xs
xsm
sm
md
lg

พาอัปเดต Consumer Insight ปี 2026: เทรนด์อะไรที่กำลังเปลี่ยนเกมแบรนด์?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปี 2026 กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการการตลาด เพราะ ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้สนใจว่าแบรนด์ไหนเสียงดังที่สุดอีกต่อไป แต่สนใจว่า แบรนด์ไหนเข้าใจเขามากที่สุดและนี่คือเหตุผลที่ทุกแบรนด์ต้อง “เริ่มจาก Insight” ก่อน “เริ่มซื้อสื่อ”

วันนี้การตลาดไม่ได้เริ่มจากการจองบูธงานอีเวนต์ หรือเช่าป้ายโฆษณาอีกแล้ว แต่เริ่มต้นที่คำถามว่า “คนที่จะเห็น…ต้องการอะไร?” เพราะผู้บริโภคให้ค่ากับ ความเร็ว ความจริงใจ และคำตอบที่ตรงใจ มากกว่า Copy โฆษณาที่ถูกขัดจนเนียน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคปัจจุบันใช้หลายหน้าจอพร้อมกัน ตั้งแต่มือถือ–แท็บเล็ต–โน้ตบุ๊ก การเลือกสื่อต้อง “ถูกจังหวะ ถูกสถานการณ์” และออกสู่สายตาคนดูในช่วงที่เขามี Mindset พร้อมจะรับสารจริง ๆ

ในขณะเดียวกัน เส้นทางการตัดสินใจซื้อก็ซับซ้อนกว่าเดิมมาก—เต็มไปด้วยการค้นหา รีวิว เทียบราคา เช็กคอมเมนต์ ไปจนถึงดูประสบการณ์จากผู้ใช้จริง ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ที่ เข้าใจ Insight ก่อนยิงสื่อ จะมีโอกาส ชนะใจผู้บริโภค ได้ดีกว่า และใช้งบโฆษณาได้ “คุ้มค่ากว่า” อย่างเห็นได้ชัด

ปี 2026 — ปีแห่งความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
ปี 2026 คือปีที่ผู้บริโภค “ชัดเจนกว่าเดิม” ในทุกการตัดสินใจ พวกเขามองหาแบรนด์ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของตัวเองจริง ๆ ใช้งานง่าย เข้ากับค่านิยมส่วนตัว และไม่ซ่อนนัยใด ๆ ไว้ใต้โฆษณาสวยหรู การซื้อสินค้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ขึ้นกับประสบการณ์ ความสะดวก ความโปร่งใส และความรู้สึกว่าแบรนด์ “เข้าใจเรา” ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นใช้งาน

ในตลาดที่การแข่งขันสูงและผู้บริโภคตรวจสอบทุกอย่างละเอียดขึ้น แบรนด์ที่ปรับตัวไว มองเห็น Insight ก่อนใคร และเลือกใช้สื่อได้อย่างแม่นยำ จะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะในยุคนี้ ไม่ใช่แบรนด์ที่ดังที่สุด—but the one who understands people the most.
Consumer Insight ปี 2026 ที่นักการตลาดต้องรู้

ในปี 2026 เรียกได้ว่าปีที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วแบบจับต้องได้ ความเร็ว ความจริงใจ และประสบการณ์ตรงกลายเป็นตัววัดความสำเร็จของแบรนด์ และนักการตลาดต้องมีความเข้าใจถึง Insight ก่อนสื่อ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เข้าถึงใจคนจริงๆ


Insight 1 — Human Touch + AI Assist คือความสมดุลใหม่

• ผู้บริโภคในปี 2026 ชื่นชอบความเร็วและความแม่นยำจาก AI แต่ขณะเดียวกันก็ยังโหยหาความเป็นมนุษย์ที่เข้าใจความรู้สึกจริง ๆ แบรนด์ที่สามารถผสานสองสิ่งนี้อย่างสมดุล—ให้ AI จัดการความเร็วและข้อมูล ส่วนทีมมนุษย์ดูแลความสัมพันธ์และความอุ่นใจ—จะเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคได้มากที่สุดในปีนี้.

Insight 2 — Attention Economy รุนแรงกว่าเดิม

• ผู้บริโภคในปี 2026 ให้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีต่อคอนเทนต์ ทำให้โฆษณาต้อง “เข้าเรื่องให้เร็ว” และสื่อสารให้ชัดตั้งแต่เฟรมแรก แบรนด์ที่สามารถดึงความสนใจได้ทันทีและไม่ปล่อยให้คนไถผ่าน คือแบรนด์ที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคที่ความสนใจสั้นลงกว่าที่เคย.

Insight 3 — คน Gen Z และ Alpha ออกนอกบ้านมากขึ้น

● พฤติกรรมใช้ชีวิตนอกบ้านกลับมาคึกคัก ทำให้แบรนด์มีโอกาสเข้าถึงคนกลุ่มนี้ผ่าน OOH ได้มากขึ้นแบบไม่รู้ตัว ทั้งระหว่างเดินทาง ท่องเที่ยว ทำกิจกรรม หรือแฮงเอาต์ จุดแตะตาทุกแห่งกลายเป็นพื้นที่สื่อที่มีมูลค่ามากกว่าเดิม

Insight 4 — Real-Life Experience สำคัญกว่า Engagement

● ผู้บริโภคมองสื่อในชีวิตจริงว่า “น่าเชื่อถือกว่าออนไลน์” เพราะจับต้องได้ เห็นจริง เกิดขึ้นตรงหน้า แบรนด์ที่สร้างประสบการณ์จริง

Insight 5 — Personalization คือสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องทำ

● โฆษณาในปี 2026 ต้อง ตรงพื้นที่–ตรงเวลา–ตรงความสนใจ เท่านั้น ถึงจะเข้าถึงผู้บริโภคได้จริง เพราะคนไม่สนใจคอนเทนต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเขา

เทรนด์มาแรงปี 2026 ที่ส่งผลต่อการตลาดและการเลือกสื่อ

การตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว Short-form video มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นมากๆ ทำให้คอนเทนต์ของแต่ละแบรนด์ต้องเข้าถึงง่ายและรวดเร็ว Creator economy ยังต้องคงความแข็งแรง แบรนด์ต้องร่วมมือกับผู้สร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริง Local Marketing กลับมาน่าสนใจ แน่นอนว่าการสร้างโฆษณาที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์เข้าถึงและสร้างความเชื่อใจได้จริง

แบรนด์ต้องปรับตัวยังไงให้ทันโลกการตลาดปี 2026?

ถ้าอยากให้แบรนด์ไม่ตกเทรนด์ในปี 2026 ลองคิดแบบเพื่อนในสายการตลาดเลยนะ นี่คือสิ่งที่ทำได้จริงๆ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1) ทำคอนเทนต์ให้เข้าใจเร็วที่สุดภายใน 3 วิ

Short-form video โตแบบหยุดไม่อยู่ ใครยังทำวิดีโอยาวเกิน 30 วินาที อาจพลาดความสนใจของคนง่ายๆ

2) ใช้สื่อออฟไลน์เพื่อสร้าง Trust ในโลกที่คนเบื่อจอ

สื่อออฟไลน์ กลายเป็นตัวสร้าง Trust ได้จริง เพราะจับต้องได้ เห็นด้วยตาและฝังแบรนด์เข้าไปในชีวิตประจำวันแบบเป็นธรรมชาติ

3) วางแผนสื่อแบบ Multi-Touchpoint (ออนไลน์ + ออฟไลน์)

การวางแผนสื่อต้องเป็น Multi-Touchpoint ผสมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้แบรนด์อยู่ใกล้ผู้บริโภคในทุกโมเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นพวกโฆษณาบนมือถือ ป้ายโฆษณา OOH ใกล้ที่ทำงานหรือคอนเทนต์โซเชียลที่ต่อยอดจากกิจกรรมจริง ทำให้แบรนด์เข้าถึงและสร้างความเชื่อใจได้อย่างเต็มที่

4) ทำ Personalization แบบเจาะพื้นที่ (Hyperlocal)

เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมาก แทนที่จะทำแค่การยิงโฆษณาแบบกว้างๆ เราควรมาเน้นในเรื่องของ ตรงพื้นที่–ตรงเวลา–ตรงความสนใจ เช่น โปรโมชั่นร้านกาแฟเฉพาะสาขาใกล้ผู้ใช้หรือกิจกรรมเฉพาะชุมชน ทำให้คนรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและรู้สึกเข้าถึงแ บรนด์ได้จริงๆ

5) วัดผลให้ได้ทั้ง Awareness + Impact ในพื้นที่จริง

การวัดผลสื่อไม่พอแค่ Online Metrics ต้องวัด ทั้ง Awareness และ Impact ในพื้นที่จริง เช่น ดูยอดคนเดินผ่านป้าย OOH, จำนวนเข้าร่วมกิจกรรมหรือการสแกน QR จากสื่อออฟไลน์ เพื่อให้รู้ว่าแบรนด์สร้างผลลัพธ์จริงไม่ใช่แค่ตัวเลขออนไลน์

บทบาทของ OOH ในปี 2026 — ไม่ใช่สื่อดั้งเดิม แต่คือ


“สื่อที่ผู้บริโภคเห็นจริง”
บทบาทหน้าที่ของ OOH นั้นไม่ใช่แค่สื่อที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เป็นสื่อที่จะทำให้ผู้บริโภคได้เห็น ถึงสินค้าที่จับต้องได้และมีความเชื่อถือ เพราะในยุคนี้มีผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น แน่นอนว่าสื่อจะไม่โดน ad-block และอยู่ในจุดที่คนดูได้แบบซ้ำๆ จึงทำให้ผู้บริโภคสามารถจำแบรนด์ได้ง่ายกว่าบน feed ads เหมาะกับยุคที่ทุกคนต้องการ Real & Trustworthy Media ที่สร้างความเชื่อใจได้จริง

เหตุผลที่ OOH โตในปี 2026
● ผู้บริโภคออกนอกบ้านมากขึ้น ทำให้เห็นสื่อในชีวิตจริงมากกว่าเดิม
● ไม่โดนปิดกั้นแบบ ad-block เหมือนออนไลน์
● สร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า feed ads เพราะจับต้องและเห็นด้วยตาจริง
● อยู่ในจุดที่คนมองซ้ำ ทำให้จำแบรนด์ได้จริง
● เหมาะกับยุคที่ต้องการ “Real & Trustworthy Media” ที่ผู้บริโภครับรู้และเชื่อใจได้
เชื่อมภาพรวมสู่บริการของ adsbnb — เพราะ OOH ไม่ใช่แค่ป้าย แต่คือ “ประสบการณ์พื้นที่จริง”
OOH ไม่ใช่แค่ป้ายโฆษณาแต่กลายเป็น “ประสบการณ์พื้นที่จริง” ที่คนจับต้องและจำได้ การเลือกจุดวางสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และแน่นอนว่านี่คือจุดที่ adsbnb เข้ามาช่วยทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้นได้ง่าย สะดวก และตรงเป้าหมาย แค่เพียงคุณได้ เช่าป้ายโฆษณา ครั้งเดียว ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคได้เห็นและจดจำได้

จุดเด่นของ adsbnb ที่ควรสื่อ
● ป้ายโฆษณาเข้าพื้นที่จริง เช่น คอนโด หมู่บ้าน หรือจุดรอรถ ทำให้เห็นสื่อในชีวิตประจำวัน
● เข้าถึง พื้นที่ใกล้ตัวผู้บริโภค แบบ Hyperlocal OOH
● เหมาะกับแบรนด์ที่อยากเจาะชุมชนหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
● งบไม่สูง แต่สร้างการมองเห็นซ้ำและจดจำได้จริง
● วัดผลได้ชัดเจนขึ้นด้วยยุค Data + AI ทำให้ทุกการลงทุนมีข้อมูลรองรับ
Checklist สำหรับนักการตลาดยุค 2026 (อ่านง่ายแบบ Ad Addict)
● มีการเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว
● ใช้สื่อที่ใกล้กับผู้บริโภคในชีวิตจริง
● ผสมผสานสื่อ Online และ Offline ให้ครบทุกจุดที่เข้าถึงได้ง่าย
● โฆษณาต้องสร้างความประทับใจ
● ใช้ OOH แบบ Hyperlocal เพื่อสร้างการจดจำ
● เลือกสื่อที่เข้าถึงกลุ่มคนในพื้นที่ได้ดีที่สุด

สรุป — ปี 2026 เป็นปีที่ผู้บริโภคชัดขึ้น


และแบรนด์ต้องตามให้ทัน
ปี 2026 เป็นปีที่ผู้บริโภคมีความชัดเจนในการบริโภคมากขึ้น ทั้งการเข้าใจตัวเองและการเลือกสื่ออย่างเจาะจง แบรนด์ที่ยังทำงานแบบเดิมแน่นอนว่าจะตามไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะทุกก้าวของผู้บริโภคในชีวิตประจำวันกลายเป็นพื้นที่ตัดสินใจของผู้บริโภค การเลือกสื่อจึงต้องมีความรอบคอบผสมทั้ง Online และ Offline ให้ครบถ้วย และมีTouchpointโฟกัสและสร้างความเชื่อใจไม่ใช่แค่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว “ในโลกที่ online ถูกปิดกั้นง่ายขึ้น การทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงผู้บริโภคจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่ในโฆษณาและมันคือโอกาสสำคัญของยุค 2026 เลย อีกทั้งยังเป็นเหตุผลที่ OOH ยังคงมีพลังในการโฆษณาไม่แพ้สื่อไหน” และ adsbnb คือเครื่องมือช่วยเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้นอย่างแม่นยำอีกด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น