xs
xsm
sm
md
lg

Review: Little Nightmares III เกมเล็กๆในราคาดุจฝันร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แนวเกม สยองขวัญพัซเซิล
แพลตฟอร์ม PS5, PS4, Xbox Series, Xbox One, Switch, PC

เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป


ภาคสามของตำนานเกมสุดหลอนซ่อนปรัชญาแสนลุ่มลึก ที่ไม่มีใครนึกว่ามันจะทำลายทิ้งทุกมาตรฐานสิ่งดีงามที่ตัวเกมสองภาคแรกเคยทำเอาไว้

อันดับแรกต้องชี้แจงก่อนว่า Little Nightmares III มันไม่ได้เป็นเกมที่ถูกสร้างสรรค์โดยทีมงานหน้าเก่าชุดเดิมอย่าง Tarsier Studios อีกต่อไปแล้ว แต่เกิดจากฝีมือของทีมพัฒนาหน้าใหม่ยกชุดอย่าง Supermassive Games (สตูดิโอผู้พัฒนาเกม Until Dawn) ที่ทาง บันไดนัมโค ตัดสินใจเลือกมาเพื่อรับช่วงต่อแทนทีมงานชุดเก่าที่ขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าทีมใหม่ที่มารับไม้ต่อนี้พวกเขาจะเคยมีประวัติทำเกมสยองขวัญชื่อดังมาตั้งมากมาย แต่ด้วยความที่นี่มิใช่แฟรนไชส์ที่พวกเขาปั้นเองมากับมือ มันจึงเกิดช่องว่างสุญญากาศที่ต่อให้เอาคนเก่งเทพมาจากไหนก็ไม่มีทางเชื่อมติดกันได้สนิทเหมือนตัวบิดาผู้ให้กำเนิด

เรื่องราวของเด็กชายกับเด็กหญิงที่ติดอยู่ในฝันร้าย
เนื้อหาในภาคสามนี้จะติดตามการเดินทางของ 2 ตัวละครเอก คนหนึ่งเป็นเด็กชายสวมหน้ากากอีกานาม "โลว์" ส่วนอีกคนเป็นสาวน้อยสวมชุดจัมป์สุทนาม "อะโลน" โดยทั้งคู่ต่างติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอันไร้จุดหมายที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว หนทางเดียวที่จะหลบหนีออกไปจากฝันร้ายสุดสยองนี้คือเขาและเธอจำเป็นต้องจับมือร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปริศนา ลอบเร้น รวมถึงต่อสู้ฟันฝ่าทุกศัตรูอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา

อยากเล่นเป็นใคร เลือกได้เลย
ก่อนเล่นตัวเกมจะให้เราเลือกว่าอยากเป็นตัวละครผู้ชายยิงธนูสุดแม่นยำ หรืออยากเป็นตัวละครผู้หญิงแรงควายถนัดใช้ประแจฟาดทุบทำลาย ไม่ว่าเลือกเป็นใครเราก็ต้องเล่นให้สมบทบาทตามหน้าที่ของตัวละครนั้นๆและพยายามประสานงานร่วมมือกับอีกฝ่ายให้เป็นทีมเวิร์ค เช่น เวลาเจอหุ่นตุ๊กตาหัวโตวิ่งไล่ล่า คนที่เล่นเป็นโลว์ต้องชักธนูขึ้นมายิงหัวของมันให้หลุดออกจากร่าง แล้วอีกคนต้องคอยหาจังหวะเข้าไปทุบทำลายหัวที่ตกอยู่บนพื้นเป็นต้น ซึ่งถ้าใครเล่นสองคนกับเพื่อนก็ต้องพูดคุยสื่อสารกันให้ดี แต่หากใครไม่มีเพื่อนเล่นด้วยตัวช่วย AI สมองกลก็พอที่จะทดแทนกันได้ เผลอๆอาจเล่นเก่งเล่นเป็นกว่าเราด้วยซ้ำเพราะพวกมันจะรู้ล่วงหน้า จุดไหนต้องซ่อน จุดไหนต้องกดปฏิสัมพันธ์ เราแค่สังเกตดูและคอยทำตามเท่านั้นเอง

เห็นอะไรลอยๆแล้วมีเชือกผูกอยู่ ลองใช้ธนูยิงดูสิ!

AI คู่หูที่ฉลาดรู้งาน
นอกเหนือจากธนูและประแจที่เป็นอาวุธหลักของตัวละครเอกทั้งสองแล้ว บางฉากบางซีนภายในเกมยังแอบมีการสอดแทรกลูกเล่นใหม่ๆมาให้เราแก้เบื่อ อย่างในฉากหนึ่งที่มีกระแสลมเป่าพัดขึ้นจากพื้น หากเรายืนตรงจุดนั้นแล้วกางร่มร่างกายก็จะลอยล่องขึ้นไปในแนวดิ่งและถ้าเกิดหุบร่มตัวเราก็จะร่วงหล่นลงมา นับเป็นแมคคานิคไต่-ลดระดับความสูงที่น่าสนใจดีทีเดียว ทว่าน่าเศร้าที่ลูกเล่นเหล่านี้มันถูกใส่มาให้สนุกตื่นเต้นแค่ฉากสองฉากแล้วก็โยนทิ้งลงถังขยะไป กว่า 80% ของเกมที่เหลือคือมุกหากินนำฟิวส์มาใส่ให้ระบบไฟฟ้าทำงานแบบเดิมๆที่แฟนคลับซีรีส์คงรู้สึกเอียนผ่านตากันมาบ่อยแล้ว

ลูกเล่นกางร่ม เล่นกับแรงลมที่ใส่มาแค่ไม่กี่ฉาก

นอกนั้นก็เดินตามหาฟิวส์เหมือนเก่า
ด้านกราฟิก มุมมอง และโทนบรรยากาศยังคงรักษากลิ่นอายเดิมของซีรีส์เอาไว้ เวลาส่วนใหญ่คุณจะได้บังคับตัวละครเดินสำรวจหยิบจับวัตถุสิ่งของภายในห้องมืดๆแสงไฟสลัวๆเพื่อหาทางไปต่อ ซึ่งความมืดมันไม่ใช่อุปสรรคอะไรนักหรอก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับเราจริงๆนั่นคือบรรดาพวกข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นกุญแจสำคัญมันดันกลมกลืนสนิทไปกับฉากพื้นหลังด้วยนี่สิ! ขนาดของวางอยู่ตรงหน้า เรากลับเมินมองข้ามเดินผ่านมันไปเพราะคิดว่าเป็นแค่ของประดับฉาก ถึงแม้ในเมนูการปรับตั้งค่าจะมี ตัวช่วยเหลือแสดงไฮไลท์สิ่งของ หรือจุดที่น่าสนใจมาให้เลือก ทว่าพอเปิดใช้มันก็ทำลายมู๊ดอารมณ์บรรยากาศของเกมไปเสียหมด ทั้งที่เรื่องนี้เป็นปัญหาจิ๊บจ๊อยแค่ทำสิ่งของสำคัญให้แลดูเด่นสะดุดตาขึ้นมาสักหน่อยมันก็จบแล้วแท้ๆ

แสงเงาส่องสะท้อนช่างสมจริงสมจัง

บรรยากาศที่ชวนบิ๊วอารมณ์

แต่ทำไมมันมืดจัง ฉากนี้ให้ทำอะไร สำรวจเครื่องพิมพ์ดีด?

ไหนลองเปิดใช้ตัวช่วยหน่อยสิ

ไอ้บ้า ของตรงหน้าแค่เอื้อมกลับสังเกตไม่เห็น!!

ฟีเจอร์ไฮไลท์ข้าวของ หากใช้บ่อยๆมันก็ดูเกร่อความน่ากลัวหายหมด
หลังจากได้ลองสัมผัสผลงานเกมภาคสาม เชื่อว่าแฟนตัวยงขาประจำซีรีส์คงรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยอะไรบางอย่าง มีหลายจุดที่ชวนให้ร้องเอ๊ะเหมือนเคยเห็นมันมาแล้ว ไม่ว่าจะบอสป้าแมงมุมเอยหรือเจ้าของสวนสนุกที่ถือปืนลูกซองมาไล่ยิงเรา ทุกสิ่งล้วนเป็นไอเดียที่หยิบยกมาจากภาคเก่าก่อนทั้งสิ้น เพียงแค่ย้อมสีเปลี่ยนบริบทจับเอามาเล่าใหม่ในสถานการณ์ที่ต่างออกไปเท่านั้น หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนตอนเห็นครั้งแรกมันอาจดูหลอนชวนผวาก็จริง แต่พอนำกลับมารีรันฉายซ้ำรอบที่สองมันก็ไม่อาจปลุกขนแขนเราให้สแตนด์อัพได้อีกแล้ว พูดไปก็น่าแปลกใจที่ทีมพัฒนามากประสบการณ์ผู้เคยผ่านเกมสยองขวัญมาตั้งมากมายกลับมาพลาดท่าตกม้าตายในเรื่องเบสิคพื้นฐานแบบนี้

มีแต่ซีนคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ

อ้าว ลุงควักลูกซองมายิงแบบนี้...ก็ชัดเลย
ไม่เพียงแค่เรื่องไอเดียความคิดสร้างสรรค์ที่โดนดราม่า เรื่องความสั้นกุดของเกมก็เป็นอีกจุดที่หลายคนบ่นอุบกัน เนื่องจากปริมาณคอนเทนต์ภายในเกมหลักมันบรรจุมาให้เราเล่นแค่ 4 Chapter เท่านั้น แถมเนื้อหาแต่ละบทเองมันก็ไม่ได้ยืดยาวอะไรนัก นั่งเล่นไปสักพักเผลอแปบเดียวก็จบแล้ว นี่ขนาดผู้เขียนติดประมาทพลาดท่าตายบ่อยเกิดใหม่ไปหลายสิบรอบยังใช้เวลาเคลียร์เกมแค่ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง ถ้าหากใครชำนาญเล่นเก่งเวลารวมก็อาจจะหดสั้นลงไปมากกว่านั้น เทียบราคาขายหลักพันกับเกมซิงเกิลเพลย์เยอร์ที่ไม่มีอะไรให้ทำต่อหลังเล่นจบแล้ว มันจึงดูไม่ค่อยสมเหตุผลคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องจ่ายสักเท่าไหร่

เนื้อหาของเกมหลักบรรจุมาแค่สี่บทเท่านั้น

ส่วนสองบทเสริมถูกล็อคไว้ใน DLC อยากเล่นต้องจ่ายเพิ่ม

อีกครึ่งอยู่ในเนื้อหาเสริมสินะ จี๊ดดเลยย!!
"Little Nightmares III มันไม่ได้เป็นการต่อยอดหรือยกระดับสิ่งใดให้กับแฟรนไชส์เลย ที่มันทำก็แค่หยิบนำกิมมิคของสองภาคแรกมาปั่นผสมรวมกันแล้วจัดเสิร์ฟลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มักเกิดขึ้นเมื่อทีมใหม่ต้องมารับผิดชอบสานต่องานจากทีมเก่า สิ่งที่พวกเขาพอทำได้คือการศึกษาลอกเลียนสิ่งที่เคยเป็นมาก่อนและพยายามยึดตามแนวทางนั้น ไม่กล้าคิดนอกกรอบนำเสนอนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ และหากมันยังคงดำเนินในเส้นทางนี้ต่อไปเราเกรงว่าชื่อของ 'ลิตเติ้ลไนท์แมร์' อาจกลายเป็นฝันร้ายของชาวเกมเมอร์ขึ้นมาจริงๆ"

เกมเพลย์7
กราฟิก7
เสียง7
ปริมาณเนื้อหา5
ความคิดสร้างสรรค์      7
ภาพรวม6.6

สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท บันไดนัมโค Bandai Namco Entertainment




*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*


กำลังโหลดความคิดเห็น