลงผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2568 : The 2025 Thailand’s Voluntary Carbon Market Outlook” พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายคาร์บอนเครดิต “TGO Showroom” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายในรูปแบบ Carbon Credit Marketplace ที่สะดวก รวดเร็ว และรองรับระบบการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ โดยมี ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กล่าวเปิดงาน และ ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กล่าวรายงานผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทย ปี 2568 พร้อมผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมในพิธีเปิดงานในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร C ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เปิดเผยว่า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. หรือ TGO ดำเนินการสำรวจสถานการณ์ตลาดคาร์บอนประเทศไทยในปัจจุบันและภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และคาดการณ์ปริมาณความต้องการคาร์บอนเครดิต (Market demand) และปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะเข้าสู่ตลาด (Market supply) รวมถึงศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนประเทศไทย ให้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

บุญรอด เยาวพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด
สำหรับรายงานสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยประจำปี 2568 ซึ่งได้รวบรวม วิเคราะห์ และคาดการณ์ พบว่า ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (VCM) เป็นกลไกเชิงนโยบายที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในต้นทุนที่เหมาะสม และสร้างความยืดหยุ่นแก่ภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นกลไกที่เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างสมัครใจ

ทั้งนี้ ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทยอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนานโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและตลาดคาร์บอน โดยผลการสำรวจสะท้อนว่า ภาคเอกชนไทยเริ่มตื่นตัวต่อโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน และขาดความเข้าใจในผลกระทบทางกายภาพ ขณะเดียวกัน หลายองค์กรยังต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมต่อข้อกำหนดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาเครื่องมือและสร้างความรู้พื้นฐาน

ความสนใจในตลาดคาร์บอนเครดิตกำลังขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ต้องการเตรียมความพร้อมตามนโยบายภาครัฐและเป้าหมายองค์กร แต่ตลาดยังมีความไม่แน่นอน ทั้งด้านพฤติกรรมการซื้อขาย ราคาคาร์บอน และมาตรฐานที่เลือกใช้ ซึ่งสะท้อนข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง อาทิ ความรู้ที่ถูกต้อง งบประมาณจำกัด และการขาดระบบราคาที่น่าเชื่อถือ

การเสวนาในหัวข้อ บทบาทและมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ สำหรับการเป็นผู้เล่นในตลาดคาร์บอน
สำหรับด้านอุปทาน แม้มีการพัฒนาโครงการภายใต้มาตรฐาน T-VER อย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการยกเลิกคาร์บอนเครดิตยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนภาวะอุปทานล้นตลาดและกลไกตลาดที่ไม่สมดุล แนวทางแก้ไขที่เสนอ คือ การยกระดับมาตรฐาน T-VER ให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล การจัดตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายที่โปร่งใส และการสนับสนุนด้านการเงินและองค์ความรู้ โดยสรุป ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของไทยมีแนวโน้มเติบโตแต่ยังเผชิญข้อจำกัดหลายด้าน ได้แก่ ความไม่ชัดเจนของกรอบนโยบายและกฎหมาย ความขาดแคลนทรัพยากรและงบประมาณ ความรู้ความเข้าใจในตลาดที่ยังจำกัดในกลุ่มผู้เล่นใหม่ และปัญหาในการเข้าถึงตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ หากขจัดข้อจำกัดเหล่านี้ได้จะเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนของตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยในอนาคต

การส่งเสริมให้ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องดำเนินการเชิงระบบในหลายมิติ ทั้งการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน เทคโนโลยี และกลไกเชิงระบบที่เอื้อต่อการพัฒนาตลาดคาร์บอน เช่น การจัดตั้งกองทุนสนับสนุน และการลงทุนในระบบนิเวศของเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ไม่เพียงแค่เร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่รวมถึงการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อมีเป้าหมายให้ภาคเอกชนลงทุนในดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิต การผลักดันมาตรฐานสู่ระดับสากลเพื่อให้ตลาดกว้างขวางขึ้น และการพัฒนาตลาดให้เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อวางรากฐานให้ตลาดคาร์บอนของไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป

ผลสำรวจนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ผู้พัฒนาโครงการ และภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการนำไปเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับองค์กรและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจของประเทศไทย เพื่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ "บทบาทและมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ สำหรับการเป็นผู้เล่นในตลาดคาร์บอน" เพื่อให้เห็นถึงบทบาทของผู้เล่นจากภาครัฐและภาคเอกชนในปัจจุบันที่มีผลกระทบต่อตลาดคาร์บอน รวมถึง บทบาทที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาตลาดคาร์บอนในอนาคต โดยมีผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย นภาพร จิระพันธุ์ทอง ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ , สุรพล บุพโกสุม ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , กลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , บุญรอด เยาวพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด , อโณทัย สังข์ทอง ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารและทะเบียนคาร์บอนเครดิต องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)


พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายคาร์บอนเครดิต “TGO Showroom” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายในรูปแบบ Carbon Credit Marketplaceที่สะดวก รวดเร็ว และรองรับระบบการชำระเงินหลากหลายรูปแบบอีกด้วย

ท่านที่สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงาน “รายงานผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี2568 : The 2025 Thailand’s Voluntary Carbon Market Outlook” ฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์ตลาดคาร์บอน https://carbonmarket.tgo.or.th


กำลังโหลดความคิดเห็น