xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เสียหาย ปะทะ นายหน้า ปล่อยโฮ ซื้อบ้านแต่ไม่ได้บ้าน นายหน้าสวนกลับเดือด แจงทำไมเอาบ้านออกจากธนาคารได้หลายหลัง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เดือด! ผู้เสียหาย ปะทะ นายหน้า ขายบ้านแต่เป็นของธนาคาร ปล่อยโฮซื้อบ้านแต่ไม่ได้บ้าน เชื่อใจไม่ดูโฉนด จ่ายค่างวดหลักพัน เงินต้นหลักสิบ ค่างวดหลักหมื่น เงินต้นหลักร้อย ดอกอื้อ นายหน้าฟาดกลับไม่เห็นโฉนดจะยอมจ่ายเงินทำไม ลั่นเสียเงินรีโนเวตไปแล้วจะขอเงินคืน เห็นแก่ตัว! แจงแล้วทำไมเอาบ้านออกจากธนาคารได้หลายหลัง?

กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย กรณีผู้เสียหายหลายรายในพื้นที่หัวหินและปราณบุรี ออกมาร้องเรียน ถูกนายหน้าสาวรายหนึ่ง โพสต์ขายบ้านมือสอง โดยอ้างโฉนดบ้านเป็นของตัวเอง แต่ต่อมาพบบางหลังเป็นชื่อของธนาคาร ผู้เสียหายถูกหมายศาลแจ้งยึดทรัพย์ บางรายถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารอ้างบุกรุกทรัพย์สินราชการ ทั้งที่ผ่อนบ้านกับนายหน้าสาวรายนี้มาหลายงวด เสียเงินเป็นจำนวนมาก ซ้ำจ่อถูกนายหน้าแจ้งความ

โดยผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมผ่านรายการ โหนกระแส วันที่ 28 ต.ค. “หมวย อริสรา” ดำเนินรายการแทน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 อาทิ สง่า-กัน-หมอ-ตุ๊ก-ท็อป ผู้เสียหาย, หญิง ผู้เสียหาย ผ่อนไปแล้ว 14 งวด อ้างถูกข่มขู่ เป็นแพนิค กลัวมาก แต่วันนี้กล้าเปิดเผยข้อมูล, เอกภพ เหลืองประเสริฐ เพจสายไหมต้องรอด, ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล มาให้ความรู้เรื่องข้อกฎหมาย พร้อมเผชิญหน้า โอ๋ นายหน้าและเจ้าของบ้านบางหลัง มาพร้อม ทัศไนย เล้าพูนพิทยะ ทนายความ และ เลิศศักดิ์ รักธรรม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

คุณสง่าไปรู้จักทางคุณโอ๋ยังไง ทำไมตัดสินใจซื้อบ้านกับผู้หญิงคนนี้?
สง่า : ปี 2564 ผมไปทำงานที่หัวหิน ตอนแรกเช่าเป็นห้องเช่า ต่อมาสนใจซื้อบ้าน ก็ไปมองหาเพจนึง ก็เจอเพจขายบ้านมือสอง การดาวน์ก็ไม่มาก อยู่ที่ 35,000 บาท ทำสัญญาแล้วก็เข้าอยู่ได้เลย ตรงนี้เลยติดต่อประสานงานไป ขอนัดเข้าดูบ้าน ประมาณวันที่ 28 มี.ค.ไปดูบ้านก่อนทำสัญญา ทำสัญญาวันที่ 29 แต่ตอนไปดูบ้าน จะมีคุณลุงท่านนึง ได้เข้ามาเปิดบ้านให้ผมดู มีหลังที่ 1 ที่ผมสนใจ และหลังที่ 2 ที่เขาพาไปดู เผื่อว่าสนใจ หลังแรกราคา 1.7 ล้าน หลังที่สอง 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งราคา 2 ล้านผมไม่ไหว น่าจะผ่อนแพง ผมเลยเลือกที่ราคา 1.7 ล้าน 

ก็เลยตัดสินใจทำสัญญา จ่ายเงินดาวน์ 3.5 หมื่น มีจ่ายเป็นเงินสดไปด้วย 1 หมื่น เป็นเงินโอน 2.5 หมื่น ก็เข้าอยู่ ผ่อนเดือนละ 7 พันมาตลอด จนกระทั่งถึงปี 68 ครบทั้งหมด 50 งวด พอประมาณช่วงต้นเดือนก.ค. มีท่านนึงแจ้งว่าเป็นผู้รับจำนอง โทรมาหาผมบอกว่าได้ข้อมูลมาจากพนักงานของผู้ขายบ้าน เอาเบอร์ผมโทรหาผม บอกว่าบ้านของคุณตอนนี้ถูกฟ้องศาลอยู่ และบอกว่าต่อไปนี้ คุณไม่ต้องชำระค่าบ้านแล้ว เพราะถ้าคุณชำระไป มันอาจไม่ได้บ้านในอนาคต หรือไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในอนาคต 

ตอนแรกผมไม่ได้ปักใจเชื่อ ยังลังเลอยู่ จนเขาขอแอดไลน์ผมและส่งหนังสือมาในไลน์ เป็นหนังสือฟ้องศาล ให้ไปไกล่เกลี่ยวันที่ 6 ต.ค.68 ผมก็รอจนถึงเดือนต.ค.ปี 68 ทางผู้รับจำนองแจ้งมาว่าผู้ขายไม่ได้ไปตามนัด มันเลยทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะสูญเสียบ้านแน่นอน และบ้านจะถูกยึดแน่นอนไปขายทอดตลาด มันทำให้ผมได้รับความเสียหาย ทั้งเงินดาวน์และเงินค่างวดจำนวน 50 งวด ก็ 385,000 บาท ผมก็ไม่รู้ต้องทำไงต่อ ผมมองว่าบ้านที่ผมซื้อตอนแรกหวังจะอยู่ไปตลอดชีวิต ผมก็รู้สึกเสียใจมาก ว่าเงินที่ผมเก็บมาใน 1 เดือน (ร้องไห้) บางเดือนต้องไปหายืมเขามาเพื่อส่งค่าบ้าน (ร้องไห้) 

ผมพยายามทุกอย่างเพื่อไม่ให้ขาดส่ง แต่พอผมได้รับจดหมายนี้ ผมก็เลยไม่ส่ง ผมไปแจ้งความที่สภ.หัวหิน ว่าตอนนี้เกิดเหตุแบบนี้ ผมซื้อบ้านแล้วมีหมายศาลมาจะยึดบ้านผม ผมโดนหลอกลวง โดนฉ้อโกง ผมก็ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายคืนกลับมา เพราะที่ผมจ่ายไปผมซื้อ ผมไม่ได้เช่า ยังไงก็ต้องได้เป็นทรัพย์ของผม อย่างล่าสุดถึงวันที่จะไปไกล่เกลี่ย เขาก็ไม่ไป วันที่ 6 ผมก็ไม่ได้ไป เพราะไม่ได้เกี่ยวคู่ความ จะเป็นผู้ขายบ้านกับผู้รับจำนองเขาไปคุยกันเอง

ทนายแก้ว : แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าใครมาใครไม่มาบ้าง

สง่า : ผู้รับจำนองเป็นคนแจ้งผมมาว่าผู้ขายไม่ได้มาขึ้นศาลด้วยนะวันที่ 6 มั่นใจได้เลยว่าตอนนี้บ้านของคุณถูกฟ้องยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแน่นอน กลายเป็นว่าพิพากษาข้างเดียว วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมเสียบ้านแน่ๆ

ทนายแก้ว : ตอนได้คุยกับผู้รับจำนอง กับเหตุการณ์ของเราที่ทำสัญญา ใครเกิดก่อนครับ

สง่า : ผมซื้อบ้าน 29 มี.ค. 64 ตอนแรกที่ผมซื้อบ้าน ผมไม่เห็นโฉนดเลย แต่ผมเชื่อมั่นโปรไฟล์เขา เขาโพสต์ขายบ้าน มีหลังที่หนึ่งหลังที่สองให้ผมเลือกเยอะแยะ บ้านก็ดูใหม่ เปิดให้ดูหมดทุกอย่าง เราก็เชื่อมั่นว่าเป็นบ้านเขาแน่นอน ตอนผมได้รับหมายศาล ผมไม่รู้เลยว่าเขาเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จนผมไปขอคัดโฉนดที่ดินมา ถึงได้รู้ว่าเขาเอาไปจำนองตั้งแต่ปี 65 แล้ว

ทนายแก้ว : เขามีการทำสัญญาเช่าซื้อบ้านพิพาท 29 มี.ค. 64 ต่อมา 27 ก.ค.65 มีการเอาไปจดจำนองกับบุคคล บุคคลนึง

สง่า : ผมผ่อนไม่เคยขาดสักเดือนเลยครับ มีเอกสารที่ผู้ขายทำรูปเล่มไว้ พอผมจ่ายไป เขาจะคำนวณเป็นเงินต้น เป็นเงินดอก เอากลับมาให้เราดูทางไลน์ ผมเก็บเป็นข้อมูลไว้ ถ้าดูงวดล่าสุด งวดที่ 50 ครับ

ทุกเดือนไม่เคยขาดสักเดือน ตอนลุงซื้อบ้าน ลุงไปดูบ้าน 28 มี.ค. 64 พอวันที่ 29 ทำสัญญาเลย ทำไมตัดสินใจเร็วมากแค่วันเดียว?
สง่า : เราเห็นสีบ้าน มีการรีโนเวตใหม่ ค่างวดก็คุยกันในราคาที่เราผ่อนไหว เราก็ตัดสินใจทันทีเลย จ่ายเงินดาวน์และเริ่มผ่อนครับ เข้าอยู่ได้เลยครับ คุณลุงท่านนึงพาไปดู เขาไม่ใช่ผู้ขาย คุณลุงท่านนั้นไม่ได้เอาอะไรแสดงความเป็นเจ้าของบ้าน แค่เอากุญแจบ้านมาไขให้เราดู เขาบอกเป็นตัวแทน เหมือนได้รับแจ้งมาว่าให้ช่วยเปิดบ้านให้ดูหน่อย เขามารออยู่หน้าบ้านอยู่แล้ว ตอนผมคุยผ่านเพจ แต่เครื่องที่แชตมันพัง

ทนายแก้ว : เพจที่คุยคือบ้านมือสอง โฮม มาย เดียร์ เป็นการเปิดสาธารณะ

บอกว่าไม่ต้องกู้ธนาคารก็ซื้อได้ ติดแบล็กลิสต์ก็ซื้อได้ จะผ่อนหรือยื่นกู้ธนาคารได้หมด ก็ตัดสินใจวันเดียว ทำสัญญาเลย ทำไมถึงเชื่อมั่นมาก?
สง่า : เขาเปิดให้เราเข้าไปดูบ้านได้ เราก็มั่นใจว่าเขาเป็นเจ้าของจริง แต่เราไม่ได้เห็นโฉนด วันนั้นเปิดบ้านอย่างเดียว

ไม่ได้ขอดูโฉนดเหรอ?
สง่า : ไม่ได้ขอดูครับ ความอยากได้บ้านในช่วงนั้น เราเห็นว่าดาวน์ถูกผ่อนราคาถูก เรามีกำลังผ่อนไหว ก็เลยคุยกันเหมือนใจแลกใจง่ายๆ ไม่คิดว่าหลังจากนั้นแล้วจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่วันนั้นทั้งตัวผู้ขายก็มีกิจการหน้าร้าน เปิดกิจการค้าขาย เราก็สามารถขับรถผ่านเห็นได้ตลอด

ทนายแก้ว : โอนเงินเข้าบัญชีใครครับ

สง่า : ผู้ขายครับทุกเดือน โอนเข้าบัญชีนี้บัญชีเดียว

เคยเจอตัวจริงผู้ขายมั้ย?
สง่า : วันที่ดูบ้านไม่ได้เจอครับ จะเจอน้อยครั้ง ผมเจอครั้งนึงตอนเอาเอกสารจะให้ไปทำเป็นประกันสังคม ซึ่งชื่อผมซื้อไม่ได้ เลยจะใช้ชื่อแฟนซื้อ ก็เจอเขานั่งอยู่ที่ร้าน แต่ก็คุยในมุมพนักงานมากกว่า พนักงานรับเรื่องไว้ เอาเอกสารทำประกันสังคมเพื่อให้สามารถยื่นกู้ธนาคารได้ แฟนผมจะเอาชื่อมากู้แทนชื่อผม ผู้ขายบอกลองเปลี่ยนชื่อคนซื้อดูมั้ย ทำเอาเข้าประกันสังคมให้กู้ได้ ที่ได้รับการแนะนำ เราก็เอาเอกสารไปให้ หลังจากนั้นเราก็พยายามติดตามว่าถึงไหนแล้ว แต่เอกสารก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ที่ร้านเหมือนเดิม ก็เลยขอเอากลับมา ทั้งบัญชีและเอกสารของแฟน

ทนายแก้ว : ขณะเจอตัวผู้ให้เช่าซื้อ ได้ขอดูโฉนดเขามั้ย

สง่า : ตอนนั้นยังไม่ได้ขอดูครับ แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวจะทำเรื่องกู้ให้ เราก็มั่นใจ ไว้ใจ เขาพยายามหาวิธีทางให้เรากู้ให้ได้ ก็แนะนำให้เป็นแฟน แต่สุดท้ายเขาไม่ได้เดินเรื่องให้ เหมือนคุยกับเขาโดยตรงว่าผมไม่สามารถกู้ได้ ผมขอผ่อนตรงกับตอนแรกที่เราคุยกันไว้เลยดีกว่า ขอเป็นผ่อนตรงตามสัญญา 360 งวด เราจะไม่กู้แล้วเพราะทำเรื่องมันยาก ขอผ่อนตรงอย่างเดียว

จู่ๆ ได้รับหมายศาลให้ไปไกล่เกลี่ย ทางเจ้าของก็ไม่ไป สุดท้ายศาลพิพากษายึดทรัพย์ วันนี้บ้านถูกพ่นสีหน้าบ้าน?
สง่า : ถูกพ่นสีเป็นอีกหลังครับ ของผมไม่ได้ถูกพ่นสีอะไร เป็นแค่หมายศาลส่งมาให้เฉยๆ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะถูกบังคับคดี ผมก็ต้องย้ายออกแล้ว เพราะเขาต้องขายทอดตลาด มีหนังสือบังคับ

ที่ลุงบอกว่าผ่อนทุกเดือน เดือนละ 7,000 บาท 50 งวด เป็นเงินต้น 98 บาท ดอกเบี้ย 6,903 บาท เงินต้นไม่ถึง 100 ต้องผ่อน 360 งวด ปกติซื้อบ้านเขาเป็นเรตแบบนี้เหรอ?
เอกภพ : เท่าที่เคยเจอ เขาจะไปดูว่าบ้านหลังนี้ราคา 1.7 ล้าน คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ สมมติคิดดอกเบี้ย 5 เปอร์เซ็นต์ ผ่อนกี่ปี ตัดต้นตัดดอกสัดส่วนจะใกล้เคียงกัน แต่ส่งไป 7 พัน หักต้น 90 กว่าบาท เป็นดอกซะ 6 พันกว่าบาท ต้องให้สคบ.ดูครับว่าเป็นธรรมมั้ย

สคบ. : เหมือนเช่าซื้อทั่วไป ส่วนใหญ่เขาจะตัดดอกก่อน สำคัญเลยดอกจะมากกว่าต้น เคสนี้น่าจะมีการตัดดอกมากกว่าต้น ทีนี้ก็ต้องไปดูดอกด้วยว่า 7 พันเหลือ 90 กว่าบาท ดอกเบี้ยเท่าไหร่ที่เขาต้องเสีย สักพัก 98 ก็จะเพิ่มขึ้น เพราะดอกหายไป แต่ต้องดูวิธีการว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือเปล่า

ทนายแก้ว : กรณีนั้นเป็นบริษัทไฟแนนซ์ มีใบอนุญาตให้คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ แต่เคสนี้เป็นบุคคลธรรมดา กรณีนี้ไม่มีสิทธิ์คิดอัตราดอกเบี้ยแบบนั้น ต้องคิดตามประมวลกฎหมายแพ่งทั่วไป ตัดต้นตัดดอกไปเรื่อยๆ

เอกภพ : แบบนี้ถูกมั้ยพี่แก้ว

50 งวด งวดสุดท้ายที่ส่งไป 7 พัน เป็นเงินต้น 112 บาท?
เอกภพ : โอ้โหตายแล้ว เพิ่มขึ้นงวดละบาท

ทนายแก้ว : เรื่องนี้ต้องไปโต้แย้งกันในศาล ว่ามีสิทธิ์คิดอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายมั้ย มีสิทธิ์ตัดดอกเบี้ยเท่าไหร่

คุณสง่าโอนเข้าบัญชีบุคคล?
ทนายแก้ว : บุคคลคือคู่สัญญา ซึ่งก็คือคุณโอ๋

โอ๋ : เคสพี่เขา ทำไมตัดต้นน้อย เพราะค่างวดพี่เขาเดือนละ 1 หมื่น แต่ด้วยกำลังพี่เขาพี่เขาไม่สามารถจ่ายได้ เลยคิดเรตขั้นต่ำไว้ ยังไงเราต้องให้พี่เขายื่นกู้ ลูกค้าแต่ละรายทำไมทำสัญญาระยะยาว 30 ปี ไม่มีลูกค้ารายไหนผ่อนกับเราถึง 30 ปี แต่การที่เรากำหนดให้ลูกค้า 30 ปี เพื่อให้ค่างวดนั้นถูกลง ส่วนของพี่เขา ดอกเบี้ยคิดเรตขั้นต่ำ อยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คิดดอกเบี้ยให้ถูกที่สุด เพื่อให้พี่เขาเดินต่อได้

ทนายแก้ว : 7 พันบาทจะตัดต้นได้แค่ 98 บาท หรือ 100 บาทเองเหรอครับ

โอ๋ : ใช่

เอกภพ : ทำไมไม่ทำแบบที่อธิบาย เอาดอกเบี้ยคูณจำนวนเดือน พอเอาไปหารให้งวดเท่า ๆ กัน

โอ๋ : งวดเขาจะเยอะ แล้วพี่เขาจ่ายไม่ไหวค่ะ นี่คือพี่เขาเป็นคนขอเองว่าขอค่างวดที่ถูก เราเป็นคนลดค่างวดให้พี่เขา จนกว่าพี่เขาจะยื่นกู้ได้ เหลือเงินต้นเท่าไหร่ก็ปิดยอดนั้น

เคสต่อไป คุณกัน เป็นยังไง?
กัน : กันมาเป็นตัวแทนพี่ปาริชาตินะคะ ซื้อบ้านผ่อนตรงกับคุณโอ๋ อยู่มา 2 ปี เจ้าหน้าที่ธนาคารเข้ามาบอกว่าคุณบุกรุกทรัพย์ธนาคาร เพราะตึกตรงนั้นเป็นทรัพย์ธนาคาร คุณกำลังบุกรุก และให้ย้ายออก เราก็ติดต่อไปทางคุณโอ๋ว่าเกิดกรณีแบบนี้ แต่คุณโอ๋แจ้งว่าเพิ่งทราบข่าวว่าช้อนซื้อบ้านผิดหลัง เลยจะให้เราเปลี่ยนหลัง กรณนั้นเราพูดคุยกันอยู่เรื่องเปลี่ยนหลัง แต่เราไปดูหลังที่คุณโอ๋เสนอมาแล้ว ยังมีตราประทับธนาคารธอส. เราเลยเอาเลขรหัสทรัพย์ไปเช็ก กลายเป็นว่าคุณโอ๋เพิ่งจะไปเอาทรัพย์ตัวนั้นออกมาเป็นของเขาเมื่อปี 68 อาจประมูลมา เพราะเราไม่รู้ขั้นตอนของเขา มีเอกสารคนประมูลคืออาทิตย์ อ่อนตา ซึ่งเป็นพนักงานหรือคนรู้จักเขาเราไม่ทราบ เอกสารที่น้องพนักงานคนเก่าเอามาแสดง เขาขาดส่ง 6 เดือน เราเลยไม่โอเค เพราะเราซื้อบ้านกับคุณตอนปี 66 คุณจะเอาบ้านซึ่งคุณซื้อได้ไม่กี่เดือนปี 68 มาให้เราอยู่ต่อ ผ่อนต่อ ซึ่งมันไม่โอเคค่ะ

บ้านพี่ปาริชาติไปซื้ออยู่ที่ไหน?
กัน : อยู่หัวหินค่ะ

โซนเดียวกับลุงสง่า ราคาเท่าไหร่?
กัน : 3 ล้านค่ะ เห็นผ่านเพจ และพี่เขาแนะนำผ่านเอเยนต์มาต่างหากด้วยค่ะ

ส่งไปกี่งวด?
กัน : ส่งทั้งหมด 24 เดือนค่ะ เดือนละ 17,000 บาทค่ะ

ทนายแก้ว : สามารถตัดต้นได้เท่าไหร่ครับ

กัน : คล้ายๆ แบบนี้เลยค่ะ ตัดต้นได้น้อยกว่าค่ะ

เห็นเพจเดียวกับคุณสง่ามั้ย?
กัน : เพจเดียวกันเลยค่ะ เราเข้าไปทำสัญญา หนังสือสัญญาซื้อขายส่งให้ทีมงานไปแล้วค่ะ โอนเงินตรงให้คุณชนิดาภา คือคุณโอ๋ค่ะ

ก่อนหน้านี้พี่ปาริชาติเคยเจอคุณโอ๋มั้ย?
กัน : ไม่เคยค่ะ ตอนไปทำสัญญาก็เป็นพนักงานเซ็นแทนค่ะ

ค่างวด 17,000 ต้น 1,020 บาท?
กัน : ก่อนที่ความจะแตก จะมีเจ้าหน้าที่มาขับไล่ เราพูดกันผ่านคุณโอ๋ไปแล้วว่าเราจะขอเปลี่ยนสัญญา คุณโอ๋ก็ยื่นข้อเสนอมาให้เราเตรียม 6 แสน ก่อนหน้าเราประสบเหตุแบบนี้ พี่ปาริชาติโอนเงินไปแล้ว 1 แสนบาทค่ะ

ทนายแก้ว : 6 แสนเป็นค่าอะไร
กัน : ค่าเปลี่ยนสัญญาที่เราจะยื่นผ่อนกับแบงก์เองค่ะ มีแชตพูดคุยกันอยู่นะคะ

ปกติต้องเสียค่าเปลี่ยนสัญญาเยอะขนาดนี้มั้ย?
ทนายแก้ว : มันไม่ได้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ จริงๆ บุคคลธรรมดาไม่เหมือนธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เขามีใบอนุญาต กรณีอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นธนาคาร มันทำไม่ได้

โอ๋ : จริงๆ ไม่ใช่ค่าเปลี่ยนสัญญาค่ะ คือราคาบ้านที่เขาซื้อกับหนู ราคาธนาคารเหลือเท่าไหร่ เขาก็ปิดในยอดนั้น แล้วส่วนต่างที่เหลือเขาคืนให้เรา

กัน : แล้วบ้านใช่ของคุณโอ๋มั้ยคะ

โอ๋ : ณ ตอนที่เราคุยกันคือใช่

กัน : บ้านยังไม่ได้ปลอดดอกเบี้ยนะคะ ยังไม่ได้ปลดจำนอง ไม่ได้ปลดจากธนาคาร อยู่ระหว่างการดาวน์ 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยค่ะ

โอ๋ : ก็คือเราซื้อจากธนาคาร สัญญาซื้อขายเราก็มี

ทนายแก้ว : ตอนโอ๋เอาบ้านหลังนี้มาให้เขาเช่าซื้อ โอ๋เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเปล่า

โอ๋ : สัญญาเป็นสัญญาซื้อขายค่ะ

ทัศไนย : โอ๋ติดต่อธนาคาร ธนาคารเป็นซับที่รอขายอยู่กับแบงก์ พอโอ๋เข้าไปทำสัญญา มีสัญญาซื้อขายกับแบงก์ แบงก์ตีราคามา เช่น หลังนี้ 915,000 บาท โอ๋จะมีเวลา 2 ปีในการชำระเงินเพื่อโอนบ้านหลังนี้ บ้านพี่สง่าที่ได้มาครั้งแรกจะเป็นบ้านที่โทรมๆ โอ๋ก็นำเงินไปรีโนเวตบ้านให้ราคาสูงขึ้น ระหว่างนี้รู้กัน ทำเรื่องหลอกแบงก์ให้กู้ผ่าน พูดง่ายๆ บัญชีไม่ตรง มีการโอนเข้าบัญชีประกันสังคม

เอกภพ : หมายถึงรู้กับใครครับ

ทัศไนย : รู้กับโอ๋ครับ โอ๋กับคนซื้อหลายๆ ราย

เอกภพ : เขาจ่ายให้กับโอ๋ ยังไม่ผ่อนแบงก์เลย

ทัศไนย : เมื่อกี้บอกประกันสังคมทำให้เดินบัญชี เพื่อให้มีเงินตั้งต้น เพื่อธนาครให้กู้ครับ มันมีวิธีนี้อยู่ครับ

ทนายแก้ว : กรณีคุณทำสัญญากับแบงก์ แล้วมีระยะผ่อนแบงก์ 2 ปี ตัวผู้เช่าซื้อเขารู้กับคุณมั้ย

กัน : ไม่รู้ค่ะ

ทัศไนย : ไม่รู้แล้วจะทำโฉนดเพื่อกู้แบงก์ได้ยังไง ฟังก่อนนะครับ มันมีวิธีการ พอมีวิธีการ โอ๋จะมีเวลา 2 ปี บ้านจะมาโทรมๆ เอาเงินไปทำให้มันดี

เอกภพ : ซื้อจากแบงก์หรือบังคับคดี

ทัศไนย : ซื้อจากแบงก์ก็มี บังคับคดีก็มี

เอกภพ : บังคับคดีมัน 3 เดือน ถูกมั้ย

ทัศไนย : เอาแบงก์ก่อนดีกว่า หลังนี้ พอซื้อมา ระหว่างนี้ก็รีโนเวตบ้านให้สวยงาม สมมติ 9 แสนกว่า ก็ทำไป 1.2 - 1.3 ล้าน พอขายเพิ่มไปสัก 1.6 - 1.7 ล้าน ระหว่างนี้กู้ไม่ผ่าน เครดิตบูโรทั้งนั้นแหละครับ แบงก์ไม่ให้กู้ ถ้ากู้ได้ไม่มาตรงนี้ครับ เขาช่วยให้มีบ้านอยู่ครับ

ทนายแก้ว : คุณอย่าพูดแบบนี้ครับ

ทัศไนย : ให้อยู่เพื่อกู้ได้ถูกลง

ทนายแก้ว : ตัวลูกค้าเขาเล็งเห็นว่าอยากจะได้บ้าน เขาไม่ได้มารู้เรื่องการปรับปรุง หรือรีโนเวตอะไรกับคุณนะ คุณสง่ารู้เห็นกับเขามั้ย

สง่า : ไม่รู้ครับ ผมไปนี่คือบ้านเสร็จแล้ว ก่อนหน้าไม่ได้เห็นอะไรเลย

ทนายแก้ว : ดังนั้นคุณไม่ได้มีการตกลงไปรู้เห็นอะไรกับเขา

สง่า : ไม่รู้ครับ ผมแค่คุยว่า 3.5 หมื่นเข้าอยู่เท่านั้นจบ แล้วก็ทำสัญญากัน เราไม่มีความรู้ในเรื่องแบงก์อะไรเลยครับ

โอ๋ : แต่หลังโฉนดมีบอกค่ะ

ทนายแก้ว : แต่เขาไม่เห็นโฉนดนี่ครับโอ๋

โอ๋ : เห็นค่ะ วันทำสัญญาทุกครั้งจะมีสำเนาโฉนด สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนโอ๋ ทะเบียนบ้านโอ๋ให้ลูกค้าทุกคน เราจะแลกกันค่ะ ในสัญญาเขาและสัญญาเรา ลูกค้ามาซื้อบ้านแล้วไม่เห็นโฉนดเป็นไปได้มั้ยคะ กับการวางเงินแล้วไม่เห็นเอกสารจากเรา

สง่า : อันนี้ผมไปขอคัดจากเจ้าหน้าที่ครับ

ทัศไนย : ที่บอกว่าไม่มี ไม่ใช่ บางรายลูกค้าให้เดินชี้ มีส่งแบบเลย จะเอาสีอะไร อันนี้ไม่ใช่คุณพี่สง่า ยกตัวอย่างเป็นลูกค้าคนอื่น คือรู้กันเพื่อทำเรื่องกู้แบงก์ เพราะเขากู้ไม่ผ่าน พอกู้ไม่ผ่าน โอ๋ก็ให้เข้าบริษัทโอ๋แล้วทำบัญชี เช่นมีเงินเดือน 5 หมื่น ทำไปสัก 6-7 เดือน พอแบงก์เขาเห็นมีการเดินบัญชีเขาก็ให้กู้ เขาก็ได้บ้านในราคาที่ถูกกู้กับแบงก์โดยตรง เราทำแบบนี้หลายหลัง หลังสำเร็จก็มี ระหว่างนี้พอครบ 20 เดือน เข้าใจว่าหลังนี้เขาน่าจะครบสัญญา เขากู้ไม่ผ่าน โอ๋เลยไปหานายทุนเพื่อมารับหลังนี้ไป มันมีสตอรี่ของมัน ไม่มีเรื่องฉ้อโกงใดๆ ทั้งสิ้น
ทนายแก้ว : เรื่องฉ้อโกงหรือไม่อีกเรื่องนึงนะ

พี่หมอ เคสพี่หมอเป็นยังไง?
หมอ : ก็คล้ายๆ พี่กัน คือตัวแฟนผม ทำสัญญากับคุณโอ๋ 3 ต.ค.63 แล้วดาวน์ไป 3.5 หมื่น ผ่อนเดือนแรก พ.ย.63 จนถึง 15 มิ.ย. 68 เราเพิ่งมารู้ตอนสิ้นเดือน ว่าบ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคาร เราได้เลขมาเพราะเพื่อนๆ เขาสืบกันมา มีคนแคปรูปมาแล้วแจ้งเตือนเรา บ้านเลขที่ 177/6 อยู่เพลินวิลล์ ปราณบุรี รูปนี้ผมเอามาจากธนาคาร ไม่ใช่บ้านคุณโอ๋ แต่เขาเคยมีทำสัญญากับธนาคาร รู้สึกว่าซื้อธนาคาร 1,210,000

เอกภพ : ยังไม่ทันได้ปิดใช่มั้ยครับ

ทัศไนย : มันมีระยะเวลา 2 ปี มันมีระยะเวลาในการปิดอยู่

ทนายแก้ว : คุณหมอเจอในเพจเหมือนกัน
หมอ : ใช่ครับ พอเจอในเพจปุ๊บผมก็สืบว่าบ้านหลังนี้เป็นของธนาคาร แล้วเขามาขอน้ำขอไฟได้ไง ผมก็สืบจากบิลค่าน้ำค่าไฟ ได้ชื่อนายเอ เป็นคนทำสัญญา ไม่ใช่คุณชนิดาภาทำ ในสัญญาผมเห็นเลยว่าบ้านหลังนี้ทำสัญญาผ่อนดาวน์ 24 งวด ต้องจ่ายมัดจำเขา 20 เปอร์เซ็นต์ งวดแรกธนาคารเก็บเดือนก.ย.63 จนถึง 27ก.ค.65 สุดท้ายบ้านหลังนี้ไม่ได้โดนปิดโดยเขาครับ ผมทราบเรื่องก็ไปคุยกับธนาคาร ทอส.เลยครับ ขอผ่อนผัน ขออยู่เพื่อทำการเช่าซื้อบ้านหลังนี้เลย สุดท้ายผมประมูลได้ที่สุราษฎร์ธานี ธนาคารเพิ่งอนุมัติก่อนเข้ารายการ ผ่านแล้วครับ

โอ๋ : อันนี้ขออธิบาย หลังของพี่โอ๋มีหุ้นส่วน โอ๋ใช้ชื่ออีกคนทำสัญญา ระหว่างผ่อน โอ๋มีการประมูลบ้านเพิ่ม ประมูลเคาะราคากับธนาคารด้วย บ้านหลังของพี่ โอ๋มีเอกสารด้วย มีการเคาะประมูลมาได้ แต่ด้วยวิธีไหนของเจ้าพนักงาน เคาะราคาให้เราแล้ว แต่ไม่ยอมทำสัญญาให้เรา โอ๋มีการร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย มีเอกสารทุกอย่าง กับการที่พนักงานปฏิบัติไม่ชอบ โอ๋สามารถอธิบายเคสแต่ละเคสทุกคนได้

ทนายแก้ว : แต่โอ๋ต้องแยก เป็นเรื่องระหว่างโอ๋กับธนาคาร ลูกค้าเขาไม่ได้รู้เห็นอะไรกับโอ๋

โอ๋ : ใช่ โอ๋ก็ไม่ได้อยากให้มีปัญหา แต่วันนั้นถามพี่เขาแล้ว พี่เขาเหมือนเข้าไปซื้อเอง

หมอ : ถามตอนไหนครับ ถามว่าอะไรครับ

โอ๋ : วันนั้นพี่เข้าไปสน.มั้ย

หมอ : ไม่ได้เข้าครับ ผมไม่เคยไปหัวหินเลยครับ

โอ๋ : พี่เคยอยู่หลังนี้มาก่อนมั้ย โอ๋จำลูกค้าไม่ได้

หมอ : เคยอยู่ครับ ผ่อน 5 ปี ยอดเสียหายผม 819,000 ผมมัดจำ 3.5 หมื่น ผ่อนเดือนละ 14,000 บาท 56 งวด

เอกภพ : คุณเสียไป 819,000 แล้วต้องไปจ่ายกับธนาคารอีกต่างหาก

หมอ : ใช่ครับ

ทนายแก้ว : อีกเท่าไหร่ที่ไปจ่ายธนาคาร

หมอ : ราคาบ้าน 925,000 ครับ

เอกภพ : ซื้อบ้านใหม่เลย

หมอ : ใช่ครับ

รวมกันก็ 1.7-1.8 ล้าน?
หมอ : ใช่ครับ

กัน : คุณโอ๋รู้ว่ามีปัญหา คุณโอ๋ไม่แจ้งลูกค้าคุณโอ๋เลยสักนิดเลยเหรอคะ

โอ๋ : เคสพี่เขา เป็นสัญญาซ้อนสัญญา

กัน : ไม่ค่ะ ของพี่ปาริชาติ เราซื้อขายผ่านแก ให้แกเป็นคนออกเงินให้ก่อนเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ แต่คุณโอ๋ไม่ได้แจ้งเราว่าไม่เป็นบ้านของคุณโอ๋

โอ๋ : สัญญาซื้อขายมีบอกค่ะ ว่าเป็นชื่อของเรา ไม่งั้นเราไม่สามารถทำสัญญากับลูกค้าได้

ทนายแก้ว : จุดเริ่มต้นไม่ได้แจ้งให้เขาทราบเหรอว่าเป็นบ้านของใครที่แท้จริง

โอ๋ : จุดเริ่มต้นทุกๆ หลัง ลูกค้ารู้ว่าเป็นบ้านธนาคาร

เอกภพ : คุณรู้มั้ย

กัน : ไม่รู้ค่ะ

โอ๋ : ณ เวลานี้อาจจะบอกว่าไม่รู้ แต่ตอนซื้อมาเป็นไปได้มั้ยคะ ทำสัญญาแล้วคุณจะไม่เห็นว่าหลังโฉนดเป็นชื่อใคร ในหลัง
โฉนดไม่ได้มีระบุว่าเป็นชื่อโอ๋ เป็นชื่อธนาคารค่ะ

ทนายแก้ว : สัญญาเช่าซื้อที่พี่สง่าได้มา มีแนบโฉนด แนบเอกสารมั้ย

สง่า : ไม่มีครับ มีแค่นี้เลยครับ

ทนายแก้ว : มีแค่สัญญาเพียวๆ ไม่ได้แนบโฉนดที่ดิน น้องกันแนบมั้ย

กัน : ไม่มีค่ะ

โอ๋ : งั้นกล้าวางเงินแสนนึงได้ไงคะ แค่กระดาษใบนี้

ทนายแก้ว : ด้วยความเชื่อใจไงโอ๋

เอกภพ : เราต้องคุยตรงๆ บางคนเขาอาจไม่เคยมีบ้านเลย ไม่มีความรู้เรื่องบ้านด้วยซ้ำ พอเขาไปติดต่อคุณโอ๋ เขาก็เข้าใจว่าได้ดูบ้านแล้วนะ โฉนดเดี๋ยวไปติดต่อกรมที่ดิน มันก็เกิดขึ้นได้หมด

โอ๋ : โอ๋ให้เอกสารทุกอย่าง

ทัศไนย : ไม่รู้ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ แล้วทำไม ต้องทำสเตทเมนต์กู้แบงก์ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามันต้องกู้จากแบงก์โดยตรง คำตอบคุณก็แย้งกันอยู่แล้ว คุณรู้อยู่แล้วว่าติดแบงก์ คุณเลยต้องสร้างเครดิต

ทนายแก้ว : ไม่ใช่นะ เขาทำสเตทเมนต์เพื่อจะกู้ธนาคารมาจ่ายหนี้คุณโอ๋นะ

ทัศไนย : บางรายมีผ่านก็เยอะ

โอ๋ : ไม่งั้นพี่เขารู้ได้ไง ว่าต้องวางเงิน 6 แสนเพื่อเปลี่ยนสัญญาไปผ่อนกับแบงก์

กัน : ใช่ค่ะ เราต้องการเปลี่ยนสัญญาผ่อนกับแบงก์ แต่เราไม่ได้รู้ว่าทรัพย์นั้นยังไม่ใช่ของคุณ

น้องท็อป ผู้เสียหายอีกคน ผ่อนกับคุณโอ๋ แล้วคุณโอ๋เอาบ้านไปจำนองกับอีกคน?
ท็อป : ของผมคล้ายๆ ลุงสง่า ของผมเป็นเคสคุณแม่ เขาอยู่ต่างประเทศ เขาต้องการได้บ้านสักหลังก็เลยให้ผมมาดูให้ ผมก็เจอเพจพี่โอ๋ ได้ดูบ้านหลายหลังมาก ตอนแรกโครงการแรกก็ถูกใจ จะเอาเลย แต่ติดลูกค้าเขาจองไปแล้ว ไปดูหลังที่สองอยู่ที่ปราณเหมือนกัน วันนั้นผมเข้าไปดูคนเดียว มีลูกค้าพี่โอ๋ข้างบ้านมาบอกว่ามาซื้อบ้านกับพี่โอ๋ใช่มั้ย ผมซื้ออยู่เหมือนกัน พี่โอ๋ดีมากเลย ส่งตรงกับเขาได้เลย แถมอยู่นานๆ ไปเขาช่วยดันให้เคสผ่านด้วย กู้แบงก์ได้ แต่ว่าต้องพูดเลยนะครับ ของผมไม่ได้คิดจะกู้แบงก์ ผมเคยบอกกับพี่โอ๋แล้ว ว่าแม่ผมอยู่ต่างประเทศ เขาจะปิดยอดทีละแสนๆ เพื่อให้มันหมดไวๆ ก็เลยทำให้มีความเชื่อมั่น ไปดูบ้านหลังนั้นคุณแม่ไม่ชอบเท่าไหร่ ก็เลยไปดูเพลินพฤกษา หลังนี้ยังไม่ทำอะไรเลย เป็นบ้านที่เก่ามาก พี่โอ๋บอกว่าสนใจหลังนี้มั้ย 2.5 ล้าน วางดาวน์ 1 แสน ส่งเดือนละ 1.5 หมื่น เดี๋ยวจะรีโนเวตให้ แม่ผมก็สนใจ แต่การวางดาวน์ แม่ผมพอมีความรู้ เขาไม่วางดาวน์เลยทั้งก้อน เขาแบ่งวางดาวน์ 22 ก.ย.66 เป็นเงิน 3 หมื่น นี่คือวางดาวน์ก้อนแรก แล้วให้เริ่มรีโนเวต จ่ายงวดที่สอง วันที่ 3 ต.ค. 66 สองหมื่นบาท งวด ที่สาม 11 ต.ค. 3หมื่นบาท งวดที่สี่ วันที่ 10 พ.ย. ทั้งหมดเป็นเงิน 1 แสน ทำสัญญาวันที่ 10 พ.ย. ผมเป็นตัวแทนไปทำเอง ผมยอมรับว่าพี่โอ๋แนบโฉนดตอนที่พี่โอ๋พูดเลย ผมเห็นโฉนด แต่ผมไม่ได้ดูหลังโฉนด เพราะผมไม่ได้มีความรู้ ผมดูแค่ว่าเลขโฉนดกับสัญญาตรงกันมั้ย บ้านเลขที่ตรงกันมั้ย อ่านรายละเอียดข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 9 แล้วเซ็น แต่หนังสือฉบับแรกที่พี่โอ๋ทำ ไม่ใช่หนังสือจัดซื้อจัดขาย มันเป็นหนังสือเช่าซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ซึ่งน่าจะเหมือนของพี่สง่าหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ คุณแม่ผมเห็น คุณแม่ผมพอมีความรู้ ก็เลยบอกว่าตัวนี้ให้ผมเซ็นแทน แล้วโน้ตไว้ว่าคุณแม่จะกลับมาทำสัญญาใหม่ที่ถูกต้อง แล้วคุณแม่ผมก็กลับมาช่วงวันที่ 10 เม.ย. ปี 67 มาทำสัญญาจะซื้อจะขายตัวที่ถูกต้อง มีโฉนดเรียบร้อย แต่เราไม่ได้สนใจเลย เพราะแม่มั่นใจพี่โอ๋มากเลย คุณแม่จะปิดและเอาเงินโปะให้ไวที่สุด เนื่องด้วยดอกเบี้ยพี่โอ๋ ถ้าเราจ่ายงวดละ 15,000 บาท แต่ถ้าเราจ่ายเดือนละ 115,000 บาท จะเข้าเงินต้นไป 1 แสน เรามาได้รับข่าวจากพี่วิโรจน์ วันที่ 8 ก.ค. ว่าบ้านหลังนี้ถูกจำนองอยู่นะ แล้วเขาได้ทำการฟ้อง ตอนแรกผมไม่เชื่อ ขอเอกสารดูหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ฟ้องยังไง พี่วิโรจน์ก็ส่งเอกสารมา มีปัญหาแล้ว ผมก็ติดต่อหาคุณแม่ คุณแม่ก็โทรหาพี่โอ๋ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมบ้านถูกจำนอง ทำไมมีคำสั่งฟ้องศาลมา คุณโอ๋บอกคุณแม่ว่าไม่ต้องคิดมาก ให้ส่งค่างวดไป

โอ๋ : เพื่อไม่ให้ผิดสัญญาเช่า

ท็อป : มันไม่สามารถทำได้ครับพี่โอ๋ สัญญาเช่าเราไม่ผิดแน่นอน เพราะผมเห็นคำสั่งฟ้องศาล ใครจะมีความมั่นใจในการไปส่งค่างวดให้พี่โอ๋ ถ้าผมไม่เห็นคำสั่งฟ้องศาล ผมส่งให้พี่โอ๋อยู่แล้ว แต่นี่เห็นคำสั่งฟ้อง ล่าสุดวันที่ 6 โดนคำบังคับแล้วว่าภายใน 30 วัน พี่โอ๋ต้องเคลียร์ยอดบ้านทั้งหมด 1.9 ล้าน ถ้าพี่โอ๋ไม่เอาไปปิด 1.9 ล้าน บ้านหลังนี้จะถูกขายทอดตลาด

ผอ.มองยังไง?
เลิศศักดิ์ : ข้อมูลในการทำสัญญาสำคัญที่สุด คู่สัญญารับทราบเอกสารอะไรบ้างที่ได้มา ได้มีการบอกครบถ้วนมั้ย ตรงนี้สำคัญ ว่าเขาทราบแค่ไหนยังไง เพราะเอกสารจะนำไปสู่เจตนาของคู่สัญญาว่าเขาเห็นเขาต้องทำอะไรบ้าง

ทนายแก้ว : ผู้ให้เช่าซื้อ หลักการต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ครับ

คุณหญิง ตอนเจอหมวยกลัวมาก ถามว่าคุณโอ๋ ทนายความมามั้ย เขาไม่กล้า ถูกทนายความคุณโอ๋ฟ้องด้วย คุณหญิงเป็นยังไง?
หญิง : เริ่มแรกหญิงกับแฟนอยากได้บ้าน ตัวเองกู้บ้านไม่ได้ เพราะไม่มีประกันสังคม อายุเยอะด้วย หญิงสนใจบ้านโครงการคลอรี่เฮ้าส์ 94 ช่วงต้นๆ ก.พ. หญิงเข้าไปดูบ้านปล่อยร้าง บ้านเช่าซื้อแล้วไปเจอบ้านคุณโอ๋ เจอแม่บ้านคุณโอ๋ เขาแนะนำว่าบ้านหลังนี้เขาบอกขายอยู่นะ เขาซื้อให้ลูกเขาสองคน เป็นบ้านเขาทั้งคู่เลย หนูเลยคุยกับแม่บ้านว่าเป็นไปได้มั้ย ขอติดต่อคุณโอ๋หน่อย สนใจซื้อบ้านหลังนี้ แม่บ้านได้โทรไปเคลียร์กับคุณโอ๋ และนัดคุยกับคุณโอ๋ คุณโอ๋ก็บอกขายเลย ให้วางดาวน์ 1 แสน บ้านราคา 4.5 ล้าน ผ่อนเดือนละ 2.5 หมื่น หญิงทำสัญญา 13 ก.พ. วางเงินจอง 1 แสน เข้าอยู่วันที่ 2 มี.ค. พอผ่อนไปได้สักระยะนึง ผ่อนถึงวันที่ 5 เม.ย. 67 จาก 66 วันที่ 25 มี.ค. 67 มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมา 3 คน แจ้งหญิงว่าคุณสองคนมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไง หญิงบอกว่าหญิงซื้อบ้านต่อจากคุณโอ๋ ชนิดาภา ทำสัญญาเช่าซื้อบ้านพร้อมที่ดิน วางเงินดาวน์ถูกต้อง โอนเงินเข้าคุณชนิดาภา บัญชีตรงเขาเลย ธนาคารบอกว่าไม่ได้นะ คุณบุกรุก ทรัพย์สินนี้เป็นของธนาคาร ไม่ใช่ของคุณโอ๋ หนูเลยบอกธนาคารไปว่าแล้วหนูทำยังไง หนูไม่ได้ผิด หนูเจตนาอยากมีบ้าน ไม่ได้มาบุกรุก ธนาคารเลยนัดให้เจอคุณโอ๋ วันที่ 10 เม.ย. หนูไปเจอเขาที่ธนาคารต่อหน้าเจ้าหน้าที่พนักงานธนาคารสงเคราะห์ สาขาหัวหิน ได้เจรจากัน คุณโอ๋บอกว่าถ้าหนูอยากได้บ้านหลังนี้ เอาเงินมาวาง 4 แสนบาท แล้วคุณเอาบ้านหลังนี้ไปเลย หนูตอนนั้นก็คิดว่าบ้านหลังนี้เป็นของคุณโอ๋ หนูไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นทรัพย์ของธนาคาร ธนาคารเลยบอกว่าคุณโอ๋ 4 แสนไม่ได้นะ คุณโอ๋ติดหนี้ธนาคารอยู่นะ ซึ่งหนูไม่เข้าใจความหมายเขาว่าคืออะไร หลังจากนั้นธนาคาร เจ้าหน้าที่คนนี้ ให้คุณโอ๋เดินเข้าไปหลังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นโต๊ะทำงานส่วนตัวของเขา แล้วเขาก็ไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ว่ามีรายจ่ายหรืออะไรยังไงหนูไม่ทราบ เขาก็งุบงิบคุยกันสองคน ซึ่งหนูไม่ได้ยิน แต่ได้ยินเขาพูดว่าไม่ได้นะโอ๋ โอ๋ต้องเคลียร์พี่เท่านี้ ๆ โอ๋ก็พูดว่าโอ๋ก็ขาดทุนสิคะหัวหน้า จากนั้นเขาเดินออกมาหลังโต๊ะคอมพ์ฯ บอกว่าถ้าคุณอยากได้บ้านหลังนี้ คุณเอาเงินมาวาง 1 ล้านบาทแล้วเอาไปเลย หนูบอกว่าถ้าล้านบาทหนูไม่มีหรอก เขาก็บอกว่าทองสองคนผัวเมีย เป็น 10 บาท ถอดมาให้โอ๋สิ เขาพูดอย่างนี้ค่ะ หนูเลยไม่เจรจาต่อ หลังจากนั้นหนูกลับออกมา เดินร้องไห้กันสองคนผัวเมีย เหมือนหมาตัวนึง (ร้องไห้) หลังจากนั้นประมาณไม่กี่วัน คุณโอ่โพสต์เฟซฯ บ้านสองหลังนี้เป็นบ้านของโอ๋นะคะ ตกแต่งต่อเติมด้วยเงินตัวเองทั้งหมด ใครแอบอ้างหรือไปโกหกคนอื่นระวังเจอฟ้อง ประจานหน้าเฟซเลย แล้วเป็นบ้านที่หนูอยู่กับแฟน หลังจากนั้นหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย มีคนแปลกหน้า ผู้ชายหลายคนมาขับรถวนเวียนดูหนูที่หน้าบ้าน หนูตัดสินใจแอบเขียนจดหมายร่อนมาที่สำนักงานใหญ่ธนาคารสงเคราะห์ที่กรุงเทพฯ ขอความเป็นธรรมขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจแทนหนูได้ หนูร่อนจดหมายนี้มา แล้วสำนักงานใหญ่ติดต่อมาที่หนู มีผู้จัดการธนาคารสาขาหัวหินโทรมาหาหนู พูดกับหนูว่าเธอเขียนจดหมายเรียบเรียงได้ดีนี่ ทำไมโง่ให้โดนหลอกได้ เขาพูดคำนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคาร หนูฝังใจทุกวันนี้ หลังจากนั้นหนูขึ้นมาร้องเรียน มาร้องไห้ มายกมือไหว้ที่สาขาใหญ่ ว่าหนูโดนข่มขู่ (ร้องไห้) หนูโดนสารพัด ทุกคนตราหน้าว่าหนูโกงเขา สุดท้ายหนูไปแจ้งความวันที่ 31 พ.ค. หลังแจ้งความไปแล้ว จากนั้นวันที่ 18 มิ.ย. ลูกน้องคุณโอ๋ส่งไลน์มาบอกว่าให้หนูขนของออกจากบ้านหลังนี้ทันที เขาจะรีโนเวตบ้าน เขาส่งแมสเสจมาบอกด้วย แต่หนูไม่ออก หนูหน้าด้าน เพราะหนูมาด้วยความสุจริต เงินหนูหามาได้ด้วยความสุจริต หลังจากนั้นวันที่ 20 มิ.ย. เขาให้ลูกน้องไปพ่นประตูบ้านหนู บอกว่าหนูบุกรุก ชาวบ้านในนั้นมองหนูเหมือนหมูเหมือนหมา (ร้องไห้) หนูอับอายมาก เขาทำให้ชีวิตหนูแทบไม่มีที่ยืน บอกหนูขี้โกง บอกหนูโกงบ้านเขา พ่นประตูให้อายเป็นเดือน หนูแจ้งธนาคาร เขาบอกว่าหญิงทาสีใหม่เองได้มั้ย หนูไม่รู้จะทำยังไง หนูก็ไปแจ้งความ มีหมวดน้องแบงค์คอยแนะนำว่า พี่หญิง ถ้าเขามาบุกรุกให้โทรแจ้ง 191 เลยนะ ติดกล้องวงจรปิดนะ น้องเขาดีกับหนูมาก หนูเป็นแพนิค จากนั้นหนูปากเบี้ยวอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกจากบ้าน อับอาย กลางคืนตีสี่ ตีห้า คุณโอ๋มาอัดวิดีโอถ่ายรถหนูทุกคัน วันดีคืนดี ขับรถคันอื่นมาถ่ายคลิปวิดีโอหนูทุกคัน คอยข่มขู่ มีลูกน้องเขามาตะโกนโหวกเหวกสบถคำหยาบคาย ข่มขู่ว่าเดี๋ยวมึงเจอกู มึงเล่นกับนายกู เดี๋ยวมึงเจอ มึงไม่ได้ตายดีแน่ หนูมีคลิปแต่ไม่มีคลิปเสียง หนูไม่กล้าเจอสังคม ไม่กล้าเจอเพื่อน กลัวมาก (ร้องไห้) หนูอยู่กันสองคนผัวเมีย ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนเลย ไม่มีใครช่วยหนู หนูน้อยใจ หลังจากนั้นหนูอดทนรอมาเป็นปีๆ จนวันที่ 13 ก.พ. คุณทนายโจ้ หนูไม่รู้จักเขาหรอก ไม่รู้เบอร์เขาด้วย เขาโทรหาหนูตอนห้าโมงเย็น ว่าใช่คุณจิราพรมั้ย ผมจะโทรมาเคลียร์เรื่องบ้าน จะเอายังไง จะเคลียร์ยังไง หนูบอกหนูไม่เคลียร์ ไปคุยกับตร.ได้เลย เขาบอกว่าก็เนี่ย ตร.ให้มาเคลียร์กับคุณ หนูบอกว่าก็คุณโอ๋เขาโกงเงินหนูไป แล้วจะให้หนูเคลียร์อะไร จากนั้นเขาอัดคลิปเสียงหนูวันที่ 19 เขาไปโรงพัก ตร.นัดไปเจรจา สรุปเจรจาไม่เป็นผล ธงของหนู หนูต้องการเงินหนูคืนทุกบาททุกสตางค์ คุณโอ๋บอกท่านรองว่าก็โอ๋สร้างบ้านไปประมาณ 6 แสน โอ๋ขาดทุน เขาต้องใช้เงินคืนโอ๋อีกแสนกว่าบาทนะ หนูก็ไปต่อไม่เป็น หนูบอกว่าหนูไม่จ่าย เพราะหนูไม่ได้เอาเงินเขามา แล้วบ้านเป็นบ้านเปล่าที่คุณโอ๋ขายหนู 4.5 ล้าน หนูไม่เคยขาดผ่อนเลย หนูยังส่งประกันสังคม คุณโอ๋กล่าวอ้างว่าเดี๋ยวเขาจะแต่งประกันสังคมให้หนู เอาเงินจ่ายเขาโดนตรง หนูโอนเข้าบัญชีเขาโดยตรง 2 หมื่นกว่าบาท ค่าประกันสังคม และค่าทำสีรั้ว หนูก็ทำเองอีก 1.5 หมื่น แล้วทนายโจ้ก็เปิดคลิปเสียงให้ตร.ในนั้นฟังว่าเขาไม่ได้ตะคอกหนู เขาเสียงดังเพราะเขาป่วย เขาไม่สบาย แล้วเขาก็เอนหลังพูดว่าคุณรู้มั้ยผมทนายโจ้ รู้จักผมมั้ย พวกคุณเจ๋งมาก เขาพูดวันที่ 19 หนูอดทนมาเพื่อนรอพวกเขาวันนี้ (ร้องไห้) จิตใจพวกเขาทำด้วยอะไร หนูโกงเงินพวกเขามั้ย หนูยกมือไหว้แทบจะกราบเขาที่เขาขายบ้านนี้ให้หนู แต่หนูมารู้ว่าทรัพย์สินนี้ไม่ใช่ของเขา มารู้จากตร. ตร.ไปสืบที่กรมที่ดินให้ หนูเพิ่งมารู้ หนูเจรจากับเขาทุกอย่าง หนูอยากได้บ้านมาก หนูไม่มีโอกาส ไม่มีประกันสังคม อายุหนูเยอะ หนูไม่ได้ติดแบล็กลิสต์ใดๆ ทั้งสิ้น หนูทำงานกับสามี หนูเป็นคนงกมาก หนูบอกเลย เงินเล็กเงินน้อยหนูหยอดออมสินได้เป็นแสนๆ แต่เขามาโกงหนูไป (ร้องไห้) แล้วคุณทนายโจ้ กลับไปลงเฟซฯ จัดให้หนึ่งดอก แล้วสามีคุณโอ๋ บอกว่าโลกไม่เป็นอย่างที่เห็นใช่มั้ยล่ะจ๊ะ จัดให้โลกสวยใช่มั้ย คุณโอ๋บอกว่าจัดให้งามๆ ค่ะ บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่าการไปสงสารคนไม่มีบ้านอยู่ กู้บ้านไม่ได้ให้เขามีชายคาได้อยู่ได้อาศัย เมื่อเขาไม่สำนึกก็ต้องจัด ไล่ทีละคน แจ้งความกลับหนูฉ้อโกง หมิ่นประมาท ไปโพสต์เฟซฯ หนูกับแฟนเป็นคนหัวหิน โคตรอายเลย หนูโง่โดนหลอกซื้อบ้าน แล้วมาโดนเขาด่าอีก (ร้องไห้) หนูมีหลักฐาน มีคลิปหมดเลย มีภาพนิ่งและวิดีโอ หนูเก็บความลับไว้นานมาก แม้แต่ตร.ก็ยังไม่ให้เห็น เพราะหนูกลัว หนูกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม

ทนายแก้ว : คนมาสอดส่องคือลูกน้อง

เอกภพ : แต่ในคลิปคือคุณโอ๋ใช่มั้ย

หญิง : ใช่ค่ะ เขาเปลี่ยนรถมาตลอด มีฟอร์จูนเนอร์ มีเบนซ์ มีรถกระบะ เขารวยมากค่ะ

คุณหญิงอยู่บ้านหลังนี้มั้ย?
หญิง : หนูยังอยู่ค่ะ หนูไม่ออก หนูหน้าด้าน

ทนายแก้ว : คดีมีความคืบหน้ามั้ย

หญิง : น้องแบงค์บอกออกหมายเรียกไปแล้วครั้งที่หนึ่งเขาไม่มา ออกหมายเรียกครั้งที่สอง เขาไม่มา แต่มีน้องทนายอีกคนของเขามา แต่เขาจะมาเจรจาเชิงข่มขู่ว่าจะฟ้องกลับว่าหนูแจ้งความเท็จ หนูแจ้งความเท็จตรงไหน เพราะมีหลักฐานทุกอย่าง หลังจากนั้นเจรจาไม่เป็นผล ก็หายเงียบไปเลย จนตร.เรียกวันที่ 19 ที่ผ่านมา มาคุยกับคุณโอ๋ แต่หนูไม่เห็นใบเรียกเลยสักใบเดียว แต่คุณโอ๋เขามาวันที่ 19 กับทนายโจ้คนนี้ โดนแจ้งความข้อหาฉ้อโกง หมิ่นประมาท คุณทนายโจ้เป็นคนแจ้ง บอกว่าจะฟ้องคุณ คุณหมิ่นลูกความผม คุณหมิ่นประมาทลูกความผม คุณพูดเป็นเท็จ แล้วเรื่องประกันสังคม คุณสมรู้ร่วมคิดกับลูกความผม ซึ่งหนูไม่รู้เรื่องเลย หนูอยากได้บ้าน คุณจะไปส่งอะไร ทำอะไรหนูไม่รู้ ณ วันที่หนูรู้ว่าโฉนดอันนี้เป็นของธนาคาร ก็เมื่อวันที่หนูมาสคบ.หนูให้เพื่อนของแฟนวิ่งไปคัดสำเนาโฉนดที่ที่ดิน แล้วหนูเอาเอกสารให้สคบ.ค่ะ

ตอนซื้อไม่รู้ว่าบ้านเป็นของธนาคาร?
หญิง : ไม่ทราบค่ะ เพราะคุณโอ๋อยู่สองหลัง วันที่หนูจะย้ายเข้าไปอยู่ คุณโอ๋ทำสัญญาเรียบร้อย คุณโอ๋ยังขนเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ออกมาหลังข้างๆ ค่ะ

ทนายแก้ว : ที่พ่นสีสเปรย์ ไม่มีความคืบหน้า

หญิง : ไม่มีความคืบหน้าค่ะ ลูกน้องคุณโอ๋เป็นคนไปพ่น

โอ๋ : ยอมรับค่ะ

ทนายแก้ว : แล้วโอ๋มีสิทธิ์อะไรไปพ่นบ้านเขาครับ

โอ๋ : บ้านหลังนี้ยังเป็นของโอ๋

ทนายแก้ว : แต่โอ๋ทำสัญญากับเขาไว้นะ

โอ๋ : โอ๋ยกเลิกสัญญากับเขาไปแล้ว

ทนายแก้ว : แล้วคืนเงินเขาหรือเปล่า

โอ๋ : ในสัญญายกเลิกไม่ได้คืนเงิน เพราะบ้านหลังนี้โอ๋รีโนเวตไปทั้งหมด 6 แสน มีใบเสร็จ มีการต่อเติมทุกอย่าง บ้านหลังนี้โอ๋ทำใหม่หมด พี่หญิงขอซื้อ โอ๋ขายเขาในราคา 4.5 ล้าน

ทนายแก้ว : วันที่มีการทำสัญญาเช่าซื้อบ้าน ได้ตกลงเรื่องปรับปรุงอะไรมั้ย

หญิง : ไม่มีค่ะคุณโอ๋ขายตามสภาพบ้านค่ะ ไม่มีการต่อเติมใดๆ อีกทั้งสิ้น เราก็ทำสัญญาและผ่อนทุกงวด

ผ่อนคือโอนไปบัญชีชนิดาภาทุกงวด?
ทนายแก้ว : ตัดต้นตัดดอกเท่าไหร่

หญิง : ตัดต้น 1,100 กว่าบาทค่ะ

งวดแรกส่งไป 2.5 หมื่น ตัดต้นไป 1,117 บาท ดอก 2.3 หมื่น?
หญิง : เราอยากได้บ้าน และเชื่อโปรไฟล์เขา เชื่อที่เขาขนของจากบ้านหลังนั้น ย้ายไปอยู่อีกหลังนึง เขาทำให้เรารู้สึกว่านี่คือบ้านของเขาที่เขาซื้อให้ลูกสองคน เป็นบ้านอยู่ใกล้กันสองหลัง

ทนายแก้ว : เรารู้มั้ยว่าบ้านเป็นบ้านของธนาคาร

หญิง : ไม่ทราบเลยค่ะ เพิ่งมารู้ตอนเป็นคดีแล้ว ตอนหนูมาที่สำนักงานใหญ่ และรู้ล่าสุดคือหนูไปสคบ. หนูให้เพื่อนของแฟนหนูวิ่งไปกรมที่ดินคัดโฉนดมาให้หนู ถึงรู้ว่าบ้านเป็นของธนาคาร หนูไม่มีผ้าม่าน ก็นอนเสื่อผืนหมอนใบ อยากมีบ้าน (ร้องไห้) เขามาโกง แล้วมาข่มขู่ เอาลูกน้องมาข่มขู่ (ร้องไห้) คนนะ ไม่ใช่หมูไม่ใช่หมา ตอนไปธนาคาร คุณนั่งกระดิกเท้าใส่หน้าบอกให้ถอดทองมาวาง 1 ล้าน แล้วเอาบ้านไป บ้านก็ไม่ใช่ของคุณ บ้านเป็นของธนาคาร วันที่ฉันไปทำบุญ ฉันส่งให้คุณดู ขอให้คุณรับบุญ เจริญขึ้น ทำไมล่ะคุณโอ๋ (ร้องไห้) หนูมีบ้านก็กอดคุณโอ๋ ขอบคุณที่ให้มีบ้าน (ร้องไห้)

ทนายแก้ว : วันทำสัญญาเห็นโฉนดมั้ย

หญิง : หนูไม่เห็นค่ะ เขาให้ลูกน้องมาทำสัญญาที่คาเฟ่เขา หนูก็โอนเงินเข้าคุณโอ๋ ไม่เห็นโฉนด คุณโอ๋บอกว่าเขาติดธุระ โอนที่ดินที่อยุธยา กลับมาเดี๋ยวโอ๋เอามาให้ เขาไม่อยู่ ให้ลูกน้องมาทำก่อน หนูก็เชื่อใจเขา หนูก็ตามตลอด เงินก้อนนี้จริงๆ เป็นเงินแต่งงาน แต่หนูก็เอาบ้านก่อน (ร้องไห้) เราไม่ต้องแต่งงานก็ได้ หนูเข้าไปอยู่ อดทนซื้อเตียงนอน ซื้อแอร์ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ หมดไป 2 ล้าน หนูทำงานเยอะมากกับแฟน (ร้องไห้) ไปทำบุญวัดไหนหนูอวยพร ขอให้เขาเจริญขึ้น หนูทำทุกอย่าง หนูไปสำนักงานใหญ่ หนูโชคดีมาก เขาบอกว่าช่วยน้องมันหน่อย เขาเรียกผู้ใหญ่มาคุยกัน ให้น้องได้บ้าน เปลี่ยนสัญญาให้น้องมันเลย วันที่หนูไปธนาคารสำนักงานใหญ่ คุณโอ๋ยังไปเลยเพื่อยับยั้งไม่ให้หนูได้บ้านหลังนี้ แต่ผู้ใหญ่ช่วยหนู เขาบอกว่าเขาไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้ายุ่งแล้ว หนูเลยได้บ้านนี้มา ผ่อนตรงเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ผ่อนตรงธนาคารได้เกือบ 6 แสนแล้วค่ะ

ทนายแก้ว : ต้องจ่ายเงินธนาคารอีกเท่าไหร่

หญิง : คุณโอ๋ขายหนู 4.5 ล้าน ธนาคารขายหนู 3.74 ล้าน ค่ะ หนูต้องมาเริ่มต้นใหม่

ทนายแก้ว : เงินที่ให้คุณโอ๋ก็ถือว่าทิ้งฟรีไป

โอ๋ : อยากให้มองมุมโอ๋บ้างนะคะ บ้านหลังนี้โอ๋ซื้อจากธนาคาร ยอดที่ 3 ล้านกว่า โอ๋ขายให้เขา 4.5 ล้าน บ้านหลังนี้โอ๋รีโนเวต 6 แสน โอ๋มีใบเสร็จ มีเอกสารทุกอย่าง เงินทั้งหมดที่ทำบ้านหลังนี้คือ 6 แสน

หญิง : เขาขายบ้านเปล่าๆ ค่ะ เขายังขนของออกไป แล้วซิงค์ข้างหลัง ลูกน้องเขามาถอดไป

โอ๋ : โอ๋ทำทั้งหมดด้วยเงินโอ๋เอง ต่อเติมทุกอย่าง โดยเขาไม่ต้องทำอะไรเลย เขาจ่ายแสนเดียวแล้วหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่เลย ตอนแรกโอ๋ไม่ได้ขาย เพราะโอ๋บอกว่าบ้านหลังนี้โอ๋เก็บไว้เอง เขาไม่มีบ้านอยู่ ก็ไปขอแม่บ้านโอ๋ว่าขอบ้านอยู่ได้มั้ย เพราะเขาไม่มีบ้าน แม่บ้านก็เลยมาคุย แม่บ้านบอกว่าให้บ้านเขาไปเถอะ เขาไม่มีบ้านอยู่ โอ๋ก็เลยให้ โอ๋บอกพี่หญิงว่าบ้านยังผ่อนกับแบงก์อยู่นะ ถ้าคำพูดที่พูดว่าโอ๋ไม่ได้บอก เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครซื้อบ้านด้วยเงินสดในราคา 3 ล้านกว่าแน่นอน

หญิง : คุณโอ๋ไม่ได้พูดค่ะว่าคุณโอ๋ผ่อนธนาคาร คุณโอ๋บอกว่าบ้านหลังนี้จริงๆ โอ๋ไม่อยากขายนะ โอ๋ซื้อเอาไว้ให้ลูก แม่บ้านบอกว่าพี่หญิงอยากได้บ้านหลังนี้ โอ๋เลยขาย คุณพูดคำนี้ค่ะ

โอ๋ : โอ๋บอกแล้วว่าบ้านหลังนี้โอ๋ยังผ่อนแบงก์อยู่ เขาก็เข้าใจ เขาก็ให้สมุดบัญชีมาเพื่อเดินบัญชีให้ ทำประกันสังคมให้ เพื่อให้เขายื่นกู้แบงก์ได้

ทัศไนย : เพื่อหลอกแบงก์ใช่มั้ย

โอ๋ : ถูกต้องค่ะ

ทัศไนย : ร่วมกันหลอกแบงค์

โอ๋ : ไม่ใช่ร่วมกันหลอกแบงก์ค่ะ คุณใช้คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง เพราะวันทำประกันสังคม ลูกน้องคุณโอ๋เป็นคนโทรมา แล้วบอกว่าพี่หญิง เอาอย่างนี้มั้ย ตอนแรกจะให้หนูทำตราปั๊มแล้วไปจดทะเบียนการค้าที่ปลูกผักปลูกหญ้าให้ทำหัวบิลหลอกขึ้นมา หนูมีหลักฐานในไลน์หมดเลย แต่ยังไม่ปริ้นท์มา ทำไปทำมาน้องบอกว่าคุณโอ๋เปลี่ยนใจ เอาพี่หญิงมาเข้าบริษัทของคุณโอ๋ เดี๋ยวคุณโอ๋ทำเรื่องประกันสังคมให้ พี่หญิงจ่ายเงินมาอย่างเดียวเลย หนูมีหลักฐานค่ะ หนูเอาเขาไปแจ้งความเป็นพยานแล้วค่ะ

ทัศไนย : สลิปเงินเดือน คุณหญิงมีเงินเดือน 5 หมื่นบาท จากบริษัทคุณโอ๋ ร่วมกันกระทำขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าใช้คำผิดหรือเปล่าว่าหลอก หรือทำไม่จริงก็ได้ เพราะไม่เคยมีเงินจริง ได้เอาไปกู้แบงก์มั้ย

หญิง : ไม่เคยกู้ค่ะ

ทัศไนย : คุณเข้ามาเพื่อทำสเตทเมนต์เพื่อไปยื่นแบงก์ว่าคุณมีรายได้

หญิง : ไม่ใช่ค่ะคุณโจ้ ประกันสังคม มีปัญหาที่ธนาคารแล้ว คุณอย่าเพิ่งเถียง คุณหยุดก่อน ธนาคารโทรตามหญิงไปวันที่ 10 เม.ย. ได้คุยกับคุณโอ๋แล้ว ประกันสังคมหญิงได้เถียงกับคุณโอ๋ด้วย ได้เปิดโฟนคุยกับลูกน้องคุณโอ๋ด้วย เขาบอกเขาไปยื่นเรื่องกู้ให้หญิงกับเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนึงที่ประจวบฯ แต่หนูยื่นไม่ผ่านเพราะติดแบล็กลิสต์ เขาไม่ได้ยื่นกู้ ธนาคารสาขาประจวบก็ไม่มีการเอาไปกู้เลย

ทัศไนย : ตกลงคุณไปกู้แล้วไมผ่าน หรือไม่เคยกู้

หญิง : หนูไม่เคยกู้ แต่คุณโอ๋เตี๊ยมหนูให้ไปพูดกับเจ้าหน้าที่ประกันสังคมว่าหนูทำงานที่นี่ๆ หนูมีหลักฐานที่คุณโอ๋เซ็ฯมา

กัน : เรื่องประกันสังคม เคยเข้าไปติดต่อขอหน้าเล่มสมุดเพราะกันจะจดทะเบียนเพราะบ้านเอาไปเปิดร้านขายของชำ ลูกน้องเขาก็เสนอแบบนี้แหละค่ะ ว่าให้กันสนใจให้คุณโอ่เอาชื่อเข้าบริษัทคุณโอ๋มั้ยเพื่อเดินประกันสังคม เขาจะแนะนำแบบนี้ นี่คือเรื่องจริงที่แนะนำ แต่กันไม่เดินนะคะ เพราะกันกลัวบัญชีม้า แต่การที่จะถือว่าเป็นการร่วมหลอก อันนี้คุณไม่ได้บอกว่านี่ร่วมหลอก ถ้าคุณไม่รู้เลย แล้วเขาอยากมีบ้าน ไม่มีประกันสังคม เราก็คิดว่าเป็นช่องทางที่ง่าย ถ้าจะมาบอกว่าเราสมรู้ร่วมคิดเพื่อหลอก มันไม่ใช่ค่ะ เพราะคุณแนะนำแบบนี้ ทางคุณเสนอค่ะ

ผู้เสียหาย : ตรงประกันสังคม เคสหลักของหนู น้องสาวเป็นคนทำสัญญาเช่าซื้อกับเขา ผ่อนตรงกับเขา เขาก็โพสต์ในเฟซประมาณว่าปิดบ้านหลังนี้ลูกค้ากู้ธนาคาร แต่จังหวะที่หนูอยู่ขั้นตอนการขอเอกสารบริษัทน้องสาวถูกเลิกจ้างพอดีเพราะช่วงนั้นช่วงโควิด เราก็ผ่อนตรงไปเรื่อยๆ ทีนี้พี่โอ๋เขาเสนอมาเองค่ะว่าให้เอาชื่อน้องสาวมาทำเข้าประกันสังคมบริษัทพี่ เดี๋ยวพี่เป็นคนเดินบัญชีให้ ส่งประกันสังคมเองทุกอย่าง น้องสาวก็เปิดบัญชีให้ค่ะ ไม่แน่ใจผ่านไปกี่เดือน จนบัญชีที่เปิดให้เขา บัญชีนั้นไม่ได้ถูกใช้งานก็ถูกปิดไป พี่โอ๋ก็ติดต่อมาอีกให้เปิดให้ค่ะ

เป็นฝ่ายคุณโอ๋เป็นฝ่ายเสนอ คล้ายๆ กัน โดยทุกคนไม่รู้ว่าเขาเอาไปจัดการยังไง?
ผู้เสียหาย : ใช่ค่ะ แต่หนูทำงานบริษัท หนูสามารถกู้ได้ค่ะ แต่ระหว่างที่มีปัญหา ก็คุยกับลูกน้องเก่าเขา บอกว่าพี่ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ทำไมกู้ไม่ผ่าน เพราะหนูรู้มาว่า มีคนอยู่ในอ.ปราณ เหมือนเขาประวัติไม่ดีแต่พี่โอ๋ทำให้คนนั้นกู้บ้านได้ จนน้องเขาพูดออกมาว่าจริงๆ พี่กู้ผ่านตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่พี่โอ๋ไม่มีเงินไปปิดบ้าน เขาเลยบอกพี่ว่าพี่กู้ไม่ผ่าน

คุณตุ๊ก?
ตุ๊ก : ปี 67 ตุ๊กเห็นเพจกลุ่มพลเมืองหัวหินโพสต์ขายบ้าน ก็ติดต่อไปทางน้องเขา เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ตุ๊กซื้อ เขาพาไปดู แล้วนัดวัน วันที่ตุ๊กดูคือ 16 นัดวันประมาณ 20 น้องเขาสะดวกไปเจอที่โครงการ น้องเขาชื่อโด้ พาไปดูบ้านหลังที่โพสต์ แต่ตุ๊กไม่ชอบ ซึ่งบ้านที่ตุ๊กชอบคือหลังตรงข้าม ก็ถามว่าขายมั้ยเขาบอกว่าขาย เขาก็บอกว่าขาย ราคา 2.2 ล้านเหมือนกัน เรารู้อยู่แล้วเป็นบ้านมือสอง ผ่อนกับโครงการ โด้บอกว่าเขาอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว บ้านเขาอยู่อีกซอย พาเราไปดู ตุ๊กก็ไปดูบ้านเขา ก็ตกลงกับแฟน เพราะชอบบ้านหลังนี้ ก็ถามว่าต้องทำยังไง เขาบอกเดี๋ยวไปนัดทำสัญญาที่ร้านคาเฟ่กาแฟมายเดีย ตรงข้างปั๊มน้ำมัน ตรงเขาเต่า บางจาก นัดวันกัน เราเลยบอกว่าขอเป็นสิ้นเดือนได้มั้ย ช่วงที่เราไปดูวันที่ 20 แล้ว เงินไม่พร้อม เขาตกลงให้วางดาวน์ 3.5 หมื่น โด้ก็โทรไปปรึกษาคุณโอ๋ แล้วโด้ก็บอกว่าได้นะพี่ แต่ให้วางจองก่อน 5 พัน วันที่ 25 วันที่ 1 มิ.ย.67 พี่ค่อยมาวางดาวน์ 3 หมื่น ตุ๊กก็ตกลงกับแฟน เราไปทำสัญญากันที่คาเฟ่ มีน้องนิวทำสัญญาให้ ได้แค่สัญญาเช่าซื้อขายบ้านตัวนี้ชุดเดียว ทำสองชุด เซ็นสองฉบับ ไม่มีโฉนดบ้าน ไม่มีอะไรเลย นิวเซ็นแทน ทีนี้จากนั้นตุ๊กก็ส่งกันมาปกติ ตกลงส่งที่ 360 งวด ตุ๊กส่งได้ 14 งวด ประมาณ 30 มิ.ย. 68 มีคนโพสต์เตือนในกลุ่มพลเมืองปราณบุรี เตือนภัยว่าเจ้าของคาเฟ่ ซึ่งอยู่ข้างน้ำมันบางจากโกง เอาทรัพย์ธนาคารมาปล่อยเช่าปล่อยขายผ่อนตรง ตุ๊กเลยติดต่อไปทางคุณโอ๋ ขอสำเนาโฉนด แต่คุณโอ๋บอกว่าให้มาแล้วตอนทำสัญญา ซึ่งเราไม่เคยเห็นโฉนดเลย เราถ่ายรูปให้เขาดู ให้แฟนไปคัดโฉนดมา ปรากฏว่าด้านหลังเป็นทรัพย์ของธนาคาร ตุ๊กก็ไปสอบถามที่ธอส. หัวหิน ว่าบ้านหลังนี้เขาได้ส่งมั้ย เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นสัญญาที่ทำกัน เขาไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ตุ๊กเลยถามไปทางน้องพนักงานที่เขาออกไปแล้ว น้องนิวบอกจะเอาคนที่ชื่อนายอำนาจ หนึ่งในพนักงานคุณโอ๋ที่ช้อนซื้อบ้านของตุ๊กไว้มายกเลิก ถึงรู้ว่าเขาไปทำเสียบบัตรแล้วซื้ออะไรมาสักอย่างตอนมี.ค. 68 ตุ๊กเข้าอยู่ตอน 67 เขาไม่ได้ส่งกับธนาคารเลยค่ะ นายอำนาจก็ทำยกเลิกเสร็จ ตุ๊กก็ถามว่าเราขอต่อได้มั้ย เขาบอกว่าไม่ได้ เหมือนอำนาจทำจองไว้ 3 หลัง ซึ่งไม่ได้ส่งสักหลังเลย เราต้องจ่ายยอดนั้นประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท เราก็ไม่โอเคตรงนี้ ก็ไปแจ้งความดำเนินคดีเหมือนกัน เราส่งไป 206,000 และไปแจ้งสคบ.แล้วค่ะ

สุดท้ายถูกให้ออกจากบ้านเหมือนคนอื่นๆ?
ตุ๊ก : ใช่ค่ะ เพราะธนาคารบอกว่าตอนนี้ในเมื่อนายอำนาจยกเลิกแล้วก็เป็นสิทธิ์ของธนาคาร เขาบอกภายใน 60 วันให้ออก ตุ๊กก็ถอดแอร์แล้ว เตรียมหาบ้านเช่าจะย้ายออกพี่หญิงบอกตุ๊กไม่ต้องออก ไม่ต้องทำอะไรเลย ให้เขียนหนังสือร้องเรียน แล้วส่งไปสำนักงานใหญ่ ธอส.กรุงเทพฯ และหัวหิน แล้วก็เดินเรื่อง แค่นั้นแหละค่ะ ทางธนาคารก็ดึงทรัพย์มาให้เราผ่อนตรงกับเขาเพิ่งวางจองไปเมื่อวันที่ 20 กว่านี่เองค่ะ ส่วน 2 แสนกว่าผ่อนให้ทางคุณโอ๋โดยตรงค่ะ

คุณโอ๋ และทนายโจ้ เอาเคสพี่หญิง?
โอ๋ : บ้านหลังนี้โอ๋รีโนเวตหมด 6 แสน ไม่ได้คิดจะขาย เขามาขอ เราก็เลยให้เขาไปอยู่โดยจ่ายเงิน 1 แสน เขาผ่อนเราไปสักพัก เขาบอกอยากยื่นกู้ เราก็ช่วยในเรื่องยื่นกู้กับเขา เอาอาชีพเขาไปยื่นกู้ เขากู้ไม่ได้ เขาเลยให้เราช่วยเดินบัญชีให้ แชตมีทุกอย่างค่ะ แล้วจะบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของแบงก์เป็นไปไม่ได้ค่ะ

ทนายแก้ว : เขารู้มั้ยคุณจ่ายไป 6 แสน

โอ๋ : รู้ค่ะ

หญิง : ไม่รู้ค่ะ

ทัศไนย : บ้านตอนแรกไม่ใช่สภาพนี้ มีการเก็บทุกอย่าง ร่วมมือกันจะกู้แบงก์ พอกู้ได้ก็เทเลย

โอ๋ : ต่อห้องนอนให้ ต่อครัวให้ ซิงค์ที่บอกว่าไม่มีประตู เขาบอกเดี๋ยวซื้อมาใส่เอง ระหว่างเขาเข้าไปอยู่ในบ้าน เขาไม่ผ่อนบ้าน เราตามค่าบ้านเขาไม่จ่าย เรายกเลิกสัญญา พอยกเลิกสัญญาเราให้เขาออก เขาก็ไม่ออก จะให้ทำยังไง เราแจ้งความแล้วด้วย เขาไม่ยอมออกจากบ้าน เราเลยติดป้ายว่าห้ามบุกรุก แค่นั้นค่ะ ไม่เคยเข้าไปยุ่งในบ้าน

คุณโอ๋ประมูลบ้านหลังนี้ได้วันที่เท่าไหร่?
โอ๋ : 15 ส.ค. 65

เอกภพ : กฎหมายบอกว่าเวลาประมูลบ้าน ต้องชำระเงินเต็มจำนวนให้ธนาคารเมื่อไหร่

โอ๋ : ภายใน 2 ปี แล้วสัญญายังไม่หมดด้วย

เอกภพ : ส.ค. 67 คุณโอ๋ต้องชำระหมดใช่มั้ย เขามาซื้อคุณโอ๋ 13 ก.พ. 66

ทัศไนย : ทำได้มั้ย สัญญาทำได้มั้ยก่อน

เอกภพ : คุณโอ๋ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ก่อน

ทัศไนย : ไม่จำเป็น มีกฎหมายอะไรบังคับว่าต้องเป็นเจ้าของทรัพย์

เอกภพ : คุณทนายฟังก่อนนะ เคสนี้ไม่ใช่มีแค่คุณหญิงนะ มันมีอีกหลายเคสมากที่มาร้องที่สายไหมต้องรอด บางเคสไปประมูลซื้อบ้านมา แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินเขานะ แล้วเอาบ้านไปปล่อยเช่า ล่าสุดมีพยาบาลติดต่อมาที่ผม ไม่ใช่เคสคุณโอ๋นะ ลักษณะคล้ายกัน เขาก็เสียหายมาก ของคุณโอ๋ เมื่อเขาบอก 2 ปีต้องชำระหมด ก็เท่ากับคุณโอ๋มีภาระต้องชำระให้เสร็จสิ้น เท่ากับบ้านยังไม่ได้เป็นของคุณโอ๋นะ

โอ๋ : บ้านยังไม่ถูกยกเลิกเลยค่ะ

ทัศไนย : สัญญาทางแพ่งของเอกชนขยายเวลาได้ ขยายอีก 2 ยังได้ อย่ามาตัดสินว่า 2 ปีต้องจบ แล้วไปขายคนอื่นไม่ได้

เอกภพ : คำถามคือได้แจ้งให้เขารู้มั้ย เมื่อสักครู่คุณโอ๋แจ้งว่าคุณโอ๋หผ่อนกับธนาคาร ถูกมั้ยครับ แต่ข้อเท็จจริง คุณโอ๋มีหลักฐานการผ่อนมั้ย

โอ๋ : มีหลักฐานการซื้อขายค่ะ

เอกภพ : คุณโอ๋เอาเงินไปโปะไม่ได้ผ่อนใช่มั้ย เพราะคุณโอ๋บอกว่าเขาทราบว่าคุณโอ๋ผ่อนธนาคาร คำถามที่ถามคือคุณโอ๋ผ่อนธนาคารตามที่ได้พูดมั้ย

โอ๋ : มีผ่อนบ้างไม่ผ่อนบ้าง

เอกภพ : มีหลักฐานกานผ่อนมั้ย

โอ๋ : มีค่ะ

เอกภพ : ผ่อนเดือนเท่าไหร่ เพราะข้อเท็จจริงธนาคารให้จ่ายเป็นเงินก้อน เขาให้เวลา 2 ปีในการปิด ไม่ให้คุณโอ๋ผ่อนนะ แล้วคุณโอ๋ผ่อนจากอะไร

โอ๋ : ผ่อนค่างวดไง มีรายเดือนบอกกอยู่ เราคุยกับธนาคารด้วยว่าให้ลูกค้าออกจากบ้านด้วย

เอกภพ : เขาผ่อนให้คุณโอ๋ทุกเดือน เดือน 2.5 หมื่น ถ้าคุณโอ๋บอกว่ามีเวลา 2 ปี จะผ่อนก่อนหรือไปโปะทีหลังไม่ว่ากัน แต่ปัญหาเกิดเพราะธนาคารมาที่บ้านเขา แล้วบอกว่าคุณมาได้ยังไง ถ้ากรรมสิทธิ์เป็นของคุณโอ๋ อย่างที่คุณโอ๋พยายามอธิบาย ธนาคารจะไปที่บ้านเขาได้ยังไง

โอ๋ : ถ้ากรรมสิทธิ์บอกให้เขาออกจากบ้าน ธนาคารจะนัดเราสามคนเพื่อเคลียร์ทำไม ว่าคุณจะจ่ายค่าบ้าน ธนาคารนัดไปว่าโอ๋จะให้เขาผ่อนบ้านโดยใช้ชื่อเขาหรือชื่อโอ๋ โอ๋บอกว่าถ้าเขาอยากผ่อนให้เขาสบายใจ ใช้ชื่อเขาได้ แต่เขาต้องเคลียร์ค่าบ้านให้โอ๋ในส่วนต่างที่เหลือ ที่โอ๋รีโนเวตบ้านไป เงิน 6 แสนที่เราลงไป จะชุบมือเปิบก็ไม่ใช่ นี่พูดตามหลักความจริง

ทนายแก้ว : บ้านหลังนี้เป็นอสังหาริมทรัพย์ ผู้ทำเรื่องการให้เช่าซื้อต้องเป็นเจ้าของครับ หลักการเมื่อไม่ได้เป็นเจ้าของ ลูกค้าหรือฝ่ายตรงข้าม รู้ถึงเหตุนี้มั้ยก่อน กรณีที่ลูกค้าไม่รู้แล้วลูกค้าหลงเชื่อ อันนี้เข้าข่ายหลอกลวง ใครเอาทรัพย์มาให้เช่าซื้อต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ แต่ถ้าลูกค้าสมัครใจรับความเสี่ยงกรณีคุณไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ มันอีกเรื่องนึง

เลิศศักดิ์ : จริงๆ เรื่องนี้มีจุดที่หนึ่งผู้ร้องเขาไม่ทราบ ต้องแยกก่อนนะ คุณไปทำสัญญากับธนาคาร แต่เขาทำสัญญาเช่าบ้านกับคุณ เขาอยากได้บ้าน เท่าที่ฟังข้อมูล มีตัวละครเยอะ ข้อมูลนี้ผมเชื่อว่าหาได้ไม่ยาก ระหว่างการทำสัญญากับสถาบันการเงิน มีระยะเวลายังไง แล้วพฤติการณ์ในการทำเป็นยังไง อันนี้จะตอบได้ในบางเรื่อง หลักในการทำ เขามุ่งหวังอยากได้บ้าน เรื่องมีโฉนดหรือไม่ต้องไปพิสูจน์กัน เรื่องนี้คุณโอ๋เป็นผู้มีวิชาชีพในการขายเรื่องนี้ โดยปกติแล้วเวลาทำสัญญาคนทั่วไปต้องมีโฉนดให้เขาดู อันนี้สำคัญที่สุด สมมติผมจะซื้อบ้านแล้วผมรู้ว่าบ้านหลังนี้ไปแขวนอยู่บนจมูกยืมคนอื่นหายใจระหว่างคุณกับแบงก์ ไม่รู้เมื่อไหร่คุณโอ๋จะผิดสัญญากับแบงก์ แล้วแบงก์ฟ้องแน่นอน แล้วกระทบสิทธิ์ผู้ซื้อทันที นี่คือความเสี่ยง ผมจะไม่ซื้อ เพราะมันเป็นเรื่องที่คุมไม่ได้ ถ้าข้อมูลเราครบ เขาตัดสินใจอย่างไร

ทนายแก้ว : กรณีลูกค้าหรือผู้บริโภคไม่รู้ มุ่งหวังจะได้บ้าน แนวศาลฎีกาวางไว้ชัดเจนว่าเข้าข่ายหลอกลวง ผู้ให้เช่าซื้อต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ คุณจะเอารถคันเดียวกัน เอาไปให้ผู้อื่นเช่าๆ ไม่ได้ แต่ถ้าผมสมัครใจ เป็นอีกเรื่อง จะรู้หรือไม่รู้ก็เอาหลักการก่อน

ทางคุณโอ๋ กับคุณทนายจะเยียวยาลูกบ้านยังไง?
ทัศไนย : ผมจะหาข้อเยียวยา แต่ผมมองว่าร่วมกันทำสัญญากู้แบงก์ให้ผ่าน

หญิง : หนูไม่ร่วมค่ะ

ทัศไนย : ฟังนิดนึงสิ เรื่องเช่าซื้อเป็นแค่ตัวหลอกว่าจะเช่าซื้อระยะยาว ไม่มีใครเช่ายาวหรอก ทำเดินบัญชีพอได้แบงก์จะกู้ผ่าน พอผ่านเขาก็เข้าโดยตรง

ทนายแก้ว : ลูกค้าเขารู้เหมือนที่คุณพูดหรือเปล่า

โอ๋ : รู้ค่ะ

เอกภพ : ผมดูแล้ว เขามีการทำสัญญาซื้อขายปีที่แล้ว แชตนี้เกิดขึ้นหลัง ณ วันทำสัญญาถ้าเขาไม่รู้คือจบเลย เพราะแชตเกิดทีหลัง

ทัศไนย : แต่แชตที่ที่คุยกันก่อนระหว่างการทำบ้านรีโนเวตกันไป เขารู้ตลอด มีเป็นปึ้ง
โอ๋ : แล้วที่บอกว่าพอมารับเรื่องปุ๊บ หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว อันนี้ก่อนด้วยซ้ำ ก่อนแบงก์จะมาค่ะ จะมีใครกี่คนยอมเอาเงิน 6 แสนทำบ้านให้คุณอยู่ โดยคุณหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่

เลิศศักดิ์ : วิธีการเอาไปทำประกันสังคม ใครแนะนำเพื่อเดินบัญชี

หญิง : ลูกน้องคุณโอ๋เป็นคนบอก

เอกภพ : คุณโอ๋ทราบใช่มั้ย

โอ๋ : ทราบค่ะ เพราะบางคนไม่มีอาชีพ โอ๋บอกเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทโอ๋มั้ย อย่างน้อยคุณมีประกันสังคมและยื่นแบงก์ได้

เลิศศักดิ์ : การพิจาณาอนุมัติเป็นหน้าที่ของธนาคาร ต่อให้คุณทำบัญชี แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน

ไม่ใช่ว่ามีเอกสารแค่นี้แล้วจะกู้ได้?
โอ๋ : มีแชตที่ธนาคารบอกว่ากู้ได้ค่ะ จากเคสนี้เลยค่ะ หลังจากเขารู้ว่าแบงก์กู้ได้ปุ๊บ เขาฉีกสัญญาเราทิ้งเพื่อไปผ่อนกับแบงก์ ในยอด 3 ล้านกว่า ต้องหันกลับไปมองมุมนั้นนะคะ เราทำบ้านให้ 6 แสนบาท

หญิง : ไม่มีการฉีกสัญญาทิ้งค่ะ

สามีหญิง : คุณโอ๋บอกบ้านเป็นชื่อคุณโอ๋ ขอดูเอกสารที่ส่งให้ภรรยา แต่ดูสัญญาธอส. คุณไม่มีสิทธิ์เกี่ยวข้องบ้านหลังนี้เลย คุณชิตพลที่ทำสัญญาไว้กับแบงก์ ที่คุณโอ๋บอกว่าเป็นของคุณ

โอ๋ : เงินทั้งหมดเป็นเงินของเราค่ะ ชิตพลคือหลานชาย

หญิง : วันนั้นคุณบอกเป็นน้องเขย วันนี้บอกหลาน

โอ๋ : พูดผิด น้องเขยค่ะ พูดผิดได้ค่ะ (หัวเราะ) เป็นตัวแทนค่ะ ซื้อราคา 3.7 ล้านจากธนาคาร

จะเยียวยายังไง?
โอ๋ : แล้วใครจะเยียวยาโอ๋คะ 6 แสน

สามีหญิง : ทุกคนไม่อยากเอาเรื่อง ทุกคนอยากเอาเงินคืน ผู้เสียหายจากหัวหินเยอะมากนะตอนนี้ที่ยังไม่ได้มา

โอ๋ : ใครจะทำแบบนี้ก็ได้เนอะ กับการที่เราทำให้คุณทุกอย่าง แล้วคุณบอกว่าไม่รับรู้เรื่องอะไรของคุณเลย ฉันขอเงินกลับคืน อันนี้เห็นแก่ตัวมากค่ะ

หญิง : หมายถึงคุณโอ๋ทำเลวกับทุกคนใช่มั้ยคะ

สามีหญิง : ฟังนะครับ ถ้าคุณโอ๋ทำถูกต้อง บ้านผม 4.5 ล้าน จ่ายทั้งหมด 360 งวด ผมจะผ่อนคุณโอ๋อยู่ที่ 7.5 ล้าน คุณโอ๋ได้กำไรครึ่งๆ เลย ลองคำนวณดูครับ

ทนายแก้ว : ฝั่งลูกค้าไม่พอใจก็แจ้งความดำเนินคดี จะเข้าฉ้อโกงหรือไม่ก็อีกเรื่อง ส่วนคดีแพ่งไปร้องที่ผอ.เลิศศักดิ์

ทัศไนย : ที่บอกผมไปอะไร ผมมีคลิปนะ

หญิง : ใช่ค่ะ แต่หนูไม่ได้อนุญาตให้เปิด แต่คุณเอามาเปิด คุณก็ผิดจรรยาบรรณทนายแล้วค่ะ

ทัศไนย : คุณอย่ามาชี้หน้าตัดสินว่าใครผิดใครถูก ผมโทรหาคุณหนึ่งครั้ง ในวันที่ผมคุย คือวันที่ 12 ก.ย.

ทนายแก้ว : ประเด็นคืออะไร

ทัศไนย : ผมคุยแล้วผมบันทึก เขาก็ไปพูดแบบนี้กับท่านรอง ผมเปิดคลิปให้ฟัง เพราะผมไม่ได้ขู่อะไรเขาเลย ผมช่วยเขาด้วยซ้ำไป จะฟังมั้ย คุณพูดแบบนี้ถ้าคนเขาเชื่อผมเสียหาย (เปิดคลิป) ผมพูดตรงไหนว่าข่มขู่

กัน : แต่เคสคุณทนายตอนสารวัตรโทรไป คุณบอกจะแจ้งความ

ทัศไนย : เขาเป็นคนแจ้ง ผมไม่มีสิทธิ์แจ้งใคร เขาแจ้งความว่าคุณให้แจ้งความเท็จ เพราะคุณบอกเขาฉ้อโกง แต่ความจริงคุณรู้กับเขา ไปยื่นธนาคาร

หญิง : หนูไม่รู้ค่ะ

กัน : คุณไม่ได้รับเงินไปเหรอคะ ยอดโอน

ทัศไนย : ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ เรื่องรู้กันกับธนาคาร

ทนายแก้ว : วันนี้เราหาทางออก ทางคุณโอ๋เยียวยาไม่ไหว ถูกมั้ย

โอ๋ : อยากให้หันมามองว่า บ้านพี่หญิงเราทำให้เขา 6 แสน

ทนายแก้ว : ข้อเท็จจริงคนละเรื่องกัน ฝั่งนี้เขาบอกเขาไม่รู้ด้วยกับโอ๋ ในการไปเติม 6 แสน เขารู้อย่างเดียวคือ 4.5 ล้าน ข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน ผมว่าไปร้องสคบ. ตรงนี้คงคุยไม่จบ

มีคนสงสัยและบอกให้ถาม ทำไมโอ๋เอาบ้านออกมาจากธนาคารได้เยอะ?
โอ๋ : ไม่ได้เอามาพร้อมกันทั้งหมดนะคะ เอามาแล้วลูกค้ายื่นกู้ได้ เราส่งลูกค้าถึงที่แล้ว

หญิง : ไม่ใช่ค่ะ ล่าสุดให้น้องนิวประมูลได้ 10 หลังเลยค่ะ

ทัศไนย : โอ๋มีนายทุน นายทุนให้โอ๋เอาเงินมาวาง เช่นหลังพี่หญิง 3 ล้าน นายทุนเอาไป 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะแจ้ง รบกวนแจ้งนายทุน

โอ๋ : นายทุนอยู่เบื้องหลังนี้ด้วยค่ะ ที่พยายามรวมทุกคนมาตรงนี้

ทัศไนย : จะเก็บเงินจากทุกท่านเอาไปส่วนตัวเอง มีหลักฐานครับ

ท็อป : คดีให้คุณโอ๋กี่วัน ถ้าไม่ทันขึ้นมาล่ะครับ

โอ๋ : ถ้าพี่ผ่อนบ้านกับโอ๋อยู่แล้วโอ๋ไม่สามารถเอาบ้านให้พี่ได้ พี่สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโอ๋ได้เลย

ท็อป : มันติดตรงนี้แหละ แล้วผมจะกล้าผ่อนได้ไง ในเมื่อมีคำสั่งออกมาแบบนี้ มันจะถูกยึดอยู่แล้ว

ทัศไนย : ไม่เป็นไร คำพิพากษา 1.9 ล้าน คุณโอ๋เอาเงินไปวาง 1.9 ล้าน เรื่องคุณก็ต้องมาดำเนินคดีกับโอ๋ ถ้าโอ๋ผิดสัญญากับคุณ แต่โอ๋ผิดกับใคร เขาก็มาดำเนินคดีกับโอ๋

ท็อป : แต่มันกระทบกับผม ผมเป็นคนอยู่บ้าน

โอ๋ : ไม่กระทบค่ะ

ท็อป : แน่ใจเหรอ

ทัศไนย : เขาเป็นเจ้าของ เขาทำได้

โอ๋ : หลังโฉนดคือชื่อโอ๋ค่ะ

เอกภพ : แต่เคสคุณหญิงเขาไม่ได้เป็นเจ้าของไง

ทัศไนย : ก็เปรียบเทียบ มีหลายแบบ

เอกภพ : วันนี้คุณโอ๋อาจคำนวณพลาดในการทำธุรกิจของคุณโอ๋ก็ได้ เพราะจริงๆ คุณโอ๋ต้องมีทุนเป็นของตัวเอง การไปซื้อบ้านประมูลจากธนาคาร ถ้าบังคับคดีให้ 6 เดือน หรือธนาคารให้ 2 ปี หรือคุณโอ๋รู้ล่วงหน้าว่ามีทุนมา เมื่อได้บ้านปุ๊บคุณโอ๋มีสิทธิ์รีโนเวตเพื่อขายได้ แต่ครบ 2 ปี คุณโอ๋ต้องมีเงินไปปิดเขา ต่อให้คนที่ซื้อคุณกับโอ๋ไม่มีเงินไปปิด คุณโอ๋ก็ต้องไปปิด เพราะในสัญญาคุณโอ๋ทำแต่ละคนเป็นสัญญาระยะยาว ปัญหาที่เกิดวันนี้คือคุณโอ๋ไม่มีทุน ไม่สามารถหาเงินไปปิดแบงก์ได้ พอถึงกำหนดแบงก์เลยมาถึงที่บ้าน

โอ๋ : ในเคสคุณหญิง สัญญาโอ๋ยังไม่ได้ยกเลิกนะคะ แต่เขาฉีกสัญญาเราทิ้งแล้วเขาไม่ผ่อน

เอกภพ : ที่ผมพูดเคสหลายๆ เคส แบงก์ไปที่บ้านเขา กลับกัน มองคนที่ไปซื้อ คุณบอกคุณรีโนเวต แต่คุณรีโนเวตเพื่อขาย แล้วคาดการณ์ว่าคนซื้ออาจกู้แบงก์ผ่านก็ได้ หรือไม่ผ่านก็มีทุนมา เมื่อไม่เป็นอย่างที่คุณโอ๋คาด คุณโอ๋จะโยนภาระมาที่ผู้ซื้อไม่ได้ คุณโอ๋ต้องแบกรับตัวเองด้วยว่าคำนวณผิดเอง ต้องชดใช้ ต้องโยนมาที่ตัวเราผิดก่อน แต่วันนี้คุณโอ๋โยนให้คนอื่นหมดเลย ชาวบ้านเดือดร้อนหมดเลย

จะมีแนวทางเยียวยามั้ย?
ทัศไนย : แต่ละหลังโอ๋ปรึกษาว่าทำยังไงดี โอ๋ต้องหานายทุน เอานายทุนมาทำใหม่ ไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน เริ่มด้วยเงิน ก็ต้องแก้ด้วยเงิน

ท็อป : ผมจะมั่นใจได้ยังไง พี่โอ๋ไปประมูลบ้านหลังนี้ได้แล้วผมส่งต่อ

ทนายแก้ว : เอาง่ายๆ จะรับผิดชอบยังไง เอาทีละเคส

กัน : อย่างพี่หมอ ผ่อนมาแล้ว 5 ปี แต่ตอนนี้ต้องไปซื้อบ้านเอาเอง คุณรับผิดชอบยังไง

โอ๋ : อันนี้ต้องไปคุยกับหุ้นส่วน เคสบายเคสดีกว่า

ทนายแก้ว : แต่ละฝ่ายก็ไปแจ้งความดำเนินคดี กรณีนี้ความเห็นผมเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน คุณไม่ได้เป็นเจ้าของที่สมบูรณ์ คุณเอาทรัพย์ไปทำธุรกรรมซ้อนธุรกรรมอื่น คุณจะแย้งยังไงก็เดี๋ยวไปว่ากัน เพราะวันนี้บนโต๊ะเข้าใจว่ามีหลายราย ตัวโอ๋ไปแก้ต่างเอานะ

เอกภพ : คุณโอ่ไปพ่นสีเขาทำไม

โอ๋ : ก็เขาไม่ออกไง (หัวเราะ) ในวันที่ไปพ่น ชื่อทุกอย่างก็เป็นของเรา

ทนายแก้ว : คุณอ้างแบบนี้ไม่ได้

หญิง : ไม่ได้เป็นชื่อคุณโอ๋ค่ะ

โอ๋ : สัญญาเขาถูกยกเลิกไปแล้ว คำว่าข่มขู่ไม่มีค่ะ ถ้าคลิปที่เขาให้ดู แค่เดินไปถ่ายวิดีโอแค่นั้นเอง

ทนายแก้ว : นั่นแหละ ไปคุกคามเขา ทำไม่ได้ครับ

โอ๋ : แล้วการที่เขาติดกล้องหันมาในบ้านเรา เขาทำได้มั้ยคะ

ทนายแก้ว : คุณก็ไปแจ้งความ pdpa อีกส่วนนึง แต่คุณไปขยายฐานอื่นไม่ได้ครับ

เอกภพ : ทนายโจ้เหงื่อแตกเลยเหรอครับ

ทัศไนย : ไม่ได้เหงื่อแตก ผมเห็นใจพี่เขา ก็อยากหาทางออก เจตนาแรกผมจะหาทางออก ผมไม่รู้จักพี่เขา ผมไม่ทำร้ายเขาหรอก แต่พอคุยกันไปคนละทาง เราจะหาทางออก ผมให้โอ๋หานายทุน ถ้าใครสนใจอยากลงทุน มาซื้อเลย สมมติซื้อบ้านคุณท็อป ผมมีเงิน 3 ล้านซื้อคุณท็อป คุณท็อปก็ผ่อนกับผมตามเงื่อนไขนั้น

ท็อป : ระหว่างรอนายทุนผมไม่ส่งนะ ผมจะรอจนกว่าได้นายทุน

โอ๋ : ก็ถูกยกเลิกค่ะ

ทัศไนย : คุณต้องผูกพันตามสัญญาก่อน เราต้องรักษาสิทธิและหน้าที่กัน คุณท็อปต้องส่ง

เลิศศักดิ์ : จริงๆ เป็นเหตุที่อาจจะไม่ปฏิบัติตามสัญญา ก็มีเหตุให้เขาระงับการส่งได้ เป็นข้อกฎหมายนึงแล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวสคบ.จะไปเอาข้อเท็จจริงทั้งสองฝั่ง อันไหนที่คุยกันได้ อยากให้เยียวยาเร็วที่สุด แต่ต้องเป็นธรรมทั้งสองฝั่ง ถ้าไกล่เกลี่ยได้โดยไม่ต้องไปศาล จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด





















กำลังโหลดความคิดเห็น